เกาะนามิ ดินแดนใฝ่ฝันของหนุ่มสาวชาวเกาหลีและแดนมหัศจรรย์แห่งขุนเขาโซรัคซาน
06:00 น. แสงแรกแห่งอาทิตย์เริ่มจับขอบฟ้า ตัดเป็นเส้นขอบสวยงามกระทบกับปุยเมฆลอยตัวเป็นกลุ่มก้อนกระจายเป็นหย่อมๆ หลับตาลงอีกครั้งเพราะความง่วงงุน
06:30 น. แสงสว่างจากดวงไฟประดิษฐ์บนเพดานเครื่องบินสาดส่องนวลตาไปทั่วลำเครื่อง ช่วยเพิ่มความสว่างทวีคูณขึ้นเมื่อรวมกับพลังแสงจรัสจ้าของแดดที่สาดส่องจากหน้าต่างบางบานที่เปิดทิ้งไว้ พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน (Air Hostess) นำอาหารเช้ามาบริการ ประกอบด้วย โยเกริต์ 1 ถ้วย เค้ก 1 ชิ้น กล้วยหอม 1 ผล และขนมทำด้วยถั่วเคลือบโกโก้ ก้อนเล็กๆอีก 1 ก้อน ปกติไม่ชอบโยเกริต์เพราะมีลักษณะคล้ายนมบูดแต่ต้องฝืนกิน ไม่งั้นหิวตาย สักครู่มีชา/กาแฟ/ น้ำผลไม้มาบริการเสริม เป็นที่น่าสังเกตว่า แก้วกระดาษที่ใช้เสริฟ์ใบเล็กจิ๋ว คอกาแฟจริงๆ คงเรียกหาสัก 10 แก้ว
ไกด์แนะก่อนมาว่า Passport ใครยังขาวโฟ้วววว คือยังไม่มีการแสตมป์ผ่านไปประเทศอื่นๆ มาก่อนให้เตรียมบัตรเครดิต บัตรประจำตัวอื่นๆแสดงหลักฐานว่าเป็นคนมีระดับมีหลักฐาน ไม่ใช่คิดจะหนีมาเป็นโรบินฮู้ดที่นี่ เราเองแม้ไม่ต้องกังวลเรื่องเหล่านี้แต่ชอบที่จะเป็นผู้เปิดเกมก่อน ด้วยการเปิดฉากทักทาย หากเราเป็นผู้นำเกมเขาก็ต้องคอยรับมือ เชื่อเถอะ ชาวเกาหลีพูดภาษาอังกฤษไม่คล่องหร็อก เขาคงขี้เกียจจะคุยด้วยเลยรีบๆให้เราผ่านโดยเร็ว ระหว่างการลาก กระเป๋าเดินทางมาขึ้นรถ Bus สัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นยะเยือกของอากาศยามเช้า สะท้านทรวงเลยนะเนี่ย ไกด์ขอเปลี่ยนตารางการเที่ยวเพื่อจะได้หลีกเลี่ยงการแออัดของนักท่องเที่ยว แต่รับประกันว่าจะได้ครบถ้วนทุกกระบวนการตามตารางทุกประการ ขอบอกว่าเฉพาะบริษัทนี้ก็ 9 กรุ๊ปไปแล้ว เกือบ 300 คน จากบริษัทอื่นๆอีกหล่ะ แล้วอย่างนี้จะให้เชื่อได้ไงว่าคนไทยยากจน(หรืออยากจน) นี่เป็นการเที่ยวแค่ประเทศเดียวนะจ๊ะ ยังไม่นับประเทศอื่นๆ
ระหว่างทางไปเกาะนามิ รถวิ่งลอดอุโมงค์ที่ตัดผ่านเนินเขาสลับซับซ้อนเป็นระยะๆ นับไม่ถ้วนว่าลอดไปกี่อุโมงค์แล้ว หากเป็นประเทศไทยต้องตัดถนนลัดเลาะอ้อมไปตามแนวของภูเขา มองเห็นต้นซากุระปลูกเรียงรายออกดอกเต็มต้นอยู่เป็นช่วงๆ ต้นซากุระที่เกาหลีมีดอกอยู่ 5 สี คือสีม่วง สีขาว สีชมพู สีเหลือง และสีส้ม เล่ากันในหมู่ชาวเกาหลีว่าชาวญี่ปุ่นนำต้นซากุระที่มีดอกสีชมพูจากเกาหลีไปปลูกที่ญี่ปุ่นในช่วงมาก่อสงครามที่นี่ จึงมีแค่สีเดียว คณะฯของเราแวะรับประทานอาหารเกาหลีมื้อแรก คือ Dukkalbi ไก่ผัดเผ็ดบาร์บีคิว เขาหั่นเนื้อไก่ออกเป็นชิ้นพอคำ คลุกเคล้าด้วยซีอิ๊วเครื่องปรุงหมักทิ้งไว้ นำมาผัดกับผักและข้าว พร้อมเครื่องเคียง คือกิมจิและซุปสาหร่ายและผักสด เป็นอาหารกลางวันที่อร่อยพอสมควร
เกาะนามิเป็นชื่อของนายพลนามิ ได้รับการยกย่องให้เป็นวีรบุรุษและประสบผลสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย
ปัจจุบันเกาะนามิเป็นดินแดนที่หนุ่มสาวชาวเกาหลีใฝ่ฝันที่จะพาคู่รักมาเดินเล่น พักผ่อนในบรรยากาศ
ที่แสนจะโรแมนติก ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครทีวีเรื่อง Winter Love Song กรุ๊ปเราที่มีมาเป็นคู่น่าจะมีเพียง
คู่เดียว ข้อจำกัดของการท่องเที่ยวกับทัวร์ก็คือเรื่องเวลา ระยะเวลาแค่ 4-5 วันจะใช้เวลาแต่ละที่ให้มันเต็มอิ่ม
ได้ไงล่ะคะ เขาเรียกว่ามา Survey ก่อน บางคนก็นิยมเรียกว่า ชะโงกทัวร์ เกาะนามิมีบริเวณกว้างขวาง มีการ
ปรับแต่งภูมิทัศน์ได้สวยงาม ไม่ผิดหวังจริงๆ และมีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับการอ่าน และกิจกรรมอื่นๆ
ที่น่าสนใจ เช่นขี่จักรยานชมวิว หรือแวะชม อนุสาวรีย์ของนายพลนามิ มีการบันทึกข้อคิด คติสอนใจดีๆ
จากท่าน หรือแวะชมฟาร์มนกกระจอกเทศ ฯลฯหากจะใช้เวลาดื่มด่ำกับบรรยากาศที่นี่ให้คุ้มค่าอย่างน้อย
ต้อง 1-2 วัน ต่อจากนั้นไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติโซรัคซานหรือสวิสเซอร์แลนด์เกาหลี เราเดินทางไปถึงที่นี่
เย็นคล้อยแล้ว นั่งกระเช้าไฟฟ้า ( Cable Car ) ไปสู่ยอดเขา ท่ามกลางความหนาวเหน็บถึงกระดูกชั้นใน
หลายคนสมัครใจถ่ายภาพอยู่บริเวณนั้นไม่ยอมเดินต่อขึ้นไปบนยอดเขาซึ่งเป็นระยะทางอีกประมาณ 500
เมตร อาจกังวลเรื่องเวลาที่ค่อนข้างจำกัดและขยาดกับความหนาวเย็นก็เป็นได้ เมืองไทยร้อนสักขนาดนั้น
รู้ทั้งรู้ว่าอุณหภูมิที่นี่ประมาณ 6-17 องศา แต่ยามแพ็คกระเป๋า และต้องปาดเหงื่อที่หยดติ๋งๆ ไปด้วย
คงจินตนาการความรู้สึกเย็นยะเยือกของที่นี่ไม่ออก แต่สำหรับเราไหนๆก็ไหนๆ หากยังลากสังขารไปได้ก็
ฮึดสู้…อยู่แล้ว ไต่บันไดขึ้นไปถึงด้านบน พบกับความสวยงามของบรรยากาศจนลืมความเหน็ดเหนื่อยและ
ความหนาวไปเลย ทิวทัศน์งดงามได้ใจจริงๆ
ต่อจากนั้นคณะฯของเราก็ลงมาเที่ยว วัดชินฮึงซา เป็นวัดเก่าแก่ในนิกายเซน สร้างขึ้นปี คศ.652 ที่โดดเด่น
ก็คือพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ปางสมาธิขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางแจ้ง กราบขอพรตามความเชื่อ แต่ไม่มี
เวลานมัสการพระโพธิสัตว์กวนอิมกับไดเซจิในวิหาร รีบกลับไปที่รถตามเวลานัดหมาย เรารับประทาน
โอซัม พุลโกกิ เป็นอาหารเย็นซึ่งประกอบด้วยปลาหมึกสดและหมูสไลด์ที่ผ่านการหมักด้วยเครื่องปรุง นำมา
ผัดรวมกับผักสดนานาชนิดบนกระทะร้อน กลิ่นหอมโชยเข้าจมูกจนต้องรีบตักทานกับข้าวสวยร้อนๆ พร้อม
เครื่องเคียงที่มีกิมจิเป็นส่วนหนึ่งเสมอๆ ข้าวของเกาหลีใกล้เคียงกับข้าวของญี่ปุ่นที่มีลักษณะเหนียว แต่เหนียว
น้อยกว่าข้าวเหนียวไทย ก็อิ่มอร่อยดี ไปพักที่ รีสอร์ทในเขตโซรัคที่จัดให้อยู่ในระดับ 3 ดาวแต่ชอบนะเพราะ
ห้องกว้างมาก จัดแบ่งเขตเป็นส่วนของห้องรับแขก ห้องแต่งกาย ห้องนอนและห้องน้ำที่มีอุปกรณ์พร้อมสรรพ
แถมมีที่นอนแบบสไตล์เกาหลีให้อีก 3 ชุดปูนอนกับพื้นได้ นอนกันได้เป็น 10 คนแน่ะ เวลานอนเปิดประตู
และหน้าต่างรับอากาศธรรมชาติได้อย่างสดชื่นเต็มที่ เขาไม่อนุญาตให้ใช้แอร์จึงดึงปลั๊กไฟแอร์ออก แต่บางห้อง
แทบจะไม่ยอมเปิดหน้าต่างนอนไม่รู้ว่ากลัวคนหรือกลัวหนาวมากกว่ากัน แต่ถูกใจเราจริงๆ ค่ะ กิจกรรมการ
ท่องเที่ยวของวันนี้จัดว่าอยู่ในระดับน่าพอใจ HAPPY ค่ะ
มาชม
น่าสนใจนะครับ ที่ว่า... ต้นซากุระที่เกาหลีมีดอกอยู่ 5 สี คือสีม่วง สีขาว สีชมพู สีเหลือง และสีส้ม ...
สวัสดีค่ะคุณ UMI ,
ชื่อของคุณมาจากภาษาญี่ปุ่น ที่แปลว่า ทะเล หรือเปล่าเอ่ย ?
ได้มีโอกาสเห็นดอกซากุระที่เกาหลีเกือบครบทุกสี ยกเว้นสีส้ม ค่ะ อย่าลืมติดตามอ่านตอนต่อไปนะคะ