Special Colorful Korea เที่ยวแดนกิมจิเทศกาลปีใหม่ไทย (ตอนที่ 2)


เกาะนามิดินแดนแห่งความใฝ่ฝันและแดนมหัศจรรย์แห่งขุนเขาโซรัคซาน

                                    

เกาะนามิ ดินแดนใฝ่ฝันของหนุ่มสาวชาวเกาหลีและแดนมหัศจรรย์แห่งขุนเขาโซรัคซาน

 

06:00 .  แสงแรกแห่งอาทิตย์เริ่มจับขอบฟ้า ตัดเป็นเส้นขอบสวยงามกระทบกับปุยเมฆลอยตัวเป็นกลุ่มก้อนกระจายเป็นหย่อมๆ   หลับตาลงอีกครั้งเพราะความง่วงงุน 
06:30. แสงสว่างจากดวงไฟประดิษฐ์บนเพดานเครื่องบินสาดส่องนวลตาไปทั่วลำเครื่อง  ช่วยเพิ่มความสว่างทวีคูณขึ้นเมื่อรวมกับพลังแสงจรัสจ้าของแดดที่สาดส่องจากหน้าต่างบางบานที่เปิดทิ้งไว้  พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน (Air Hostess) นำอาหารเช้ามาบริการ ประกอบด้วย  โยเกริต์ 1 ถ้วย   เค้ก 1 ชิ้น กล้วยหอม  1 ผล และขนมทำด้วยถั่วเคลือบโกโก้ ก้อนเล็กๆอีก 1  ก้อน  ปกติไม่ชอบโยเกริต์เพราะมีลักษณะคล้ายนมบูดแต่ต้องฝืนกิน ไม่งั้นหิวตาย  สักครู่มีชา/กาแฟ/ น้ำผลไม้มาบริการเสริม เป็นที่น่าสังเกตว่า แก้วกระดาษที่ใช้เสริฟ์ใบเล็กจิ๋ว  คอกาแฟจริงๆ คงเรียกหาสัก 10 แก้ว
     ไกด์แนะก่อนมาว่า  Passport ใครยังขาวโฟ้วววว  คือยังไม่มีการแสตมป์ผ่านไปประเทศอื่นๆ มาก่อนให้เตรียมบัตรเครดิต  บัตรประจำตัวอื่นๆแสดงหลักฐานว่าเป็นคนมีระดับมีหลักฐาน  ไม่ใช่คิดจะหนีมาเป็นโรบินฮู้ดที่นี่   เราเองแม้ไม่ต้องกังวลเรื่องเหล่านี้แต่ชอบที่จะเป็นผู้เปิดเกมก่อน  ด้วยการเปิดฉากทักทาย  หากเราเป็นผู้นำเกมเขาก็ต้องคอยรับมือ เชื่อเถอะ ชาวเกาหลีพูดภาษาอังกฤษไม่คล่องหร็อก  เขาคงขี้เกียจจะคุยด้วยเลยรีบๆให้เราผ่านโดยเร็ว  ระหว่างการลาก กระเป๋าเดินทางมาขึ้นรถ Bus สัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นยะเยือกของอากาศยามเช้า  สะท้านทรวงเลยนะเนี่ย   ไกด์ขอเปลี่ยนตารางการเที่ยวเพื่อจะได้หลีกเลี่ยงการแออัดของนักท่องเที่ยว  แต่รับประกันว่าจะได้ครบถ้วนทุกกระบวนการตามตารางทุกประการ  ขอบอกว่าเฉพาะบริษัทนี้ก็ 9 กรุ๊ปไปแล้ว เกือบ 300 คน  จากบริษัทอื่นๆอีกหล่ะ  แล้วอย่างนี้จะให้เชื่อได้ไงว่าคนไทยยากจน(หรืออยากจน)  นี่เป็นการเที่ยวแค่ประเทศเดียวนะจ๊ะ  ยังไม่นับประเทศอื่นๆ  
      ระหว่างทางไปเกาะนามิ  รถวิ่งลอดอุโมงค์ที่ตัดผ่านเนินเขาสลับซับซ้อนเป็นระยะๆ นับไม่ถ้วนว่าลอดไปกี่อุโมงค์แล้ว  หากเป็นประเทศไทยต้องตัดถนนลัดเลาะอ้อมไปตามแนวของภูเขา  มองเห็นต้นซากุระปลูกเรียงรายออกดอกเต็มต้นอยู่เป็นช่วงๆ  ต้นซากุระที่เกาหลีมีดอกอยู่ 5 สี  คือสีม่วง สีขาว  สีชมพู  สีเหลือง และสีส้ม   เล่ากันในหมู่ชาวเกาหลีว่าชาวญี่ปุ่นนำต้นซากุระที่มีดอกสีชมพูจากเกาหลีไปปลูกที่ญี่ปุ่นในช่วงมาก่อสงครามที่นี่  จึงมีแค่สีเดียว   คณะฯของเราแวะรับประทานอาหารเกาหลีมื้อแรก  คือ Dukkalbi ไก่ผัดเผ็ดบาร์บีคิว  เขาหั่นเนื้อไก่ออกเป็นชิ้นพอคำ  คลุกเคล้าด้วยซีอิ๊วเครื่องปรุงหมักทิ้งไว้ นำมาผัดกับผักและข้าว พร้อมเครื่องเคียง คือกิมจิและซุปสาหร่ายและผักสด  เป็นอาหารกลางวันที่อร่อยพอสมควร  

          

     เกาะนามิเป็นชื่อของนายพลนามิ  ได้รับการยกย่องให้เป็นวีรบุรุษและประสบผลสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย 
ปัจจุบันเกาะนามิเป็นดินแดนที่หนุ่มสาวชาวเกาหลีใฝ่ฝันที่จะพาคู่รักมาเดินเล่น  พักผ่อนในบรรยากาศ
ที่แสนจะโรแมนติก  ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครทีวีเรื่อง
Winter Love Song  กรุ๊ปเราที่มีมาเป็นคู่น่าจะมีเพียง
คู่เดียว   ข้อจำกัดของการท่องเที่ยวกับทัวร์ก็คือเรื่องเวลา  ระยะเวลาแค่
4-5 วันจะใช้เวลาแต่ละที่ให้มันเต็มอิ่ม
ได้ไงล่ะคะ  เขาเรียกว่ามา
Survey ก่อน  บางคนก็นิยมเรียกว่า  ชะโงกทัวร์  เกาะนามิมีบริเวณกว้างขวาง มีการ
ปรับแต่งภูมิทัศน์ได้สวยงาม ไม่ผิดหวังจริงๆ  และมีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับการอ่าน  และกิจกรรมอื่นๆ
ที่น่าสนใจ เช่นขี่จักรยานชมวิว หรือแวะชม อนุสาวรีย์ของนายพลนามิ  มีการบันทึกข้อคิด  คติสอนใจดีๆ
จากท่าน  หรือแวะชมฟาร์มนกกระจอกเทศ ฯลฯหากจะใช้เวลาดื่มด่ำกับบรรยากาศที่นี่ให้คุ้มค่าอย่างน้อย
ต้อง
1-2 วัน   ต่อจากนั้นไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติโซรัคซานหรือสวิสเซอร์แลนด์เกาหลี  เราเดินทางไปถึงที่นี่
เย็นคล้อยแล้ว นั่งกระเช้าไฟฟ้า (
Cable Car ) ไปสู่ยอดเขา  ท่ามกลางความหนาวเหน็บถึงกระดูกชั้นใน 
หลายคนสมัครใจถ่ายภาพอยู่บริเวณนั้นไม่ยอมเดินต่อขึ้นไปบนยอดเขาซึ่งเป็นระยะทางอีกประมาณ
500
เมตร  อาจกังวลเรื่องเวลาที่ค่อนข้างจำกัดและขยาดกับความหนาวเย็นก็เป็นได้  เมืองไทยร้อนสักขนาดนั้น  
รู้ทั้งรู้ว่าอุณหภูมิที่นี่ประมาณ
6-17 องศา  แต่ยามแพ็คกระเป๋า  และต้องปาดเหงื่อที่หยดติ๋งๆ ไปด้วย 
คงจินตนาการความรู้สึกเย็นยะเยือกของที่นี่ไม่ออก  แต่สำหรับเราไหนๆก็ไหนๆ หากยังลากสังขารไปได้ก็
ฮึดสู้
อยู่แล้ว   ไต่บันไดขึ้นไปถึงด้านบน  พบกับความสวยงามของบรรยากาศจนลืมความเหน็ดเหนื่อยและ
ความหนาวไปเลย  ทิวทัศน์งดงามได้ใจจริงๆ 

           

 

            

 

             

  ต่อจากนั้นคณะฯของเราก็ลงมาเที่ยว วัดชินฮึงซา เป็นวัดเก่าแก่ในนิกายเซน สร้างขึ้นปี คศ.652 ที่โดดเด่น
ก็คือพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ปางสมาธิขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางแจ้ง  กราบขอพรตามความเชื่อ  แต่ไม่มี
เวลานมัสการพระโพธิสัตว์กวนอิมกับไดเซจิในวิหาร  รีบกลับไปที่รถตามเวลานัดหมาย   เรารับประทาน
โอซัม พุลโกกิ เป็นอาหารเย็นซึ่งประกอบด้วยปลาหมึกสดและหมูสไลด์ที่ผ่านการหมักด้วยเครื่องปรุง  นำมา
ผัดรวมกับผักสดนานาชนิดบนกระทะร้อน  กลิ่นหอมโชยเข้าจมูกจนต้องรีบตักทานกับข้าวสวยร้อนๆ พร้อม
เครื่องเคียงที่มีกิมจิเป็นส่วนหนึ่งเสมอๆ  ข้าวของเกาหลีใกล้เคียงกับข้าวของญี่ปุ่นที่มีลักษณะเหนียว แต่เหนียว
น้อยกว่าข้าวเหนียวไทย  ก็อิ่มอร่อยดี   ไปพักที่ รีสอร์ทในเขตโซรัคที่จัดให้อยู่ในระดับ
3 ดาวแต่ชอบนะเพราะ
ห้องกว้างมาก  จัดแบ่งเขตเป็นส่วนของห้องรับแขก  ห้องแต่งกาย  ห้องนอนและห้องน้ำที่มีอุปกรณ์พร้อมสรรพ
แถมมีที่นอนแบบสไตล์เกาหลีให้อีก 3 ชุดปูนอนกับพื้นได้  นอนกันได้เป็น 10 คนแน่ะ  เวลานอนเปิดประตู
และหน้าต่างรับอากาศธรรมชาติได้อย่างสดชื่นเต็มที่  เขาไม่อนุญาตให้ใช้แอร์จึงดึงปลั๊กไฟแอร์ออก แต่บางห้อง
แทบจะไม่ยอมเปิดหน้าต่างนอนไม่รู้ว่ากลัวคนหรือกลัวหนาวมากกว่ากัน
 แต่ถูกใจเราจริงๆ ค่ะ  กิจกรรมการ
ท่องเที่ยวของวันนี้จัดว่าอยู่ในระดับน่าพอใจ  
HAPPY ค่ะ

          

       

 

          

 

 

หมายเลขบันทึก: 256341เขียนเมื่อ 20 เมษายน 2009 02:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 พฤษภาคม 2012 20:04 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

มาชม

น่าสนใจนะครับ ที่ว่า... ต้นซากุระที่เกาหลีมีดอกอยู่ 5 สี คือสีม่วง สีขาว สีชมพู สีเหลือง และสีส้ม ...

สวัสดีค่ะคุณ UMI ,

ชื่อของคุณมาจากภาษาญี่ปุ่น ที่แปลว่า ทะเล หรือเปล่าเอ่ย ?

ได้มีโอกาสเห็นดอกซากุระที่เกาหลีเกือบครบทุกสี ยกเว้นสีส้ม ค่ะ อย่าลืมติดตามอ่านตอนต่อไปนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท