ปวดหัวจากไมเกรน


คุณหมอฟันธงว่า 70% คุณเป็นไมเกรน แต่เผื่อไว้ 30% เรื่องของพยาธิในสมอง เพราะจากผลการตรวจ น้ำไขสันหลัง ครั้งก่อนพบว่า มีร่องรอยของพยาธิในสมอง แล้วคุณหมอยังสันนิฐานอีกว่า ตอนที่เป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบครั้งนั้นน่าจะเกิดจาก มีพยาธิตายไป 1 ตัว

ครบ 1 เดือนเต็มแล้วที่อาการปวดหัวยังคงเดิมคือ จะปวดรอบๆเบ้าตาขึ้นไปข้างบนศรีษะแล้วปวดลงมาถึงท้ายทอยบางทีก็ลามมาถึงต้นคอ คุณหมอที่วินิจฉัยว่าเป็นการปวดหัวเนื่องจากความดันสูง ผมก็เริ่มตรวจวัดความดันทุกเช้า ตลอดทั้งสัปดาห์ ผลที่ได้คือความดันยังปกติมีแนวโน้มต่ำด้วยซ้ำไป คุณหมอประจำที่ทำงานตั้งข้อสังเกตว่าเองความผิดปกติของสายตา ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการปวดหัวได้ ผมก็ไปหาหมอตาปรากฏว่าสายตาเอียงนิดหน่อย (-70) ผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาบอกว่าไม่น่ามีผลทำให้ปวดหัวได้ แนะนำว่าให้ไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทจะดีกว่า แต่เพื่อตัดต้นเหตุของปัญหาทีละประเด็นผมยอมตัดแว่นสายตา แต่ก็คงไม่เห็นผลแบบทันทีทันใด

สุดท้ายคงหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วต้องกลับไปหาหมอด้านระบบประสาท แต่ไม่ใช่คุณหมอคนเดิม พอเล่าอาการปวดหัวให้คุณหมอฟังและคุณหมออ่านประวัติเคยป่วยเป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบก็สั่งให้ทำ MRI+CT scan แล้วให้นอนโรงพยาบาลเลยเพราะเกรงว่าจะเกิดอาการช๊อคหมดสติได้โดยเฉพาะเวลาขับรถถือว่าอันตราย แล้วก็โอนให้เป็นผู้ป่วยของแพทย์ที่เคยให้การรักษาตอนป่วยเป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบ แต่ผมไม่ประสงค์ที่จะนอน ร.พ. จึงนัดทำ MRI+CT scan และพบหมอในวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ ดีกว่าเพราะไม่ได้ลางานล่วงหน้าเอาไว้ ผล MRI+CT scan พบว่าไม่พบความผิดในสมองแต่อย่างได้ ประกอบกับคุณหมอที่เคยรักษาอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบให้ท่านบอกว่าอาการแตกต่างกัน ไม่น่าเป็นอาการของโรคเดิมทำให้คลายกังวลลงไปได้เยอะที่เดียวเพราะถ้าเป็นโรคเดิมคงต้องใช้เวลาพักรักษาตัวเป็นเวลานาน แล้วก็เล่าอาการให้คุณหมอฟังอีกครั้ง โดยเริ่มจากอาการปวดรอบๆเบ้าตาขึ้นไปข้างบนศรีษะแล้วปวดลงมาถึงท้ายทอยบางทีก็ลามมาถึงต้นคอ บางครั้งมองไม่เห็นใบหน้าเพื่อนร่วมงาน รู้ว่ามีคนอยู่ตรงนั้นแต่ไม่รู้ว่าเป็นใครเพราะจะคล้ายมีเงาดำๆ หรือบางครั้งเป็นเงาสีอื่นๆ มาบดบังใบหน้าไว้ บางครั้งเวลาอ่านหนังสือจะมองเห็นเฉพาะตัวอักษรเป็นคำๆ ที่เราเพ่งมอง ไม่สามารถอ่านแบบกวาดสายตาไปทั้งบรรทัดอย่างที่เคยทำ คล้ายๆกับเวลาที่เรามองผ่านแว่นขยาย อาการอีกอย่างหนึ่งคือ การมองเห็นแสงสว่างจ้าพาดผ่านเป็นเส้นตรงแล้วเกิดการหักเหของแสง คล้ายๆเวลาเรามองผ่านร้อยร้าวของกระจกเงา พอเล่าอาการให้คุณหมอฟังโดยละเอียด ถ้ามีอาการแบบนี้คนที่ไม่ใช่หมอต่างก็ลงความเห็นตรงกันว่าเป็นโรคเกี่ยวกับอาการผิดปกติทางสมองเช่นต้องเป็นมะเร็งหรือเนื้องอกในสมองแน่นอน แต่พอเล่าจบคุณหมอฟันธงว่า 70% คุณเป็นไมเกรน แต่เผื่อไว้ 30% เรื่องของพยาธิในสมอง เพราะจากผลการตรวจ น้ำไขสันหลัง ครั้งก่อนพบว่า มีร่องรอยของพยาธิในสมอง แล้วคุณหมอยังสันนิฐานอีกว่า ตอนที่เป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบครั้งนั้นน่าจะเกิดจาก มีพยาธิตายไป 1 ตัวแล้วซากของพยาธิทำให้เยื่อหุ้มสมองบริเวณนั้นเกิดการอักเสบ และพยาธิตัวนี้เป็นชนิดที่มีลำตัวเป็นถุงน้ำเล็กๆ มีตาเป็นจุดดำๆสองจุด ทำให้ตอนทำ MRI หรือ CT Scan แล้วหาไม่เจอ แล้วถ้ามีพยาธิในสมองจริงๆมันต้องมีมากกว่า 1 ตัว แล้วเราต้องรักษามันไว้อย่าให้มันตาย เพราะถ้าเมื่อไหร่มันตาย แล้วเกิดอักเสบขึ้นมากอีกนั่นหมายถึงเราตายด้วย เหอะๆๆๆๆ

ป.ล. อย่าคิดว่าจะกินยาถ่ายพยาธิด้วยตัวเองเด็ดขาดเพราะ ยาที่เราใช้ฆ่าพยาธิในกระเพาะอาหารกับพยาธิในสมองมันเป็นตัวเดียวกันครับ ถ้ามันตายขึ้นมาแล้วเกิดเป็นซากศพจำทำให้สมองบริเวณนั้นเกิดการอักเสบ หรือถ้าร่างกายพยายามสร้างหินปูนขื้นมาครอบไว้ นั่นก็ไม่ต่างอะไรกับการที่เรามีก้อนเนื้องอกในสมองนั่นแหละครับ

ผมก็ถามหมอว่าแล้วถ้ามันยังอยู่ในสมองจริงผมต้องทำยังไง คุณหมอก็บอกว่าเราฆ่ามันได้แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิด หมายความว่าถ้าเรากินยาฆ่าพยาธิเม็ดละ 5 บาท แต่เราต้องได้รับยาที่ปรับสภาพความสมดุลย์ของร่างกายอีกหลายหมื่นบาททีเดียวครับ

แต่ยังไงตอนนี้หมออยากโฟกัสที่เรื่องของ ไมเกรนก่อนเพราะถ้าตัดประเด็นเรื่องไมเกรนออกได้ล่ะก็เรื่องใหญ่แน่ๆๆ เรื่องอาการปวดหัวจากไมเกรน ต้องขอบคุณน้องน้ำฝน(วัชรา วงศ์มาลา) ที่กรุณาค้นหาข้อมูลมาให้ดังนี้ครับ

 

ปวดหัวจากไมเกรน

พบได้บ่อยมาก  จะถือว่าเป็นโรคเวรกรรมที่ต้องรักษาด้วยแพทย์  และทำบุญให้มาก ๆ ก็ว่าได้  ไมเกรนมีกลไกการเกิดได้หลากหลายสาเหตุ  อาจเป็นเพราะเส้นเลือดในสมองหดตัว  หรือเกี่ยวกับสารสื่อของระบบประสาทในสมอง  หรือกรรมพันธุ์ก็มีส่วนเกี่ยวข้อง  อาการคือปวดศีรษะแบบเดิม ๆ ทุกครั้ง  เวลาปวดก็ปวดมาก  เวลาหายก็หายสนิท  ปวดมาเป็นเดือน  อาการก็ไม่ค่อยมากขึ้น อาจจะปวดนิ่งๆหรือตื้อๆ  อาจปวดแบบเต้นเป็นจังหวะ มักปวดศีรษะข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้  บางครั้งอาจจะปวดไม่กี่นาที  หรืออาจเป็นหลายชั่วโมง  บางครั้งมีน้ำตาไหลได้  บางคนปากเบี้ยวได้ด้วย  บางคนก่อนปวดมีอาการเตือน เช่น  เห็นภาพแปลก หรือภาพบิดเบี้ยว  หรือเห็นอย่างอื่น  เช่น เป็นแสงวาบ  หูได้ยินอะไรแปลก ๆ หรือรู้สึกแปลก ๆ บอกไม่ถูก ถ้ามีอาการเตือน อาการเตือนนี้ก็มักจะซ้ำเดิมทุกครั้ง  และอีกสักครู่จะปวดหัว  ทำนายตนเองได้เลย  ไมเกรน ถ้าได้นอนพักมักจะดีขึ้น อาการจะมากขึ้นถ้าอดนอนหรืออาจจะกระตุ้นด้วยอะไรหลายอย่าง เช่น อดนอน นอนมากไปก็ได้  นอนน้อยไปก็ได้ อากาศเปลี่ยนแปลงก็ได้ อารมณ์ก็ได้ เช่น โกรธเกินไป ดีใจเกินไป หิว เครียด ดื่มสุรา เนยแข็ง กาแฟ ผงชูรส  อาหารบางชนิด หรือทุกอย่าง เราต้องสังเกตเอาเองว่า อะไรทำให้เราเป็นได้มากขึ้นและต้องเลี่ยง  ถ้าควบคุมได้จะได้ไม่เกิดไมเกรน  บางคนแม้แต่ส้มตำก็ทำให้ปวดไมเกรนได้ แต่ไม่มีในตำราฝรั่ง เพราะฝรั่งส่วนมากไม่กินส้มตำ ถ้าปวดหัวมากๆ แล้วไม่หาย ก็ต้องพบแพทย์ แพทย์จะหาสาเหตุอื่นก่อน จนมั่นใจว่าไม่ใช่ ไม่เจอสาเหตุอื่น ค่อยโทษว่าเป็นไมเกรน เพราะไมเกรนไม่อันตรายมาก เพียงแค่ปวดหัวมากเท่านั้น แต่บางครั้งถ้าประวัติเป็นอย่างที่ว่ามาก็มั่นใจได้เลยระดับหนึ่งว่า  น่าจะเป็นไมเกรน การรักษาถ้าปวดไม่บ่อยมียากินแก้ ปวดทีกินที ไม่ปวดก็ไม่ต้องกิน แต่ถ้าปวดบ่อย มียากินป้องกันคือกินยาทุกวันเลย จะได้ไม่ค่อยปวด ยากินป้องกันก็มีหลายตัว มีตั้งแต่ถูกยันแพง ขึ้นอยู่กับบุญกรรมว่าจะตอบสนองตัวไหน คนไหนไม่ทำบุญ ก็ไม่ตอบสนองเลยสักตัวก็มี คนไหนบุญดีกินยานิดเดียวถูก ๆ ก็ป้องกันได้แล้ว ที่สำคัญคือ กินยาแล้วไม่ดีอย่าหนีหมอ ให้กลับไปหาหมอคนเดิม เขาจะได้บันทึกว่ายานี้ไม่ดีกับคนนี้จะได้เริ่มยาตัวใหม่ ถ้าเปลี่ยนหมดก็ได้ตัวเดิมอีก เพราะเขาจะเริ่มจากยาที่ราคาถูกก่อนเสมอ ไม่ได้ผลค่อยเขยิบเป็นแพงขึ้นๆ โรคนี้รับประทานยาที่แพทย์สั่งร่วมกับการทำบุญถือศีลปล่อยนกปล่อยปลา ทำสังฆทานเป็นดีที่สุด ความจริงโรคเวรกรรมยังมีอีกมาก  วันหลังจะเล่าให้ฟังนะครับ (คัดลอกจากวารสารเส้นขอบฟ้า ฉบับที่124 ประจำเดือนกรกฏาคม 2007 สาระน่ารู้   :  .. นพ. จักรพงศ์  ไพบูลย์)

ส่วนความรู้เรื่องยารักษาไมเกรนก็ได้คุณน้องน้ำฝนช่วยบรรยายสรรพคุณเช่นเดียวกันครับ

1.       Nidol Nimesulide 100 mg

2.       Ponstan

3.       Voltarene 25 mg diclofenac. natr.

ทั้ง 3 ชนิดเป็นยากลุ่มเดียวกันที่ใช้บรรเทาและระงับปวดที่มีสาเหตุมาจากความผิดปกติกล้ามเนื้อ (Nidol และ Ponstan มีรายงานผลข้างเคียงอาจทำให้ปวดหัวได้นิดหน่อย) ส่วน Nidol ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะอาจทำให้เกิดภาวะตับอักเสบอย่างรวดเร็วในคนปกติ โดยเฉาะนักดื่มตัวยง (การให้ยาตัวนี้แพทย์จะต้องประเมินความเสี่ยงแล้วว่าเกิดผลดีมากกว่าผลเสียอย่างชัดเจน จึงจะจ่ายยาให้)

4.       Topamax Topiramate 50 mg

ส่วน  Topamax มักใช้ในผู้ป่วยไมเกรน บรรเทาอาการปวดปลายประสาท ด้วยการที่ยาตัวนี้มันออกฤทธิ์โดยตรงต่อระบบประสาท  ทำให้อาจมีอาการมึน ๆ เคลื่อนไหวช้า คลื่นไส้ กล้ามเนื้อตากระตุก ซึ่งอาการข้างเคียงเหล่านี้อาจเกิดหรือไม่เกิดก็ได้ สำหรับผมจำทำให้รู้สึกมึนๆ ใบหน้าชา ออกฤทธิ์ ผสมกันแล้วทำให้งงๆๆ แต่จะค่อยๆหายไปเมื่อกินยาต่อเนื่องหลายๆวัน

5.       Amitryptyline 10 mg

ช่วยคลายกังวล ออกฤทธิ์ประสาทส่วนกลาง มักใช้ร่วมกันในผู้ป่วยไมเกรน  อาจมีอาการปากแห้ง คอแห้ง  อาการมึน ๆ นี้จะเกิดขึ้นในช่วงแรก และจะค่อย ๆลดลงเมื่อทานยาติดต่อกันประมาณ 2 - 3 สัปดาห์ ที่สำคัญยาตัวนี้กินแล้วง่วงมากๆ และตอนเช้าไม่อยากจะตื่นนอนเลยที่เดียว หมอจะให้เริ่มกินจากปริมาณความเข็มข้นน้อยๆ ไปหามาก จากขนาด 10 mg ครั้งละ 1 เม็ดแล้วค่อยๆ เพิ่มเป็น 2 เม็ด แล้วก็เปลี่ยนเป็นขนาด 25 mg แทน ยานี้ต้องกินก่อนนอน

6.       Muscle Relaxant with analgesic

ส่วนตัวสุดท้าย  Muscle Relaxant ก็ออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อเหมือนกัน

การให้ยาทั้งหมดนี้ส่วนใหญ่จะใช้ช่วงสั้น ๆ และประเมินผลการรักษา ถ้าไม่ตรงอาการ คุณหมอจะเปลี่ยนอาใหม่ทันที เพราะผู้ป่วยไมเกรนแต่ละคน ใช้ยาแตกต่างกันออกไปดังที่คุณหมอบอกไว้ข้างต้น

หมายเลขบันทึก: 238959เขียนเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2009 14:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 กรกฎาคม 2012 08:25 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)
  • เข้ามาอ่านได้รับความรู้ เรื่อง ของปวดหัว ไมเกรน การป้องกัน  การรักษา  การสังเกตตัวเองค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
  • เรียนเชิญมาเป็นกำลังใจ ร่วมสนุกกับเราที่ โหวตได้แล้วค่ะ..ภาพคู่ประทับใจ

สวัสดีคะ ขอให้วินิจฉัยได้อย่างถูกต้องและรักษาให้หายเร็วนะคะ

การปวดหัวทรมานนะคะ เคยปวดหัวแบบไมเกรน ทำอะไรไม่ได้ ต้องนอนพักอย่างเดียวแล้วใช้หมอนปิดหน้าไว้ซักพัก พอค่อยยังชั่วแล้วจะอาเจียนแล้วจะดีขึ้น ถ้าปวดจากไมเกรนจริง การรักษาและทานยาควบคุม ทำจิตใจสบาย อย่าเครียด จะหายเร็วขึ้นคะ

สวัสดีค่ะคุณรินทร์

เข้ามาอ่านเกี่ยวกับไมเกรนค่ะ

เพราะเห็นเพื่อนเป็นแล้ว เขาทรมานมากค่ะ

จะนำไปบอกต่อเพื่อนนะคะ

ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ

สวัสดีค่ะคุณรินทร์

ว้า คุณหัวหน้าทัวร์ปวดหัวซะแล้ว

อย่างนี้ ลูกทัวร์ก็รอทริปแย่สิคะ :)

ล้อเล่นนะคะ ... ขอให้หายไวๆ

.. ลองดื่มน้ำเต้าหู้ ทานถั่วเหลืองเยอะๆ นะคะ

อาจจะช่วยได้บ้าง ... ขอให้หายไวๆ ค่ะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาทักทายครับ

แล้วก็ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆด้วยครับ

P P P P 

ยังไงก็ขอให้ทุกท่านห่างไกลโรคนะครับ

โดยเฉพาะโรคไมเกรนนี่เป็นแล้วทรมานครับ

หวัดดีค่ะ...

หายไปนานนะคะ...

ขอเอาใจช่วยให้สุขภาพแข็งแรงในเร็ววันค่ะ

สู้ ๆ

แวะมาเติมกำลังใจ

สวัสดีค่ะ คุณรินทร์

หายป่วยไว ๆ นะคะ

ดูแลรักษาสุขภาพด้วย

สวัสดีค่ะ คุณรินทร์

องศาก็เป็นคนนึงเหมือนกันที่เป็นไมเกรน

ขอบอกว่าทรมานมากๆค่ะ

....ขอให้คุณรินทร์รักษาสุขภาพด้วยนะคะ...

ถ้าอยากหายปวดไมเกรนแบบง่ายๆ ไม่ต้องพึ่งยาที่มีผลข้างเคียงหรือวิธียุ่งยาก(ได้ผลหรือเปล่าก็ไม่รู้)แล้วละก็ ผมขอเสนอสมุนไพรแบบผงแค่ชงกินกับน้ำหายขาดครับ (น้องที่ผมรู้จักก็ใช้อยู่) รับรองผล100% ราคาโคตรถูกครับ ให้ฟรียังได้เลยสำหรับผู้มีรายได้น้อย แต่มีจำนวนจำกัดนะครับ ปรึกษาได้ครับ 086-9073609

Email: [email protected]

เป็น มาได้สอง อาทิตย์แล้วค่ะ

หน้ามืด บ่อยมากกก บางวัน ก็มีไข้

เพราะอากาศหนาวมีส่วนไหมค่ะ หนูอยู่อังกฤษ

แต่ยังไม้กล้าไปหาหมออ >,<

อากาศร้อนหรือเย็นเกินไป ก็มีส่วนทำให้อาการรุนแรงมากขึ้นครับ

ไปหาหมอดีที่สุดครับ

ค่ะ จะลองไปดูตอนนี้อาการมันมากก่าเดิมเยอะเลย

ได้ความรู้เพิ่มขึ้นมากเลยค่ะเป็นไมเกรนค่ะขอบคุณมากๆๆค่ะ

เป็นไมเกรนร่วมกับไฟโบรมัยอัลเจีย สุดยอดเลยความทรมาน แพ้ยารักษาไม่ได้ สุดๆคือ ร้องไห้

เป็นโรค Moyamoya อยู่ค่ะ (ลองไปหาอ่านกันดูในเน็ตนะค่ะ) กินยา Topamax 1 เม็ด เช้า 2 เม็ด เย็น ค่ะ แรกๆจะ ง่วงๆ มึนๆหน่อยๆ แต่ตอนนี้ไม่รู้สึกอะไรอาจเพราะชิน กินมาประมาณ 5 ปีค่ะ ตั้งแต่รู้ ว่าเป็นโรคนี้ จากการทำ MRI MRA และ Angiogram แต่ก็ยังกินยาร่วมกับตัวอื่นๆอีกหลายตัวค่ะ ก็ขอให้เพื่อนๆที่มีอาการปวดหัวหรือป่วยอยู่หายไวๆ สุขภาพแข็งแรงกันนะค่ะ ^^

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท