หลิน : วันนี้มาอีกแนวหนึ่งแล้ว ฟังดูมันน่าเศร้านะเพื่อน
ฮุ่ย : อะไรกันแค่เกริ่นนำเรียบร้อยหน่อยก็ทำเป็นเศร้าเชียว
หลิน : เออนะ ถูกไล่ออกจากห้องเรียน เอ้ยไม่ใช่ถูกเชิญออกห้องเรียนนี่นะ ไม่คิดจะเศร้าเลยหรือ?
ฮุ่ย : จะเศร้าทำไม ฉันไม่เศร้าหรอกเพียงแต่โกรธตัวเองเล็กน้อย ว่าจะไม่แล้วเชียวก็....จนได้
หลิน : ฉันยินได้ยินเพื่อนๆเขาบ่นว่าวิชานี้ยากมากเรียนไม่รู้เรื่อง และเป็นอาจารย์พิเศษจากกอง
ทับเรือมาสอนใช่ไหม
ฮุ่ย : ทำไมเธอถึงรู้ละเอียดจริง
หลิน : จะไม่ให้รู้ได้ไงก็เขาปิดกันให้ Z ทำไม่เธอถึงง่วงละไหนคุยโวว่าถนัดวิชาฟิสิคส์
ฮุ่ย : มันก็จริงอยู่ แต่ก็เป็นเพียงสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ฉันง่วง
หลิน : อะไรนะ ฉันฟังผิดไปหรือเปล่า วิชาที่ถนัดนี่นะทำให้ง่วงนอน อมช้างทั้งฝูงมาพูดฉันก็ไม่เชื่อ
ไม่เชื่อจริงๆ แต่เอเธอบอกว่าเป็นเพียงสาเหตุหนึ่ง นี่ก็แสดงว่ามีอย่างอื่นด้วยซิ
ฮุ่ย : แม้นแล้ว ความจริงเรื่องนี้ฉันไม่ค่อยอยากเล่าสักเท่าไรหรอก เกรงว่าจะไม่สมควร แต่มา
พิจารณาอีกทีแล้วก็เห็นว่าน่าจะเป็นประโยน์ต่อเธอและคนรุ่นหลังนะถึงเล่าให้ฟัง
หลิน : งั้นก็เล่าให้ฟังเร็วๆ ซิชักอยากรู้เหมือนกัน
ฮุ่ย : ตั้งใจฟังให้ดีนะ อันที่จริงวิชานี้เป็นวิชาบังคับของพวก Major Cartography กับ Major
Physical Geography แต่ส่วนใหญ่เป็นเด็กสายศิลป์ก็อาจจะอยากไปหน่อยเพราะไม่มีพื้นมา
ก่อน แต่ฉันจบสายวิทย์เกือบติดบอร์ดเหมือนกัน แต่เพื่อนๆของฉันซิที่ไปเรียน กรุงเทพฯ
เรียนรร.เตรียมอุดมฯ ติดบอร์ดลำดับที่ 2 และ 3 เลยนะขอบอก ส่วน รร.ที่ฉันอยู่เป็นโรงเรียน
ตจว. ติดคนเดียวเป็นที่ 1 ของโรงเรียนเป็นผู้ชาย ฉันก็แค่ที่สองเป็นรองจ๊ะ
หลิน : โม้อยู่ได้ไม่อยากฟัง ฉันอยากรู้ว่าทำไม่เธอถึง ง่วง....แล้วถูกเชิญ.....เท่านั้น เรื่องอื่นไม่สน
ฮุ่ย : ก็ได้ก็ได้ เรื่องมันก็มีอยู่ว่าเป็นชั่วโมงบ่าย แล้วก็มันคล้ายกับวิชาฟิสิคส์ที่ฉันเรียนมา แล้วก็...
หลิน : แล้วก็อะไรล่ะ รีบๆบอกมานะ ไม่งั้นฉันจะไม่ฟังแล้วนะเสียเวลา
ฮุ่ย : เสียงอาจารย์โทนเสียงแบนๆ ราบเรียบสม่ำเสมอ ทำให้ฉันเคลิ้มหลับคำนับท่านหลายหนจน
ท่านทนไม่ไหวจึงเชิญฉันออกไป ทั้งห้องเงียบกริบสถานะการตึงเครียด
หลิน : แล้วเธอทำยังไงต่อไป
ฮุ่ย : ฉันจะทำอะไรได้ ก็ไปตีปิงป่องต่อสนุกสนานไปเลย ตอนทานข้าวเย็นซิเพื่อนๆที่เรียนวิชานี้
ด้วยกันรีบเข้ามาคุยด้วยและพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ และวางแผนกันว่าให้ฉันนั่งแถว
ที่สองแล้วให้ ก.(นามสมุติ)นั่งประกบซ้ายให้ ข.(นามสมุติ)ประกบขวา คอยสังเกตุดู ถ้าฉันเริ่ม
ง่วงให้ใช้ข้อศอกกระทุ้งที่ซี่โครงทางซ้ายบ้างขวาบ้างตามโอกาศและจังหวะเหมาะ
หลิน : แล้วไงต่อ
ฮุ่ย : ฉันก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี มีเพื่อนดีเสียอย่างก็ดีไปสารพัดอย่าง แต่เธอเอ้ย....
หลิน : อะไรหรือ
ฮุ่ย : ตอนบอกผลสอบมิดเทอม อาจารย์บอกว่ามีคนทำคะแนนสูงสุดได้เกือบเต็มหนึ่งคน จะบอกเป็น
คนสุดท้ายจากนั้นอาจารย์ก็เริ่มอ่านชื่อแล้วบอกคะแนนที่ละคนๆ ทุกครั้งอาจารย์อ่านชื่อมัก
จะมองมาทางฉันทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆ อยู่ไม่น้อยเลย
หลิน : เป็นอะไรไปทำไมถอนหายยาวปานนั้น
ฮุ่ย : เหลือสองคนสุดท้าย ทันใดนั้นอาจารย์ขานชื่อฉันเสียงดังผิดปกติจนฉันสะดุ้ง แต่ฉันงงมาก
อาจารย์ซิ ตกใจยิ่งกว่าฉันเสียอีก มันตื่นเต้นเหมือนการประกาศผลประกวดนางงามก็มิปาน
เธอชื่อ.....หรือ ฉันงงไปหมดแล้ว ก็ชื่อฉันแล้วจะให้ฉันชื่อะไร? เธอได้ท็อปวิชานี้ แล้วก็
บอกคะแนนเพื่อนฉันอีกคนที่รองท็อปแต่คะแนนห่างกันอย่างมีนัย นับตั้งแต่นั้นมาฉันกลายเป็น
เด็กดีของ อาจารย์และช่วยติวให้เพื่อนจนจบภาคการศึกษา เรื่องมันก็เป็นประการฉะนี้แหละ
เพื่อนเอ๋ย ถ้าเราพยายามที่จะทำความเข้าใจช่วยกันแก้ไขปัญหามันก็จะหมดไปเองค่ะ
สวัสดีครับ ผมก็มาตอนง่วงเหมือนกัน......ขอบคุณมากครับ
รู้เรื่องหมดแล้วนี่เอง...หลับเลย อิอิ
แต่คิดว่านักศึกษาที่รู้เรื่องแล้วหลับแบบอาจารย์มีน้อยลงเยอะเลยนะคะ จากสถิติสอนหนังสือมา 12 ปี ยังไม่เจอสักคนเลยค่ะที่หลับแล้วท๊อป.. อิิอิ
^ ^
ผมก็เคยแบบนี้ ครับ
สวัสดีค่ะ อ. Lin Hui
ตามมาอ่าน จริงๆแล้วชอบคำนวณ แต่คุณครูดุมาก ด้วยความโกรธคุณครูเลยมาเรียนภาษา ทำแบบอาจารย์ก็ดีครับ ต่อสู้กับวิชาที่อาจารย์ว่า อาจารย์ มีถูกเชิญออกห้องด้วย ปกติผมจะให้นักศึกษาออกไปล้างหน้า ถ้าเขาง่วงมากๆๆก็ให้นอนไปเลย ดูเหมือนใจดีนะครับ อิอิอิๆๆ
เรื่องนี้น่าคิด..ทั้งคนเป็นศิษย์..และครู..ครับ
สวัสดีค่ะ อ. Lin Hui
อาจารย์คะ
สวัสดีค่ะ อ. Lin Hui
สวัสดีค่ะอาจารย์ นุชมีปัญหาเรื่องโพสต์มาเป็นสัปดาห์ วันนี้รู้สึกท่าทางจะดีอ่านและโพสต์มาได้หลายท่านแล้วค่ะ
เรื่องง่วงในเวลาเรียนตอนบ่ายนี่น่าจะเป็นเรื่องปกตินะคะ เป็นบ่อยๆค่ะ แต่พอไม่ได้เป็นนักเรียน ไม่ได้ทำงาน กลายเป็นคนไฮเปอร์ นอนกลางวันไม่เป็น ยกเว้นป่วยค่ะ
สวัสดีค่ะอาจารย์
สวัสดีค่ะ ท่านอาจารย์
เผอิญไปตลาดน้ำอัมพวามาค่ะ เลยขออนุญาตหิ้วขนมมาฝากค่ะ อิอิ
สวัสดีค่ะอาจารย์
สมัยเรียนแป๋วเป็นอีกคนที่ง่วงหลับช่วงบ่ายๆ แต่ก็พยายามจดบางครั้งก็ได้อะไรที่ตลกๆมา เมื่อหมดชั่วโมงจะกลับไปจดใหม่ค่ะ เพื่อนๆจึงมาขอยืมสมุดเลคเชอร์บ่อยๆค่ะ
เมื่อมาเป็นอาจารย์ เวลาเห็นนักศึกษาหลับไม่เคยเชิญออกนอกห้องเลยค่ะ แต่จะบอกให้เพื่อนเขาปลุกค่ะ
เพราะคิดว่าเขาอยากเรียน มาเรียน แต่มันง่วงเพราะสาเหตุต่างๆ เช่น นอนดึก อาจารย์เสียงหวาน อากาศร้อนอบอ้าว...
สวัสดีค่ะครู
แวะมา แล้วแว๊บไป.........อิอิ
สวัสดีครับอาจารย์
เมื่อพูดถึงความง่วง กระผมก็เป็นคนหนึ่งที่ ง่วงง่าย แต่หลับยาก
พออ่านหนังสือทีไร เป็นต้องหลับ
แต่พอจะนอนเลย ก็นานกว่าจะหลับ
วิธีการเลยนำหนังสือมาอ่านก่อน ไม่นาน หลับแน่ๆ
เมื่อนึกถึงตอนที่ เรียนอยู่นักธรรมโท ได้ศึกษาชีวิตของพระโมคคัลลานะ (เพื่อนของพระสารีบุตร) ก่อนที่จะบรรลุธรรม ก็เป็นคนที่ขี้ง่วง พระพุทธองค์ก็เลยแนะวิธีการแก้ง่วงให้
ค้นจากเนต http://www.intania82.com/index.php?showtopic=1760 ตัดบางส่วนที่สำคัญนำมาฝากครับ ...
พระพุทธองค์แนะทางแก้ไว้ดังนี้
๑. โมคคัลลานะ เมื่อเธอมีสัญญาอย่างใดแล้ว เกิดความง่วงขึ้น เธอจงทำไว้ในใจซึ่ง
สัญญาอย่างนั้นให้มาก จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้
๒. ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรตรึกตรองถึงธรรมที่ได้เรียนมาแล้ว ได้ฟังมาแล้วให้มาก จะ
เป็นเหตุให้ละความง่วงได้
๓. ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรสาธยายธรรมที่ได้เรียนได้ฟังมาแล้วให้มากจะเป็นเหตุให้ละ
ความง่วงได้
๔. ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรยอนช่วงหูทั้งสองข้าง และลูบตัวด้วยฝ่ายมือจะเป็นเหตุให้ละ
ความง่วงได้
๕. ถ้ายังละไม่ได้ เธอจงลุกขึ้นแล้วลูบนัยน์ตา ลูบหน้าด้วยน้ำเหลียวดูทิศทั้งหลาย
แหงนดูดาว จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้
๖. ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรทำไว้ในใจถึงอาโลกสัญญา ถือ กำหนดความสว่างไว้ในใจ
เหมือนกัน ทั้งกลางวันและกลางคืน ทำใจให้เปิด ให้สว่าง จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้
๗. ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรเดินจงกรมสำรวมอินทรีย์ มีจิตใจไม่คิดไปภายนอก จะเป็น
เหตุให้ละความง่วงได้
๘. ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรสำเร็จสีหไสยาสน์ นอนตะแคงขวา ซ้อนเท้าให้เลื่อมกัน มี
สติสัมปชัญญะ หมายใจว่าจะลุกขึ้นเป็นนิตย์ เมื่อตื่นแล้วควรรีบลุกขึ้นด้วยตั้งใจว่า เราจะไม่ประกอบความสุขในการนอนและการเคลิ้มหลับอีกจะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้
พระพุทธองค์ ตรัสสอนอุบายเพื่อบรรเทาความง่วงโดยลำดับจนที่สุดถ้ายังไม่หายง่วงก็
ให้นอน แต่ให้นอนอย่างมีสติ เมื่อปรานอุบายแก้ง่วงดังนี้แล้วได้ประทานพระโอวาทอีก ๓ ข้อ คือ:-
๑. โมคคัลลานะ เธอจงทำไว้ในใจว่า เราจะไม่ชูงวง คือ ความถือตัวว่าเราเป็นนั่น เป็น
นี่ เข้าไปสู่สกุล เพราะถ้าภิกษุถือตัวเข้าไปสู่สกุลด้วยคิดว่าเขาจะต้องต้อนรับเราอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าคนในสกุลเขามีการงานมาก ก็จะเกิดอิดหนาระอาใจ ถ้าเขาไม่ใส่ใจต้องรับ เธอก็จะเก้อเขินคิดไปในทางต่าง ๆ เกิดความฟุ้งซ่านไม่สำรวม จิตก็จะห่างจากสมาธิ
๒. โมคคัลลานะ เธอจงทำไว้ในใจว่า เราจักไม่พูดคำอันเป็นเหตุเถียงกันเพราะถ้าเถียง
กันก็จะต้องพูดมาก และผิดใจกัน เป็นเหตุให้ฟุ้งซ่านไม่สำรวม และจิตก็จะห่างจากสมาธิ
๓. โมคคัลลานะ ตถาคตไม่สรรเสริญการคลุกคลีด้วยประการทั้งปวง แต่ก็ไม่ตำหนิ
การคลุกคลีไปทุกอย่าง คือ เราไม่สรรเสริญการคลุกคลีกับหมู่ชน ทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิต แต่เราสรรเสริญการคลุกคลีด้วยเสนาสนะ อันสงบสงัดปราศจากเสียงอื้ออึง ควรแก่การหลีกเร้นอยู่ตามสมณวิสัย
คงเป็นประโยชน์บ้างนะครับ
สวัสดีค่ะอ.หลินฮุ่ย
นักเรียนมาช้าไปหน่อยค่ะ
โอ้โห สุดยอด ขนาดหลับยังท็อปได้ เก่งจริงๆค่ะ อาจารย์ที่สอนท่านก็ใจร้ายจัง ไล่ออกจากห้องเรียน ไม่เข้าใจนักเรียนซะเลยนะคะ ว่าเสียงราบเรียบก็ต้องง่วงเป็นธรรมดา...
แวะมาเยี่ยมค่ะ ขอบคุณค่ะ