ครอบครัวของคุณพ่อค่ายแก้ว ริเป๊ก มีกัน 5 คน พ่อกับแม่มาอยู่ร่วมกันแบบไม่มีสมบัติอะไรมากันเลย ได้มีลูกด้วยกัน 3คน ลูกสาวสองคน ลูกชายหนึ่งคน...และสมัยนั้นมีลูกกันอายุยี่สิบกว่าถือว่ามีลูกช้ามาก..คุณพ่อจบป. 4 ถ้าการเดินทางไม่ลำบากท่านจะต้องได้เป็นตำรวจแต่เพราะถนนเดินทางจากท่าวังผา ไปในเมืองน่านต้องใช้เดินเท้า หรือทางเรือล่องแม่น้ำน่านไป..ด้วยความลำบากท่านเป็นชาวนาชาวไร่ลูกๆจำความได้พ่อกับแม่ทำอาชีพปลูกยาสูบหลังเก็บเกี่ยวข้าว ใช้ล้อเกวียนบรรทุกข้ามน้ำน่านไปขายที่โรงบ่มอีกฝากหนึ่ง..อาชีพนี้ยาวนานนักจนลูกๆเรียนจบปริญญาตรีทุกคน และได้ประกอบอาชีพรับราชการตามที่พ่ออยากให้เป็นทุกคน สิ่งที่ลูกๆทำไม่ได้เหมือนพ่อคือการเขียนบันทึกประจำวันเริ่มจากตื่นนอนตอนเช้า ไปทำอะไร ..ที่ไหน..กับใคร..ได้อะไร..จนกระทั่งเข้านอนหัวค่ำท่านบันทึกกิจกรรมในช่วงก่อนนอนทุกวันลูกๆจะเห็นตั้งแต่ท่านนำสมุดเก่าที่เหลือในเล่มของลูกๆนำมาเย็บติดกันแล้วเขียนถ้ายังไม่สิ้นปีท่านก็นำมาเย็บต่ออีก..เมื่อลูกๆโตเข้าเรียนเห็นสมุดบันทึกขายตามร้านก็จะซื้อให้ท่านทุกปี..ลูกๆได้ทำงานก็จะซื้อจากหน่วยงานราชการท่านยิ่งชอบเขียนตัวหนังสือสวย..อ่านง่าย...( เพราะท่านบวชเป็นเณรเพื่อเข้าเรียนอยู่วัดในเมืองน่าน) ลูกๆปิดเทอมกลับบ้านไปอ่านบันทึกท่านชอบเขียนข้อคิด เช่น "ค้าเตากินเตาแมง ค้าแตงกินแตงเน่า"..หมายความว่า เราปลูกแตงโม(บ่าเต้า) ปลูกแตงกวา..เอาไว้...ลูกดีๆ..สวยๆ..เอาไปขายหมดเหลือลูกที่ไม่สวย..ลูกมีตำหนิไว้กินเพราะนำไปขายก็ไม่ได้เงิน...การทำมาหากินลำบากเพื่อหาเงินส่งลูกๆเรียนหนังสือ..และเป็นบันทึกที่มีแต่กิจกรรมเดิมๆ ..ทุกๆวัน..คือฤดูทำนา..ก็จะบันทึกจากนำควายไปไถ่นา..หว่านข้าว..ถอนกล้าไปดำนา..จนกระทั่งเกี่ยวข้าว..นำข้าวใส่หลองข้าวที่บ้าน..ไปช่วยเพื่อนบ้าน(เอามื้อกัน)ทำงานแบบเดิมๆประจำ..ลูกอ่านแล้วยิ่งทำให้ต้องขยันเรียนมากขึ้น..มีพลังแรงกล้าในการเรียน..มุ่งมั่น..คุณพ่ออยู่สบาย..วางมือในการเป็นเกษตรกรลงเมื่ออายุ 55 ปี พ่อเริ่มไม่สบาย..ไอ..แห้งๆ..รับการตรวจจากหมอที่รพ. สวนดอก ..ตกใจมากหมอบอกว่าเป็นมะเร็งที่ปอดต้องผ่าตัด..คุณพ่ออายุ69ปี เพิ่งเห็นว่าท่านกลัวหน้าซีดเป็นครั้งแรกในชีวิตลูกๆ..เพราะท่านไม่เคยกลัวอะไร..คุณพ่อรักษาโรคมะเร็งได้ 1 ปี ก็สู้กับโรคร้ายนี้ไม่ได้เพราะท่านอ่อนแอเกินไป..ท่านทำใจรับกับโรคนี้ไม่ได้..การอ่านธรรมมะให้ท่านฟังท่านไม่ชอบ..วันนี้จึงอยากบันทึกถึงคุณพ่อค่ายแก้ว ริเป๊ก ผู้ที่ต่อสู้ชีวิตด้วยลำแข้งของตัวเอง..ผู้ที่เขียนบันทึกประจำวัน..ทุกๆวัน 365 วัน ถึง 28 เล่ม(ปี) วันสุดท้าย วันที่ 3 ก.พ 52....รักพ่อมากค่ะ..วันนี้พ่อยังให้กำลังใจลูกๆเสมอนะคะ
เรื่องราวการดำรงชีวิตของพ่อแม่เรา
เป็นตัวอย่างการดำเนินชีวิตที่เหลือเชื่อจริงๆ
แต่ก็มีเราและอยู่ถึงวันนี้ได้..เพราะท่าน
ร่วมรำลึกพระคุณพ่อค่ะ
สวัสดีค่ะ
มิน่าลูกสาวจึงบันทึกได้ดี พราะมีพ่อเป็นต้นแบบ
ท่านมีบุญคุณมากล้น ที่อยู่ในใจลูกครับ
ขอบคุณมากอาจารย์ขจิต ท่านผอ. พรชัย อาจารย์ธนิตย์ เป็นสิ่งที่ประทับใจที่ไม่มีวันลืมได้เครูรินดานำมาเก็บบางเล่มช่วงที่ไปเรียนไม่ได้อยู่กับท่าน ได้นำมาเปิดให้ลูกๆได้อ่านบ้างแล้วค่ะ..จะนำรูปภาพสมุดบันทึกมาลงให้ชมต่อไปนะคะ
ขอบคุณมากค่ะพี่ครู ป1 และพี่ครูคิม มีกำลังใจในการดำเนินชีวิตเมื่อนึกถึงความลำบากของครอบครัวที่ผ่านมาเป็นวิถีชีวิตที่เป็นความจริงและผ่านมาได้แบบภาคภูมิใจ..จริงดั่งพี่ครูคิมว่า..เป็นวรรณกรรม...ถ้ารู้จักนำมาเรียบเรียงร้อยคำแบบครูอิงจันทร์ค่ะ
ได้พยายามลงภาพคงไม่ชัดเจนเท่าไหร่อยากให้เห็นว่าคุณพ่อเรียนหนังสือจากวัดเป็นเณร..แต่เขียนหนังสือสวยอ่านง่ายค่ะในปี2534 ได้ซื้อบันทึกของกรมสามัญให้...แต่หนึ่งหน้ากระดาษให้บันทึกได้ถึง 3 วันพ่อบอกว่า" บันทึกไม่ค่อยพอต้องเขียนย่อมากๆ"แสดงว่าท่านขยันในการบันทึกค่ะ
ขอบคุณค่ะอาจารย์ขจิต..นี่แหละวันเวลาผ่านไป..มาเสียดายเพราะสิ่งที่เหลืออยู่จะมีคุณค่ามาก...
สวัสดีค่ะ
มารำลึกถึงพระคุณคุณพ่อด้วยค่ะ
สวัสดีครับ rinda
* พ่อค่ายแก้ว ของครูrinda ท่านเป็นบุคคลที่น่ายกย่อง สู้ชีวิตมากประทับใจมากๆ ท่านเปนต้นแบบของคนดี ควรถือเป็นแบบอย่างค่ะ
* ขออนุญาตรำลึกถึงพ่อด้วยคนนะคะ และขอบคุณที่ไปอวยพรวันเกิด พรุ่งจะไปทำบุญ ไปด้วยกันไหมคะ...
* คิดถึงค่ะ
ขอขอบพระคุณมากค่ะที่เป็นกำลังใจ..คุณณัฐรดา..ท่านผอ. ประจักษ์..คุณครูใจดี...เพราะมีคุณพ่อ..คุณแม่..เป็นแสงเทียนส่องนำทาง..ครูรินดาจึงมีวันนี้ค่ะ..
ชื่นชมคุณพ่อคุณรินดา และคุณพ่อสมัยก่อนจริงๆ ค่ะ
ความอดทนอดกลั้น และสม่ำเสมอเป็นแบบอย่างที่ดี
ขอบพระคุณค่ะ
สวัสดีค่ะคุณ Rinda
ขอบคุณนะคะที่แวะไปเยี่ยมบันทึกของท่านภิกษุณีค่ะ
อ่านแล้วอยากบวชเหมือนท่านนะคะ แต่คงต้องอีกสัก 5 ปี โน่นแน่ะค่ะ (และถ้ายังมีชีวิตอยู่)
ขอบคุณมากคุณปู... นับว่าเป็นเกียรติกับท่านที่ทุกคนชื่นชม..
สวัสดีค่ะ..คุณณัฐรดา..ได้ตั้งใจไว้คงจะสำเร็จตามที่หวังค่ะ อีก 5 ปี..ไม่นานค่ะ..และยังคงแข็งแรงคะ..คนข้างเคียงที่บ้านก็เท่ากับคุณณัฐรดา..ยังมีไฟอยู่ทุกเรื่อง..คริ..คริ..
ตามมาอ่านบันทึกพ่อค่ะ มองย้อนไปในวันวานได้อย่างชัดเจน เราสองคนมีพ่อน่ารักที่นิสัยเหมือนกันเลยนะคะ
สวัสดีค่ะ
มองเห็นภาพเกี่ยวกับความผูกพันระหว่างพ่อกับลูก
เป็นอะไรที่ซาบซึ้งจนอดคิดถึงพ่อไม่ได้...
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะพี่ดาว..มีความสุขค่ะที่ได้นำบันทึกมาร่วมระลึกถึงคุณพ่อ..ท่านคงจะชื่นชมที่ได้นำบันทึกของท่านมาระลึกถึงในวันพ่อแห่งชาตินะคะ
ขอบคุณมากค่ะ คุณบันทึกเล่มเก่า ที่มาเยี่ยมค่ะ..คุณพ่อทำให้ ณ เวลานี้ลูกๆ ได้รับทราบว่าวันนั้นเป็นอย่างไร ..ใคร..อะไร..ที่ไหน..
มาอ่านบันทึกเกี่ยวกับคุณพ่อ
บันทึกเรื่องราวชีวิต ประสบการณ์ของท่านอยู่ในความทรงจำเสมอครับ
ขอขอบคุณค่ะคุณไข่ที่มาเยี่ยม..นานๆมาเปิด..มาช้าดีกว่าไม่มานะคะ..
มาเยี่ยมบันทึกนี้อีกครั้งเพราะมารำลึกถึง..ป้อข่าย..บ้านท่าค้ำ ต.ริม ท่าวังผา น่าน พ่อคือนักต่อสู้ความยากจน..ใช้แรงกายแรงใจ..ทำมาหากิน เลี้ยงลูกไม่มีที่ดินเป็นของตัวเองจนสิ้นลมหายใจ..ลูกขอจดจำไว้สอนลูกหลานเน้อป้อเน้อ....
ปี้กีร์ตวยมาหื้อกะลังใจ๋คนฮักป้อแหมคนเจ้า...
พี่ก็ไม่มีพ่อแล้ว ทุกวันนี้ยังเอารูปท่านไว้บนหัวนอนแล้วกราบทุกคืนก่อนนอน
เก็บเอาความทรงจำความรักเคารพเต็มเปี่ยมเหมือนเดิม....กึดเติงหา
ฝากมาบอกว่า...เฮาฮักกั๋นเน้อน้องเน้อ