ในระยะหลายปีที่ผ่านมา ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของระบบการศึกษาไทยค่อนข้างมาก ที่ดูเหมือนเราจะตั้งใจแก้ปัญหากันจริงจังมาก จนหลายคนเหนี่อย ทำงานตัวเป็นเกลียว หามรุ่งหามค่ำ กันมากมาย
โดยเฉพาะระบบการควบคุม การติดตาม การประเมิน และการประกันคุณภาพการศึกษา ที่เอาจริงเอาจัง มีการทุ่มเททั้งหน่วยส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค
มีการใช้งบประมาณสนับสนุนทั้งการปฏิบัติงาน และการให้รางวัลคนที่ผ่านการประเมิน กันอย่างทั่วถึง ทั้งประเทศ
จึงเป็นสิ่งที่น่าจะดีใจ และภูมิใจเป็นอย่างมาก
แต่ แปลกมาก
ทำไมการศึกษาไทย ยิ่งนานๆไป ดูเหมือนการทุ่มเทในการทำงานดังกล่าว จะบรรลุเป้าหมายน้อยลงกว่าเดิม
และยังปรากฏว่า
ที่แน่ๆ สิ่งเหล่านี้กำลังทำลายระบบการศึกษาไทยอย่างรุนแรง
และมากขึ้นทุกวัน
เราไม่คิดจะมองหาทางแก้ไขกันเลยหรือครับ
เป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมปฏิเสธการสอบเพื่อเรียนต่อในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา(ทั้งที่สมัครเรียบร้อย) เพราะการเรียนในระดับสูงของเมืองไทย กลับมีเกณฑ์การคัดเลือกคนที่ไม่สอดคล้องกับการสร้างความรู้ ปัญญาในการพัฒนาประเทศ
บางทีแค่คิดเริ่มต้นก็ส่อไปในทางล้มเหลว...แล้วเราจินตนาการถึงอนาคต จะไปรอดได้อย่างไร...
เข้าหน้าบ้านไม่ได้ ก็ต้องเข้าหลังบ้าน อย่างที่ทำอยู่นี่แหละด็แล้วครับ
ปราชญ์หลายท่านก็ทำในแบบเดียวกัน
นี่เป็นทางเดียว และดีที่สุด เท่าที่มองเห็นครับ
แต่ .......
พอเข้าหลังบ้าน ก็ยังหาทางเดินมาหน้าบ้านยังไม่ได้
นึ่ก็ยังเป็นปัญหาใหญ่อยู่เหมือนกันครับ
สู้ต่อไปครับ
บันทึกนี้ โดนใจ (อาตมา)
เคยอ่านงานเขียนของใครจำไม่ได้แล้ว บอกว่า...
ผลงานวิจัย และตำแหน่งศาสตราจารย์ ทำให้การศึกษาไทย เยาวชนไทย ดีขึ้นจากเดิมหรือไม่ เห็นเพียงแต่หน้าที่การทำงานและสถานภาพทางสังคมของผู้ที่ทำเท่านั้น ดีขึ้นจากเดิม...
เจริญพร
สวัสดีครับ อ. . ดร. แสวง รวยสูงเนิน
เห็นด้วยครับ อาจารย์ ปัจจุบัน การเรียนการสอนไม่ได้ตอบสนองต่อความเป็นจริง เป้าหมายก็ไม่ชัดเจน เป็นลักษณะที่บ่งบอกว่าเป็นการทำแบบขอไปที ไปเรื่อยๆ นักศึกษาก็เรียนไปเพื่อต้องการใบประกาศมากกว่า เป็นจุดประสงค์เทียม
เสียดายมากๆครับ เวลาที่เสียไป งบประมาณที่ทุ่มไปโดยเปล่าประโยชน์ โดยส่วนของนักศึกษาเองก็สูญเสียเส้นทางความเป็นจริงในสังคม
ดีใจครับ ยังมีส่วนๆหนึ่งที่เริ่มเข้าแก้ไข ถึงยังไม่เห็นว่าจะสำเร็จก็ตาม ก็ยังมีความหวังครับ
ขอบคุณมากๆครับ
ชวนมองแง่บวกครับท่านอาจารย์ เขากำลังทดลองผิดก่อนเพื่อจะทำถูก แต่ก็ค่อนข้างกังวลว่าเมื่อไหร่จะทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่แท้จริง (ขออนุญาตพาดพิงคำของหลวงพ่อชัยวุธครับ"กุหลาบแยกคำออกมาได้เป็น "กู" กับ "หลาบ" ที่สรุปความว่า ฉันเข็ดแล้ว ฉันไม่เอาอีกแล้ว ประมาณนี้หละครับ)
เมื่อไหร่เราจะเป็นตัวขอตัวเอง คิดรูปแบบของเราเอง เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เรากำหนดเอง ไม่ใช่วัตถุประสงค์เทียม หากยิ่งนานวันวัตถุประสงค์เทียมครอบงำจนคิดว่าเป็นวัตถุประสงค์จริงจะยิ่งแย่ การแก้ไขก็คงจะยิ่งยาก ทุกวันนี้แค่พื้นฐานอ่านเขียนยังต้องแก้ไข แล้วจะพัฒนากันอย่างไรครับ น่าเป็นห่วงจริงๆครับ
ครับ
ยังไงๆ ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าเราจะตะบึงตะบอน ทำเป็น เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ กันอีกนานแค่ไหน
ผมว่าทุกคนรู้ในสิ่งที่ผมพูดมา
หรือยังจะมีใครไม่รู้ อยู่อีก
แล้วทำไมไม่ทำให้ดีกว่าเดิม
แก้ที่ตัวเองก่อนก็ได้ ระบบค่อยว่ากันทีหลัง
แล้วทุกอย่างจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง
มัวแต่รอให้ตัวเองเป็นคนสุดท้ายที่ทำ สังคม ประเทศชาติไปไม่รอดแน่นอน
หรือเราคิดกันแค่ "อยากเป็นคนสุดท้าย" ที่ทำแบบนั้นจริงๆ
เอ๊ะ ...... ผมเกิดผิดโลกหรือเปล่านี่
กระผมคิดว่ามีคนทำกันอยู่ครับ เพียงแต่กระจายกันไปทำ โดยส่งต่อกันไม่ได้ พอไปต่ออีกช่วงก็อาจสะดุดบ้าง ก็อาจส่งผลให้ผลที่ได้ไม่ค่อยชัดเจนหรือเปล่าครับ
นั่นแหละครับ เราจึงต้องมาสุมหัวกัน แบบเฮฮาศาสตร์ไงครับ
สนใจจะเข้ามาไหมครับ
ไม่มีใบสมัคร ไม่มีค่าธรรมเนียม มีแต่ใจแลกใจครับ
ชอบอ่าน ข้อความ สะใจดี
ของจริงล้วนๆครับ