ความภูมิใจที่ได้เป็น “ชาวนา”


นักวิชาการที่มีความรู้ มีหลักการ มีผลงานวิชาการ และทฤษฎีการทำงาน หาก “ไม่นำมาปฏิบัติ” ให้รู้แจ้ง เห็นจริงต่อตนเองและผู้อื่น นักวิชาการเหล่านั้น ท่านจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่คนทำและเชื่ออยู่นั้น เป็นจริง และสามารถทำประโยชน์ต่อตนเอง ผู้อื่น และสังคมได้จริง

 

เมื่อสมัยเป็นเด็ก ผมเป็นลูกชาวนาจนๆ มีนาที่ทำกินแค่ ๔ ไร่ พี่น้อง ๖ คน ทำให้ไม่มีโอกาสเป็นชาวนา เพราะไม่รู้จะแบ่งนากันอย่างไร

ผมจึงต้องไปอยู่วัดแทบตลอดช่วงชั้นก่อนเข้ามหาวิทยาลัย เพื่อทำให้มีข้าวกิน จึงได้มีโอกาสเข้าเรียนหนังสือ จนจบและได้ทำงาน เป็นที่โล่งใจของพ่อแม่ ญาติพี่น้อง

 

ผมจึงเริ่มมีเงินเดือนเป็นรายได้ของตนเอง และดำเนินชีวิต ด้วยรายได้จากน้ำพักน้ำแรงของตนเองเสียที แทนการหวังหรือรอพึ่งคนอื่น เหมือนที่ผ่านมา

 

ในขั้นนั้น ได้ทำให้ผมเกิดความภาคภูมิใจ ว่ามีงานทำ มีเงินเดือนเป็นรายได้เป็นหลักยึดของตัวผมเอง และกล้าคิดที่จะมี "ครอบครัว" ของตนเองได้

 

แม้จะถือว่าได้เป็น มนุษย์เงินเดือน หรือ มนุษย์กระถาง แต่เป็นส่วนหนึ่งที่ผมภาคภูมิใจในช่วงที่ผ่านมา

 

ผมก็ได้พัฒนาฐานะของครอบครัวแบบ "มนุษย์เงินเดือน" จนพออยู่พอกินแล้ว มาระยะหนึ่ง จึงลองคิดเล่นๆ ว่า

 

ถ้า..... สักวัน

ถ้า......บังเอิญเราไม่ใช่มนุษย์เงินเดือน ผมจะทำได้ไหมหรือจะอยู่ได้อย่างไร

 

จึงได้ลองหันมามองอาชีพของชาวนา ที่เป็นกระดูกสันหลังของชาติ

20061119949

(นาข้าวอินทรีย์ ไม่ดำ ไม่ไถ)

 

และ ผมยังคิดต่อไปอีกว่า ผมก็ร่ำเรียนมาด้านนี้ จนได้รับปริญญาเอก ผมกล้าไหม ที่จะมาทดสอบการใช้ความรู้ของตนเองในการทำงานจริง แทนการทำงานแบบ

แค่เล่าเรื่องหรือนิทานให้คนอื่นฟัง ก็ได้เงิน!!!!!

และ

ผมระลึกเสมอว่า นักวิชาการที่มีความรู้ มีหลักการ มีผลงานวิชาการ และทฤษฎีการทำงาน หาก ไม่นำมาปฏิบัติ ให้รู้แจ้ง เห็นจริงต่อตนเองและผู้อื่น นักวิชาการเหล่านั้น ท่านจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่คนทำและเชื่ออยู่นั้น เป็นจริง และสามารถทำประโยชน์ต่อตนเอง ผู้อื่น และสังคมได้จริง

 

นี่คือ สิ่งที่ผมอยากจะลองนำสิ่งที่เรียนมา มาปฏิบัติให้เห็นดำเห็นแดง

 

และการที่ผมได้สัมผัสกับธรรมชาติของดิน น้ำ อากาศ และสังคมในทุ่งนา โดยการลงมือทำนา การมาเป็น ชาวนา โดยตนเอง ด้วยตนเอง แต่เพื่อทุกคน

 

ผมได้ลงมือปฏิบัติ อาทิ

การปลูกข้าว ถั่ว พืชผัก ผลไม้ ทั้งไม้ยืนต้น ไม้ล้มลุก พืชระยะสั้น ระยะยาว  

ต้นยางนา ต้นกล้วย ไผ่ ฯลฯ

การเลี้ยงสัตว์ เช่น ปลาสารพัดชนิด กบ ไก่ วัว ควาย

173

(หน่อไม้ บนคันนา)

 

สิ่งเหล่านี้ที่ผมลงมือทำด้วยความภาคภูมิใจมาก

 

แต่เมื่อผมลองทำแบบอยากรู้ในทุกเรือง ไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้ตั้งใจหวังผลอะไรมาก กลับพบว่าเป็นไปได้จริงๆ

119

(ภรรยาชาวนา ต้องมาทำขี้ปลาทุกวัน ยังงี้แหล่ะครับ)

 

ปัจจุบัน ถ้าไม่ติดงานเดินทางไปไหน ตอนเช้าตรู่ ผมจะออกไปนา ไปสัมผัสบรรยากาศของธรรมชาติ ไปเก็บพืชผัก เก็บปลา ตามที่มี กลับมาถึงบ้าน ทำกับข้าวจากผลผลิตที่ตนเองปลูกเอง ทำเอง มากินเอง คนในครอบครัวได้กินอาหารที่ตนเองปลูกเอง ทำเอง

ข้าวปลา อาหารที่หามาได้เอง รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ ไม่ต้องไปพึ่งพาใคร ภาคภูมิใจแบบสุดๆ

ทำให้นึกถึงบุญคุณพ่อแม่ที่เลี้ยงเรามาจนโต

ท่านคงทำเช่นนี้ นั่งดูพวกเรากินข้าวปลาอย่างสุขใจ

และภาคภูมิใจ อย่างที่ผมเป็น นี้แหละหนอ!!!!!!

009

(ปลาน้อย ทีเตรียมทำเป็นปลาร้า)

 

นี่แหล่ะ คือ สิ่งที่เป็นความภูมิใจที่เรียกว่า ชาวนา เพื่อการพึ่งตนเองอย่างแท้จริง

 

ความรู้สึกส่วนตัวของผม ที่อยากย้ำว่า

คนที่ไม่ได้สัมผัสด้วยตนเอง ไม่รู้สึกจริง ๆ ว่า การเป็นชาวนา นั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด ไม่ลองไม่รู้ จริง ๆ

 

ผมเคยฟังเพลงสุนทราภรณ์ เป็นเพลงคู่ แต่ผมจำไม่ได้ว่าชื่อเพลงอะไร แต่มีเนื้อหาโดยรวมว่า “สุขประสาชาวนา”

 

ที่เป็นการพูดกันในครอบครัว ว่าตอนเช้าสามีไปนา ภรรยาเตรียมรอทำกับข้าวอยู่บ้าน แล้วก็ได้ผัก ได้ปลา กลับมาทำกับข้าวรับประทาน

 

ผมคิดว่าเป็นชีวิตที่น่าสนใจ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ในปัจจุบัน

 

หลังจากผมฟังแล้วทุกครั้ง จึงรู้สึกเฉย ๆ และกลับคิดไปเองว่า นั่นคือแค่ความฝันในสมัยก่อนหลายสิบปีมาแล้ว

แต่หากเมื่อเปรียบเทียบกับสมัยนี้ คงไม่มีทางเป็นเช่นแบบนั้นไปได้ เพราะยุคสมัย หรือเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไปก็ตาม

 

 

แต่.......เมื่อผมมาลงมือทำเอง ปฏิบัติเอง ผมกลับมารู้และเชื่ออย่างมั่นใจว่า

เป็นไปได้จริงๆ

และโดยไม่ต้องมีเครื่องจักรกล หรือแรงงานจ้างใดๆ

 

เพราะการทำนา ไม่ต้องไถ ไม่ต้องดำ  ทำอย่างเป็นธรรมชาติ เลียนแบบธรรมชาติ เรียนรู้จากธรรมชาติ แบบพออยู่พอกิน เหลือแจกหาเพื่อนในทุกวงการ

 

ทำนาโดยพึ่งพาธรรมชาติ รักษา ดูแล ปรับปรุง ให้ธรรมชาติฟื้นตัวขึ้นมาเอง

 

และรู้สึกว่า สิ่งที่ได้จากการลงมือปฏิบัติ ตอบสนองให้เราได้มากมาย เกินกว่าคาด ไม่ว่าจะเป็น

  • การพัฒนาตนเอง
  • การพัฒนาทรัพยากร ธรมมชาติและสิ่งแวดล้อม
  • ทำให้ธรรมชาติทุกสรรพสิ่งฟื้นตัวและมีความอุดมสมบูรณ์

 

มีตัวบ่งชี้/ตัวชี้วัด คือ

 

มีธรรมชาติ เช่น นก สัตว์ต่างๆ จิ้งหรีด ผึ้ง  เข้ามาพักอาศัย

 

โดยเฉพาะผึ้ง มีทั้งที่สวนหลังบ้าน ที่มีขนาดรังใหญ่มาก เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณเมตรกว่า 

Bee

(ผึ้งหลวง ที่สวนหลังบ้าน)

ใต้พื้นศาลาข้างบ้านก็มีผึ้งโพรงมาทำรังประจำ

ส่วนที่นา ยังมี ผึ้งมิ้มเข้ามาอาศัยในปีนี้อีกเช่นกัน ทั้งสามรังที่กอไผ่บนคันนา

175

(ผึ้งมิ้ม ที่กอไผ่ บนคันนา) 

ถ้ามองเชิงระบบนิเวศน์ อาจเป็นเรื่องของการปลอดสารพิษ ที่ผมไม่เคยนำมาใช้ในที่นาของผม มีอาหาร มีสภาพธรรมชาติ จึงมาอาศัยอยู่  ไม่มีใครรบกวนเขา

 

แต่หากมอง ในมุมที่แตกต่าง เช่น ชาวบ้านอาจมองในเชิงของ โชค ลาง จิตวิญญาณ บุญ วาสนา ซึ่งแล้วแต่มุมมองของแต่ละคน

 

สิ่งเหล่านี้ หากมองถึงความเอื้อเฟื่อเผื่อแผ่ ที่เรามีจิตศรัทธาต่อผู้อื่น มีจิตต่อธรรมชาติ ด้วยใจที่บริสุทธิ์ ก็จะทำให้รู้ซึ้งถึงจิตสำนึก จิตวิญญาณ ได้

 

โดยไม่ต้องไปป่าวประกาศให้ใครรู้ ว่าเราทำอะไร อย่างไร

 

 

ผมได้ทำการลงมือ ปรับปรุง และเติมส่วนที่ขาดของธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นธาตุอาหารของดิน ธาตุอาหารของพืช ซึ่งถูกทำลายมาก่อนที่ผมจะมาทำนา

 

ที่นี่  ซึ่งขณะนี้ ผมได้ทำนาเป็นเวลา 3 ปีแล้ว ผลที่เกิดขึ้นอีกประการที่ทำให้ผมภาคภูมิใจ คือ

 

สิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติดีขึ้น ทุกด้าน

139

(สภาพนา เมื่อ 14 พ.ค.51 : หลังหว่านข้าว และ ถั่วเขียว ในวันพืชมงคล ที่่ผ่านมา)

เราดูแล ดิน น้ำ ป่า ให้มีชีวิต เพราะธรรมชาติก็ต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน

ขณะนี้สภาพดิน น้ำ ป่า ในที่นาที่ผมปรับปรุงมาโดยตลอด มีสภาพอุดมสมบูรณ์ ดินมีชีวิต

 

ฉะนั้น ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ชีวิตเราก็พลอยมีความสุข ปลื้มใจไปด้วย เพราะเหตุที่ ผมเชื่อว่า

 

เราไม่ทำร้ายระบบนิเวศน์และสิ่งแวดล้อม น่าจะทำให้เราภูมิใจ ชีวิตเราก็ดีขึ้น

ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ช่วยเหลือตนเอง เพื่อนบ้าน ญาติพี่น้อง

018

(พี่ชายเดินทางมาจากสงขลา มาเยี่ยมและช่วยทำปลา)

022

งานสังสรรค์ รวมญาติ ปลาปาร์ตี้ บนศาลาที่บ้าน เมื่อ 4 พ.ค.51

(ที่เห็นในจานข้าวแดงๆ นั่นคือข้าวหอมมะลิแดงที่ปลูกเอง ครับ)

 

ในกลุ่มญาติพี่น้อง ก็ชื่นชม ยินดี ได้พบปะ จัดงานสังสรรค์ กันในทุ่งนาที่บ้าน  มีผัก มีปลาให้ได้เก็บเกี่ยวผลผลิต มาทำกินกันเอง ตามธรรมชาติ ที่หามาได้จากธรรมชาติให้เรามา ไม่ว่าจะเป็น ข้าวที่เราปลูก มีพืช ผัก กบ ปู ปลา ทุกชนิด มีทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เป็นความยั่งยืน ของการเป็น “ชาวนา”อย่างแท้จริง

 

ผมเลยมองย้อนกลับไปหาระบบการทำนา

ขณะที่ ชาวนาส่วนใหญ่ ที่มีนาเป็นของตัวเอง ที่มีมากบ้าง น้อยบ้าง ตามแต่ฐานะของแต่ละคน ซึ่งสามารถทำนา เพื่อเลี้ยงชีพ และพึ่งพาตนเองได้อยู่แล้ว

 

กลับมีมุมมองในทางกลับกัน

โดยไม่ชอบที่จะเป็น ชาวนา

 

ผมจึงคิดว่า อยากสะกิด ให้ ชาวนา ได้ทบทวน สิ่งที่ต้องการในชีวิตของเรา มันคืออะไรกันแน่

 

อย่ามัวแต่วิ่งไปหาเงิน

ลืมไปว่า ชีวิตของเราไม่ได้ใช้เงินมากมาย

เรามาจัดการทรัพยากรของเราเอง น่าจะดีกว่าวิ่งไปหาเงิน

ในที่สุด การวิ่งไปหาเงิน เพื่อมาใช้จ่ายในชีวิตของเรา  กลับกลายมาทำลายชีวิตและผลาญทรัพย์สิน รวมถึง สิ่งแวดล้อมของเราทั้งสิ้น

 

เราควรกลับมาทบทวน.......

ผมว่า ความภาคภูมิใจของการเป็น ชาวนา นี่แหล่ะ เป็นตัวตนของเราอย่างแท้จริง ที่ทำให้เรามีวิถีชีวิตที่ดี พึ่งพาตนเองได้ และอยู่กับธรรมชาติที่สรรสร้างมาเพื่อให้เราได้พึ่งพากันและกัน ตลอดไป

คนไม่ภูมิใจในตัวเอง หรือสิ่งที่ตนทำ ย่อมพัฒนาไม่ได้

 

นี่คือสิ่งที่ผมได้เรียนรู้ และภูมิใจมากที่ได้ทำหน้าที่ตนเองต่อตนเอง ต่อครอบครัว ต่อสังคม และต่อสิ่งแวดล้อม

 

และ “ภูมิใจ” ที่ได้มีโอกาสเป็น “ชาวนา”

 

ไม่เสียชาติเกิด จริงๆ ครับ

หมายเลขบันทึก: 182302เขียนเมื่อ 14 พฤษภาคม 2008 17:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:03 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (28)

สวัสดีเจ้าค่ะ คุณลุงแสวง

ชาวนาคือกระดูกสันหลังของชาติ...ถ้าชาติขาดกระถูกสันหลังคงลำบาก...น่าภูมิใจอย่างยิ่งที่ชาติไทย...ยังมีกระดูกอยู่อีกมาก แต่ตอนนี้กระดูกเริ่มสึกหลอ เพราะว่า เศรษฐกิจย่ำแย่...เมืองสุพรรณบ้านหนู ส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรม (ทำนา)..หนูเดินไปทางไหนก็มีแต่ทุ่งนา...ภูมิใจที่เป็นคนสุพรรณค่ะ แม้นเสียงจะเหน่อไปหน่อย คิคิ รักษาสุขภาพด้วยนะเจ้าค่ะ

เป็นกำลังใจให้เจ้าค่ะ ---->น้องจิ ^_^

สวัสดีเจ้าค่ะ คุณลุงแสวง

เป็นที่ชื่อไฟล์เป็นภาษาไทยหรือเปล่าค่ะ น้องจิเคยโหลด ถ้าเป็นภาษาไทยมันจะไม่รับค่ะ ลองดูนะค่ะคุณลุง รักษาสุขภาพด้วยเจ้าค่ะ

เป็นกำลังใจให้เจ้าค่ะ ----> น้องจิ ^_^

        การที่จะชักจูง,เชิญชวน,โน้มน้าว,วิงวอน หรือขอร้อง ให้คนที่เคยทำนา ในอดีตหันกลับมาทำนาได้นั้นไม่ยากครับ แต่การสร้างปัจจัยที่เกี่ยวข้องให้เอื้ออำนวยต่อการทำนานี่สิครับยากกว่า เช่น

1.ให้ความสำคัญกับชาวนา ให้ถือว่าชาวนาเป็นอาชีพที่มีเกียรติ ต้องให้ความช่วยเหลือเป็นอันดับแรกก่อนอาชีพอื่น โดยถือว่าเป็นบุคคลสำคัญของชาติ

2.ลดต้นทุนการผลิต ค่าปุ๋ย น้ำมัน

3.เพิ่มราคาผลิตผล โดยให้ราคาข้าวกิโลกรัมละ ที่มากกว่าน้ำมันต่อบาเรล 50 %

4.พ่อค้าคนกลางไม่เอาเปรียบชาวนา

5.รัฐบาลมีความจริงใจ รักและช่วยเหลือเกษตรกรอย่างสำนึกในพระคุณ

6.มีน้ำเพียงพอในการทำนา

7.นักการเมืองอย่ามาหลอกให้ไปประท้วง,ก่อม็อบ

8.ให้ชาวนาเป็นบุคคลพิเศษมีอภิสิทธิ์เหนือกลุ่มอาชีพอื่น โดยไม่ต้องเสียภาษีเข้ารัฐ รักษาฟรี เรียนฟรี ค่าเดินทางโดยสารฟรี ฯลฯ ส่วนอาชีพอื่นเก็บทั้งหมดและเรียกเก็บแพงๆ

9.ให้ชาวนาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกกระทรวง เมื่อชาวนาให้คำปรึกษาแล้วต้องนำไปสู่การปฏิบัติทันที

10.ถ้าเงื่อนไขต่อรองมากไปหลายข้อ เหลือไว้ข้อเดียวเพียงข้อ 9 ก็พอ

         กระผมคิดเล่นๆตามปะสาเด็กน้อยอาจารย์อย่าได้โกรธนะครับ...ยิ้ม...ยิ้ม

 

ครับ

ทำรอ ดีกว่า รอทำ ครับ

ส่วนใหญ่เกษตรกร รอทำ ครับ เลยไม่ทันสักที

และอ้าง....... สารพัด ที่จะอธิบายว่า "ทำไมตนจึงไม่ทำ"

แต่  มีไม่กี่คน ที่ อ้าง....ที่จะทำ

 

 

" สร้างสรรค์  เพื่อการ  แปรเปลี่ยน

  ขีดเขียน  เพื่อการ  เรียนรู้

  ตำรา  เพื่อการ  สร้างครู

  ชีวิตอยู่  เพื่อการ  พอเพียง "

              แวะเข้ามาชื่นชมครับอาจารย์

                             รพีี กวีข้างถนน

 

มาดูรังผึ้งและปลา เป็นที่ทึ่งมากเพราะมันร่มรื่น ผึ้งถึงมาอยู่ แต่ปลาที่นาอาจารย์เหมือนที่ไรผมเลยครับ ผมคงต้องรีบปรับปรุงนามากกว่าเดิม เอาปลามาฝากครับ

 

 

เป็นชีวิตที่มีความสุขครับ สุขกับการได้ใกล้ชิดธรรมชาติ แม้จะเหนื่อยกายหน่อย แต่นอนหลับสบาย...

ไร้หนี้ ไร้โรค..

สวัสดีครัีบอาจารย์

    ปัญหาอยู่ที่ตรงนั้น คำตอบก็อยู่ตรงนั้นจริงๆ ครับ เพราะหากปัญหากับคำตอบอยู่กันคนละที่ ระบบจะไม่สมบูรณ์

    กลับไปทำนากันดีกว่าครับ

    ทำไมคนอีสานไม่ทำตาม เดินตามแบบอย่างปราชญ์เดินดินเหล่านี้หนอ...ผมไม่เข้าใจจริงๆ ครับ

    อย่างท่านครูบาฯ มีใครเอาเป็นแบบอย่างบ้างหนอ?

    แบบดาบวิชัย  แบบ ลุงสงัด แบบอรหันต์ชาวนา และท่านอื่นๆ

ทำไม ทำไม ทำไม???

ขอบพระุคุณมากครัีบ

สวัสดีค่ะอาจารย์

    ภูมิใจค่ะที่เกิดเป็นลูกหลาน ชาวนา มีความสุขอยู่กับธรรมชาติ  เย็นกายเย็นใจ และ เห็นความลำบากของชาวนาหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินจริงๆค่ะ 

ขอเป็นอีก หนึ่งแรงใจ ให้คนสู้

ให้เธอรู้ ว่าเธอ ยังมีหวัง

ขอส่งแรงใจ ให้เธอ มีแรงพลัง

ไปยังฝั่งฝัน ที่เธอวาดหวัง และตั้งใจ

ขอขอบพระคุณในทุกกำลังใจครับ

ผมขอสารภาพว่า ผมได้เริ่มต้นแบบ "มะงุมมะงาหรา"

ไม่รู้เรื่อง แต่ก็ทำแบบอยากรู้ อยากลอง อยากเรียน อยากทดสอบ

ทั้งตัวเอง ความรู้ที่เรียนมา ทรัพยากร และระบบธรรมชาติ

อยากใกล้ชิด และรู้จัก พระแม่ธรณี พระแม่คงคา พระแม่โพสพ เทพาอารักษ์ ฯลฯ ด้วยตัวของตัวเอง

ใครบอกเท่าไหร่ ผมก็คงแค่รู้ใน "คำ"

แต่...ผมรู้ในวันนี้ว่า

การ"รู้" ได้มาจากปฏิบัติด้วย "ตัวเอง"

ผมเชื่อและศรัทธาใน "KM ธรรมชาติ"

และนี่คือวิถีหนึ่ง ที่ผมศรัทธา

และยังมีอีกวิถีหนึ่งของ "KM ธรรมชาติ" ที่ผมกำลังใฝ่หา แบบไม่รู้จะสัมผัสได้ไหม ก็คือ "ระดับจิตใจ"

ที่ผมเชื่อว่าคนระดับ "อรหันต์ KM" หลายท่าน ได้เข้าถึง และรอคนอื่นๆ ตามไป

แม้ผมจะยังห่างไกลจากจุดนั้น ผมก็ยังตระหนักว่า KM ธรรมชาติ ต้องมาจากการปฏิบัติ ให้ถึงแก่นแท้ของเรื่องที่เราทำ

การวนเวียนแค่เปลือก หรือกระพี้ ก็คงซาบซึ้งได้ในระดับนั้นๆ บอกอย่างไร ก็ไม่มีทางจะเข้าใจ

เพราะ "เราต้องรู้ด้วยตนเอง"

คนอื่นรู้แทนเราไม่ได้

เพราะสิ่งที่เขาเข้าใจ ก็สิ่งที่เขาเข้าใจ สิ่งทีเขาไม่เข้าใจ ก็คือสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ

ยากที่จะทำให้ดีกว่านั้น

สุดท้าย "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"

ดังนั้น

ความภาคภูมิใจ จึงเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล และรู้ได้กับคนที่ระดับเท่าเทียมกัน หรือสูงกว่า

นี่คือสิ่งที่ผมค้นพบในวันนี้ครับ

สาธุ

สวัสดีคะ อาจารย์แสวง

อ่านบันทึกนี้แล้ว ได้เห็นคุณค่ามากมายเลยคะ

อาจารย์แสวงคะ มะปรางขออนุญาตแนะนำเกี่ยวกับคำสำคัญคะ เนื่องจากอ่านจากบันทึกของอาจารย์แล้ว มองเห็นว่าอาจารย์อยากจะส่งสารไปยังชาวนา ดังนั้นสิ่งที่ช่วยเปิดโอกาสให้ชาวนาและใครหลายๆ คนที่สนใจเรื่องนี้ได้มาเจอ ได้มาอ่านบันทึกนี้ คือ คำสำคัญคะ

คำสำคัญที่นำเสนอให้ใส่เพิ่มเติม คือ

  • ชาวนา
  • ข้าว
  • ทำนา
  • เกษตรกรรม
  • ปลูกข้าว
  • อาหาร
  • วิถีชีวิต

ซึ่งคำสำคัญที่เสนอนั้น คิดว่าเป็นคำที่เกี่ยวข้องและสอดคล้องกับเนื้อหาในบันทึกนี้ของอาจารย์คะ

รบกวนอาจารย์พิจารณาเพิ่มคำสำคัญด้วยนะคะ

 

 

มาซึมซับความรู้สึกดีๆ  นำไปสู่ปัญญา

โอกาสดีอย่างนี้หายากครับ  ขอบคุณมากครับ

  • รอมานานเหลือเกิน
  • ไม่ได้ไปก็เหมือนได้ไป
  • ไม่ได้เห็นก็เหมือนได้เห็น
  • ชัดเจนครับ คำตอบแจ่มชัดแล้ว
  • น่าเสียดายที่ ผีบ้า ตนไหนไม่ทราบได้ ที่มาเป่าหูผู้คนให้เห็นการทำงานที่ใช้แรงงาน ได้ออกกำลังกาย ได้เคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติ ว่าเป็นเรื่องต่ำต้อย แล้วเราก็เชื่อถือกันอย่างนั้นมายาวนาน ศักดิ์ศรีจอมปลอม ก็มาเบียดเบียนให้คนที่ควรจะได้ภูมิใจในหน้าที่การงาน ต้องอยู่ในอำนาจของความหลงดังกล่าวมาแล้ว เรื่อยมา .. อนิจจา

ต้องยอมรับว่าสิ่งที่อาจารย์ได้ลงมือทำแล้วนั้นน่ายกย่องมากๆ ครับ ทั้งการจัดรูปแปลงนา แผนผังกิจกรรมต่างๆ ที่ได้วางไว้แต่ทุกรายละเอียดปลีกย่อยที่ได้วางแนวไว้และลงมือทำนั้น ลงทุนลงแรงไม่ธรรมดาเลยนะครับ เงินทั้งนั้น..ใช่หรือเปล่าครับ มันคงจะช่วยตอบคำถามที่ว่าทำไมเกษตรกรทั่วไปทั้งหลายไม่ทำตามแบบอย่างบรรดาปราชญ์อีสาน หรือที่ท่านอาจารย์แสวงกำลังทำอยู่นี้ ขอโทษหากกระผมพูดตรงเกินไป หากแต่ผมก็เลื่อมใสในแนวทางและกำลังทำอย่างที่อาจารย์ทำเหมือนกัน [email protected]

ท่านอาจารย์ ดร.แสวงที่เคารพ

เห็นด้วยกับท่านครับ ผมยอมรับว่าท่านอาจารย์ประสบตวามสำเร็จน่าชื่นชมมากครับ หากมีชาวนาที่เป็นแบบอาจารย์อย่างท่านนี้ในประเทศเราสัก 10 % ของชาวนาทั้งประเทศผมว่าชาวนาไทยจะเป็นกระดูกสันหลีงของชาติจริง ๆ ครับอาจารย์

ตอนนี้ระบบเดิมที่เป็นระบบธรรมชาติ ถูกทำลายเกือบหมดแล้ว

แทบไม่เหลืออะไร เพราะเขาใช้เงินเป็นตัวชี้วัดทั้งความเจริญและการพัฒนา

ทั้งนักวิชาการ นักธุรกิจ นักพัฒนา และนักบริหาร ส่วนใหญทำงานแบบเงินเป็นหลัก กันทั้งนั้น

ไม่ว่าอะไรจะเสื่อมโทรมอย่างไร ทั้งทรัพยากร สังคม และสิ่งแวดล้อมจะเป็นอย่างไร ก็ไม่สำคัญ

ขอให้ได้เงิน หรือมีเงินเพิ่มเป็นใช้ได้

แล้วสุดท้าย

ถ้าเรามีเงินกันมาก แต่ไม่มีอะไรเหลือ เราจะเอาเงินไปทำอะไร

มีใครลองคิดดูบ้างไหมครับ

น่ากลัวจริงๆ

 

เรียน ท่านอาจารย์แสวงที่เคารพ ปัจุบันกระผมกำลังจัดแปลนไร่นาสวนผสมของตัวเองที่อำนาจเจริญ ขณะนี้กำลังศึกษารูปแบบจากแหล่งที่เคยทำมาก่อน จะรบกวนอาจารย์เกินไปไหมหนอ หากกระผมจะขอดูการจัดรูปแบบ การจัดผังแปลงไร่นาสวนผสมของอาจารย์ทาง email ขอขอบพระคุณอย่างสูงครับ [email protected]

สะดุดใจ คำว่า ชาวนาค่ะ

วันนี้วันที่ปู่ย่า ตายายเราจากไป จึงได้รู้ว่าผืนนาที่ท่านทิ้งไว้ให้เรา

มันแตกแห้งและเงียบเหงา

ไม่ได้งดงามเหมือนที่เราเห็น สมัยท่านอยู่ ประทับใจ ตอนที่ข้าวท้องอ่อน

และเหลืองทองสุก สวย มองอย่างไรก็ไม่เบื่อ

วันนี้ จะพยายามรักษาผืนนาที่ท่านเก็บทั้งชีวิตไว้ให้เรา สร้างให้งดงาม งอกเงย เป็นคุณประโยชน์มากที่สุดค่ะ

ใครที่ได้ ชื่อว่าเป็น ชาวนา จงภูมิใจที่ได้เลี้ยงคนไทยทั้งชาติ

....ขอบคุณค่ะ....

ครับ เราต้องเรียกความ "ภูมิใจ" กลับมาให้ได้

ไม่งั้นพัฒนาไม่ขึ้นครับ

ขอเป็นกำลังใจ และถ้ามีอะไรคืบหน้าช่วยแจ้งด้วยนะครับ

ซาบซึ้งจัง ตรงใจผมทุกบทความ ปีนี้ผพึ่งตัดสินใจหาซื้อที่ได้ 7ไร่ ที่ อ.ตระกรพืชผล จ.อุบลฯ ตั้งใจจะทำแบบไร่นาสวนผสมแบบ คอยเพิ่ม ค่อยทำ เรียนรู้ไปกับผลของงาน ศึกษาจากประสบหการณ์ทีผ่านพบ ถึงดูจะได้ผลสำเร็จช้าหน่อย แต่ก็ตั้งใจ

ยายธีมีความภูิมิใจมาฝากค่ะ..ปีนี้ปลูกข้าวด้วยตัวเอง..ข้าวดำด้วยเชียวนะเอาข้าวกล้องสีดำติดมาด้วยจำได้ว่าซื้อมาจากสังขะเห็นเขากำลังตากอยู่บนข้างถนน..งูปลาๆได้อ่านมาว่าข้าวกล้องก็งอกได้..เอาไปแช่น้ำจนรากงอกไปหากระถางทรงสูงมา..ใส่ข้าวที่งอกราก..บัดนี้ได้ทั้งหมดสามต้น..ดูต้นหนึ่งมันอ้วนดี..คุณลุง ดร.ว่าข้าวในกระถางตั้งไว้ที่หน้าต่างที่ได้แดดดีหลายชม..จะมีรวงให้เห็นไหมคะ..ปลูกมาตั้งแต่เดือนเมษานี่คงจะเป็นเดือนที่สี่..ควรจะทำอะไรเป็นพิเศษบ้างไหมคะ..เห็นชาวพม่าเขาว่าข้าวชอบเกลือเม็ด..ถ้าใส่เกลือลงไปสักเม็ดอย่างที่เขาว่าต้นข้าวจะตายไหมคะ..ตอนนี้ยังไม่อยากลองกลัวมันจะตายเพราะความอยากรู้..ต้นข้าวในกระถางที่ว่ามันขึ้นผิดที่เล็กน้อย..มันตั้งอยู่ตรงหน้าต่างบ้านในเมืองฮัมเบอรกค่ะ..อุณหภูมิในห้องประมาณเฉลี่ยที่ยี่สิบองศาค่ะ..ต้นข้าวมีความสูงประมาณสามสิบเซ็นต์ค่ะ..คุณลุง..ดร. ..ช่วยรุ้นหน่อยค่ะ

น่าจะได้อยู่ครับ

สมัยผมไปเรียนที่ออสเตรเลียผมก็ทำแบบเดียวกัน

ปลูกผักไว้ริมหน้าต่างในห้องนอน เพราะข้างนอกมันเย็นจนผักไทยไม่โต

แค่รดน้ำใส่ปุ๋ยอินทรีย์ก็พอ อย่าใส่เกลือเป็นอันขาด เกลือในน้ำประปามีมากพอแล้วครับ น่าจะได้ผลแน่ครับ

ขอให้โชคดีครับ

สวัสดีครับคุณครูแสวง ผมเองก็ลูกชาวนา ทุกวันนี้เสา-อาทิตย์ออกไปทำสวน แต่ไม่ได้ผลเท่าที่ควร เนื่องจากสภาพพื้นที่ที่ขาดความอุดมสมบูรณ์ ทำมาหกปี มีสวนยางพาราประมาณ ๕ ไร่ แก้วมังกรประมาณ ๒๐๐ กล้วยประมาณ ๑๐๐ ลำใย มะนาว ผักหวานบ้าน มะพร้าวน้ำหอม ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ฯลฯ สระที่ปล่อยปลาบ้างเล็กน้อยแค่พอกิน

        ปัจจุบัน กำลังจะซื้อที่ประมาณ ๑๕ ไร่(ปัจจุบันเขาปลูกอ้อย) ด้วยความรักในธรรมชาติ เคยภาคภูมิใจกับชีวิตลูกชาวนา ขณะที่พอมีแรงอยากจะทำการเกษตรผสมผสาน และอยากมาเรียนรู้กับคุณครูแสวง หากท่านพอมีเวลาช่วยกรุณาแนะนำด้วยครับ ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ

ทำแล้วมาเล่าให้ฟังบ้างนะครับ

มีที่ดินประมาณ 40 ไร่ ต้องการทำไร่นาสวนผสมแต่ขาดเงินทุน และแรงงานเพราะที่บ้านมีแค่ผู้หญิงและคนแก่ เพราะคิดว่าถ้าหากลงมือทำจริงๆต้องมีเครื่องทุ่นแรงช่วยเพราะหาแรงงานยากมาก ทุกวันนี้ที่ดินผืนนี้ใช้ปลูกข้าวนาปีอย่างเดียว แรงงานหลักคือคนลาว ที่รับมาเฉพาะเวลาปลูก-เก็บเี่กี่ยว คิดว่าต้องเงินทุน พอจะแนะนำแหล่งเงินทุนที่สามารถผ่อนจ่ายเป็รายปีที่ไม่ใช่ ธกส จะเป็นพระคุณอย่างสูง

คิดแบบนี้ไปยากครับ

ต้องเริ่มจากสิ่งที่ตัวเองมี มีอะไรก็ทำไปก่อน จะสำเร็จ และมีความสุข "ตามอัตภาพ"

อย่าเริ่มคิดจากพึ่งภายนอก จะทุกข์ใจในภายหลัง

มีบทเรียนให้เห็นมากมาย ทั้งสองด้าน

แม้จะยังคิดไม่ออกในวันนี้

แต่......

 เดินตามคนที่เขาทำสำเร็จ ดีกว่า เดินตามคนที่ล้มเหลว ครับ

และขอสะกิดว่า.....

ท่านกำลังคิดจะเดินตามคนที่ล้มเหลวในชีวิตครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท