สังคมไทยมีความอดทนสูง หรือว่า มีภูมิคุ้มกันต่ำ


เราอดทนต่อความไม่รับผิดชอบของคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบในด้านต่างๆ ใครจะทำความเสียหายอย่างไร เราก็ “ทน” ไม่บ่น ไม่ว่า ไม่เตือน ไม่สะกิด แถมยังมีการให้รางวัลกันอย่างเอิกเกริก โดยกลุ่มคนที่ไม่รับผิดชอบด้วยกันนั่นแหละ ที่ยกย่องกันเอง ให้รางวัลกันเอง โดยไม่สนใจว่าสังคมโดยรวมจะได้อะไร หรือ เสียอะไร

ผมคิดเรื่องนี้มาตั้งแต่เริ่มทำงานใหม่ๆ แต่พอผมเสนออะไรไป เขาก็บอกว่า เป็นความคิดเด็กๆ ยังไม่มีประสบการณ์ ยังไม่เข้าใจอะไร ก็เสนอไปงั้นๆ ไม่มีประโยชน์อะไรต่อสังคมมากนัก

แต่ เมื่อผมทำงานมากว่า ๓๐ ปี และเริ่มเข้ามาอยู่ในกลุ่มของประชากรอาวุโส ทำให้ผมเริ่มมั่นใจว่าสิ่งที่ผมคิดมาตั้งแต่เริ่มทำงาน น่าจะใกล้ความเป็นจริง และผมก็ยังยึดมั่นในปณิธาน “จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด” ที่ผมตั้งเป้าไว้ตั้งแต่สมัยเป็นเด็กวัด และตกผลึกตอนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย

วันนี้ ผมยังคงรู้สึกเหมือนเดิม และยิ่งไม่แน่ใจ ว่า  สังคมไทยมีความอดทนสูง หรือว่า มีภูมิคุ้มกันต่ำ กันแน่

เราอดทนต่อความไม่รับผิดชอบของคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบในด้านต่างๆ ใครจะทำความเสียหายอย่างไร เราก็ “ทน” ไม่บ่น ไม่ว่า ไม่เตือน ไม่สะกิด แถมยังมีการให้รางวัลกันอย่างเอิกเกริก โดยกลุ่มคนที่ไม่รับผิดชอบด้วยกันนั่นแหละ ที่ยกย่องกันเอง ให้รางวัลกันเอง โดยไม่สนใจว่าสังคมโดยรวมจะได้อะไร หรือ เสียอะไร

หรือว่า สังคมไทยไม่มีภูมิคุ้มกันมากพอที่จะต่อต้านสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ หรือสร้างความเสียหายเหล่านั้น

จริงอยู่หรอกครับ ไม่มีอะไรดีหมด และไม่มีอะไรเลวหมด แต่เราสนับสนุนเฉพาะส่วนดี ปรามส่วนที่ไม่ดีได้ไหม เพื่อเป็นการจรรโลงสังคมให้มีการเปลี่ยนแปลง หรือพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น

ถึงจุดนี้อาจสงสัยว่า ผมกำลังพูดถึงอะไร

ก็เป็นเรื่องที่ผมเคยบันทึกไว้แล้วนั่นแหละครับ

เรื่องสุดท้าย ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็คือ

·        Copy and Paste เทคนิคหนึ่งที่ทำลายคุณภาพคน และการพัฒนา

·        ก่อนหน้านี้ก็มี “Impact factor ของวัฒนธรรม กระดาษเปื้อนหมึก ในวงวิชาการ” ที่เราวิ่งตามก้นฝรั่งแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ

·        มหาวิทยาลัยกับการพัฒนาประเทศ ที่กำลังทำลายการพัฒนาสมองของเด็กรุ่นใหม่

·        ปัญหาของระบบการศึกษาไทย ที่ไร้ทิศทาง

·        การจ้างทำผลงานทางวิชาการ เพื่อขอตำแหน่งแบบ “ไร้คุณภาพ”

·        ฯลฯ

ที่เป็นผลเสียต่อการพัฒนาประชากร และการพัฒนาประเทศ

แต่ละฝ่าย ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ธุระไม่ใช่ ไม่อยากแกว่งเท้าหาเสี้ยน ฯลฯ

แล้วถ้าทุกคนคิดอย่างนี้ สังคมไทยจะพัฒนาไปแบบไหน

ผม “ทำงาน” แบบตั้งใจมานานขนาดนี้ ก็ยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงอะไร

คนที่มีพฤติกรรมทำลายการพัฒนาของชาติ ไม่ใช่แค่ลอยนวลครับ ยังได้รับการยกย่อง ให้รางวัล มีหน้า มีตาในสังคมอีกต่างหาก

เรากำลังทำอะไรกันอยู่ครับ

หรือผมกำลังเข้าใจอะไรผิดไป

ผมอยากได้ยินจริงๆเลยครับ ว่า

สิ่งที่ผมเขียนบ่นไปทั้งหมดนั้น ไม่มีอยู่จริงในสังคมไทย

(หรือมีก็เพียงส่วนน้อย ไม่เสียหายอะไร ก็ได้ครับ)

ใครก็ได้ ช่วยบอกผมดังๆ ด้วยครับ

ผมจะได้หายโง่เสียที

ขอบพระคุณล่วงหน้ามาเลยครับ

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 281132เขียนเมื่อ 29 กรกฎาคม 2009 04:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 พฤษภาคม 2012 21:07 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

สังคมไทยชอบของปลอมไงขอรับอาจารย์..

อย่างน้อยก็มีอาจารย์ละที่ชอบของแท้..

Edmund  Burke  กล่าวไว้ว่า

..สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วได้ชัยชนะ..นั่นคือ..การที่คนดีนิ่งดูดาย..

..มันเป็นเช่นนั้นเอง..

  • สวัสดียามเช้าครับ
  • หลายอย่างที่เราเห็นล้วนทำลายการพัฒนาสังคมในหลายๆ ทาง
  • ไม่ว่าจะสังคม  หรือกลุ่มอาชีพใด
  • จากประสบการณ์ การทำดี ถูกต้อง เรากลับกลายเป็นแกะดำเสียเอง
  • เพราะมีจำนวนเพียงน้อยนิด
  • ก็ได้แต่ทำใจ  และทำตัวเราให้ดี  ไม่ให้ตกต่ำ ได้แค่นี้ละครับ 
  • ขอบพระคุณอาจารย์มากครับ 
  • อยากให้สิ่งที่อาจารย์นำเสนอเป็น "ความเท็จ" เหลือเกินครับ
  • แต่มั่นใจมากว่าความอยากของผมคงไม่อาจเป็นจริงได้
  • สรุปก็คือมันแจ่มแจ้ง แดงแจ๋อยู่เต็มบ้านเต็มเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแวดวงวิชาการ ยิ่งเจาะลงไปในระบบการศึกษาก็จะยิ่งเห็นชัด
  • การศึกษา แทนที่จะเป็น แหล่งรวมของสติปัญญา กลับกลายเป็นว่าเต็มไปด้วย "ไสยศาสตร์" ครับ
  • "ไสยศาสตร์" ในที่นี้มิได้หมายถึงเรื่องโชคลาง ของขลังใดๆ แต่หมายถึง ความมืดดำในความรู้
  • มันมีเรื่อง มืดมัว ไร้เหตุผล ไร้ทิศทาง เต็มไปหมดเลยครับ
  • เริ่มต้นว่าไว้อย่างหนึ่ง  ตรงกลางไปอีกทาง  ตอนท้ายก็ไปอีกเรื่อง
  • ถ้านึกอะไรไม่ออกว่าจะพิสูจน์อย่างไร ก็ลองปีนไปเอา งานวิจัยบนหิ้ง ลงมาไล่อ่านดูสัก 10 เล่มก็ได้ครับ
  • รับบำเหน็จ รางวัล ชื่อเสียงไปเรียบร้อย โดยผลงานที่ทำเป็นเพียงกระดาษเปื้อนหมึก ที่เปลืองทั้งกระดาษและหมึกมากๆ เพราะหนาเหลือเกิน ดูขลังจริงๆ 
  • ครั้นหันกลับไปดูเจ้าของผลงานว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างในการทำหน้าที่การงาน  ก็มักจะพบความจริงว่า "เหมียนเดิม" ไม่มีอะไรใหม่ ทำไปตาม ประเพณีนิยม โดยยึด "อำนาจนิยม" ไว้อย่างเบ็ดเสร็จ และเหนียวแน่น
  • หากสิ่งที่ผมพูดไป "เป็นความเท็จ" ได้ .. ผมจะดีใจมากเช่นกันครับอาจารย์
  • ส่วนเรื่องอาจารย์ตั้งโจทย์ว่าเรา อดทนสูง หรือว่า มีภูมิคุ้มกันต่ำ นั้น ผมว่ามันทั้งสองอย่างนั่นแหละ
  • เริ่มจาก ภูมิคุ้มกันต่ำ ก่อน เพราะเราเคยมีธรรมชาติอุดม สภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมดี เอื้ออำนวยให้ "ตามสบาย" และ "ไม่เป็นไร" ได้เสมอ โดยไม่เดือดร้อน ไม่ต้องคิดมาก
  • โลกเปลี่ยนไป เจ้าตัว "ตามสบาย" และ "ไม่เป็นไร" ทำให้เราถูกจูง ถูกหลอก ถูกลากไปตามกระแสโลกาภิวัตน์ หลายด้านเต็มที รวมทั้งด้านการศึกษาด้วย
  • เมื่อปัญหารุมเร้ามากเข้า การฉ้อฉลหลากหลายรูปแบบ ก็เกิดขึ้น มีให้เห็นในทุกวงการ มากบ้าง น้อยบ้าง
  • ผู้มีอำนาจ ทั้งอำนาจรัฐ อำนาจเงิน จึงกุมทุกอย่างไว้ได้ และจะฉ้อฉลอย่างไรต่อก็ได้ เพราะ ภูมิคุ้มกัน ของคนไทยได้ลดต่ำลงไปมากมายแล้ว
  • สุดท้าย ก็คือ "ต้องอดทน" ครับ .. ทนไปพร้อมกับท่องคาถาประจำเผ่าพันธุ์ว่า ... "ไม่เป็นไร" และ "ตามสบาย" ครับผม

เมื่ออำนาจเงินเข้ามาครอบงำจิตใจมากกว่าอำนาจธรรม ความเลวร้ายค่อยๆครอบงำทุกคนโดยไม่รู้ตัว เมื่อตกเป็นทาสของมันแล้วยากที่จะหลุดออกกมาได้

เรียนท่านอาจารย์แสวงที่เคารพ

   ขอใช้หลักคิดเพื่อเตือนใจกระผมเองอีกครั้ง ชีวิตนี้คือโลกของละครและมีการส้รางวิมานในโลกของละครอีก  ขอกล่าวว่า "We are stay in a world of delusion"  มันเป็นเช่นนั้นเอง

แสดงความเห็นด้วยความเคารพครับผม

   นิสิต

ขอบคุณครับ

อย่างน้อยผมก็มีเพื่อนที่อยากทำตัวเป็นคน "โกหก"

แต่ผมก็ยังหาคนยืนยัน "ความโกหก" ของผมไม่ได้

ช่วยหาให้หน่อยครับ

โดยเฉพาะนักวิชาการระดับสูง ตำแหน่งสูงๆของประเทศ ผมอยากทราบว่า

ท่านกำลังคิดอะไรอยู่?????

ถ้าอาจารย์หาตัวตนของอาจารย์พบเมื่อไร..

รับรองแม้โลกทั้งโลกก็อยู่ในอุ้งมืออาจารย์ขอรับ..

Know Thyself..

ก็ได้เล็กๆน้อยๆ ไปเรื่อยๆ แหละครับ

กำลังพยายามจะเพิ่มการรู้จักตัวให้มากขึ้นทีละน้อยๆ นะครับ

การเขียนนี่ก็เป็นการบันทึก และทบทวนเส้นทางเดินของตัวผมเองด้วยครับ

ขอขอบพระคุณที่มาชี้ทางให้ครับ

กราบเรียนท่านอาจารย์แสวง รวยสูงเนิน

ผมคิดว่าทุกปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้าน การทำลายทรัพยากรธรรมชาติ การทุจริต ยาเสพติด ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เกิดจากค่านิยม ความยากจน ขาดความรู้ และอื่นๆ ผมว่าทุกคนรู้ ว่าปัญหาเกิดเพราะอะไร และก็รู้วิธีแก้ไขด้วย แต่ต่างก็โยนความรับผิดชอบให้กันและกัน

เช่น ปัญหาเรื่องการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ

ป่าไม้ในสภาพป่าถูกถางมาทำไร่ จนไม่มีป่า อย่างดีก็แค่ป่าหญ้า ที่เห็นๆกันอยู่

เมื่อเกิดปัญหาเรื่องนี้ ต่างคนก็ต่างโยนความรับผิดชอบให้กัน ประชาชนก็บอกว่าป่าถูกทำลายก็เพราะรัฐบาลไม่เคร่งครัด ละเลย มัวแต่ห่วงตำแหน่ง สนใจแต่เถียงกันในสภาไม่เคยมาดูมาแล รัฐบาลก็ว่าประชาชนไม่มีความรู้จึงทำลายป่า เป็นต้น สุดท้ายป่าก็หมด

(สิ่งที่ผมยกตัวอย่างมาเป็นสิ่งที่สมมุติครับ)

แล้วอยากเรียนถามท่านอาจารย์ว่าจะแก้ไขปัญหาที่ว่านี้แบบไหน สมมุติว่างบประมาณมีน้อย และมีคนสนับสนุนอาจารย์แค่ไม่กี่คน ส่วนคนกลุ่มหนึ่งรอดูก่อน ส่วนอีกกลุ่มไม่สนใจ และการแก้ปัญหานี้ จะเอาการบูรณาการมาใช้ประโยชน์อย่างไร

(กราบเรียนถามด้วยความเคารพครับ ผมไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ดี ขออนุญาตรบกวนช่วยตอบคำถาม ครับ แล้วผมจะเอาคำตอบของอาจารย์ไปคิดหาคำตอบให้ต้วเองต่อ เพื่อที่จะเอาไปใช้ในการดำรงชีวิตครับ )

(ขออวยพรให้อาจารย์มีสุขภาพแข็งแรง ร่ำรวยเงินทองและความสุขครับ)

ด้วยความเคารพ

วงศ์วริศ อินทะ

นี่คือคำถามที่น่าจะถามในห้องเรียนครับ

ผมจะนำไปตอบในห้องครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท