วันนี้อาจพ่ายแพ้ แต่ใช่ว่าจะแย่เสมอไป (ท่านชุติปัญโญ)


ในโลกของความจริงที่ดำรงอยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง ไม่มีใครแม้สักคนเดียวที่จะรั้งตัวเอง ให้อยู่บนหอคอยแห่งชัยชนะได้ตลอดเวลา ทุกอย่างในแง่ของวัตถุและเหตุปัจจัยภายนอกที่ได้มา ไม่มีชัยชนะให้ครอบครองถาวรแต่อย่างใด

ช่วงนี้ผมอ่านหนังสือของท่านชุติปัญโญด้วยความตื้นเต้นและค้นหา ค้นหาว่า ท่านชุติปัญโญต้องการบอกอะไรกับคนอ่าน หนังสือเล่มนี้ ชื่อ "จะยากอะไร ถ้าอยากให้ใจมีสุข"

 

"วันนี้อาจพ่ายแพ้ แต่ใช่ว่าจะแย่เสมอไป" เป็นข้อเขียนบทแรกในหนังสือเล่มนี้ ที่ผมอ่านแล้วพบว่า มันให้กำลังใจ และ มุมมองสำหรับผู้ที่มีความท้อถอย หมดกำลังใจในตอนนี้อย่างมาก จึงอยากให้ท่านได้อ่านไปพร้อมกับผม

 

ท่ามกลางชีวิตที่ต้องเดินทางไกลอย่างไร้คำตอบ คนเราล้วนมีความหวังคอยหล่อเลี้ยงใจให้อยู่ได้เสมอ ถึงแม้ว่าอาจจะเป็นเพียงความหวังที่คอยกล่อมใจให้หายเหงาชั่วครู่ หรือคอยปลอบขวัญว่า สักวันความสุขที่ปรารถนาจะเป็นจริง แต่ทุกคนก็ยินดีที่มีฝันเป็นของตัวเอง

เมื่อมีไฟฝันชีวิต ทุกความรู้สึกของคนเราจึงทะยาน เพื่อไปคว้าฝันนั้นอย่างเต็มที่ เพราะคิดว่าสิ่งที่ต้องการจะทำให้ชีวิตมีความบกพร่องน้อยลง จึงเริ่มแสวงหาชัยชนะที่ตนปรารถนาด้วยวิธีที่หลากหลายต่างกัน อาจจะเริ่มจากชัยชนะเล็ก ๆ จนกระทั่งชัยชนะที่ทำให้ตัวเองภูมิใจเมื่อนึกถึงสิ่งที่ได้ทำมา

แต่ชีวิตก็แปลกอยู่อย่างหนึ่งคือ "สิ่งที่ต้องการมักเดินสวนทางกับความจริงที่กำลังตามหาเสมอ" เพราะหากสังเกตชีวิตของผู้คนที่ขวักไขว่เพราะการแสวงหา กลับดูประหนึ่งว่า ตกอยู่ในฐานะของผู้พ่ายแพ้อยู่ร่ำไป

เป็นเสมือนเชลยของสิ่งที่กำลังตามหา เป็นทาสที่จำต้องทนอยู่ให้ได้กับสิ่งที่เคยคิดว่า ดีที่สุด แม้สิ่งนั้นจะไม่อาจการันตีให้ชีวิตมีความสุขเต็มที่ได้ก็ตาม ชีวิตที่ได้มาจึงตกอยู่ในภาวะของผู้พ่ายแพ้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

พ่ายแพ้ต่อความไม่แน่นอนจากเป้าหมายที่ต้องการ

พ่ายแพ้ต่อการแสวงหาที่ไม่มีจุดจบ

พ่ายแพ้ต่อความรู้สึกที่ไม่สามารถเติมเต็มให้กับตัวเองได้

พ่ายแพ้ต่อสังขารที่นับวันจะร่วงโรยรา

พ่ายแพ้ต่อชีวิตที่ไม่สามารถยื้อรั้ง เพื่อต่อยอดความต้องการนั้นให้เป็นความจริง

 

เมื่อมองชีวิตในมิติของความไม่แน่นอน และความหลากหลายที่มีตัวแปรอื่นเข้ามาเกี่ยวพัน จึงกล่าวได้ว่า ท่ามกลางการแสวงหาบนความต้องการที่ไม่รู้จักควบคุม เราคือผู้พ่ายแพ้ตลอดกาล

แต่มีอยู่วิธีหนึ่งที่จะทำให้เราเป็นผู้ชนะได้ และเป็นผู้ชนะอย่างถาวร ถือว่าเป็นการกำชัยชนะให้อยู่ในกำมือของตัวเองไม่ใช่เส้นชัยที่ต้องวิ่งไปหา แต่เป็นเส้นชัยที่เริ่มต้นตั้งแต่จุดสตาร์ทสิ่งนั้นก็คือ "ชัยชนะที่เกิดจากใจของเรา"

 

เพราะในโลกของความจริงที่ดำรงอยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง ไม่มีใครแม้สักคนเดียว ที่จะรั้งตัวเองให้อยู่บนหอคอยแห่งชัยชนะได้ตลอดเวลา ทุกอย่างในแง่ของวัตถุและเหตุปัจจัยภายนอกที่ได้มา ไม่มีชัยชนะให้ครอบครองถาวรแต่อย่างใด

เป็นเพียงการเกี่ยวข้องและใช้สอยที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว แล้ววันหนึ่งที่ต้องจากลากัน เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่า ทุกอย่างที่เกิดมาบนความไม่แน่นอนนั้น เราไม่มีทางที่จะเป็นผู้ชนะได้เลย

แต่ถ้าสิ่งใดเกิดขึ้นแล้วทำให้เราได้เรียนรู้ และฉลาดขึ้นจากการเกี่ยวข้องกับสิ่งนั้น ๆ  เป็นการเก็บรายละเอียดที่ผุดขึ้นมาอย่างรู้เท่าทัน

แม้อาจจะไม่ได้ดั่งหวังทุกอย่าง แต่ทุกรายละเอียดที่ผ่านเข้ามา ก็ทำให้รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในชีวิตบ้าง ทำให้เราได้เก็บคุณค่าบางอย่างที่ไม่เคยมีได้ เป็นเสมือนการอยู่นิ่ง ๆ เพื่อรู้เท่าทันสิ่งที่เคลื่อนไหว

เพราะการทำตัวเองให้อยู่นิ่ง ๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยใช้ปัญญาพิจารณาด้วยความรอบคอบนั้น ประหนึ่งว่าเรากำลังหยุดยอมที่จะไม่สู้ ซึ่งดูเหมือนว่าเป็นความพ่ายแพ้ แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะการหยุดนิ่งที่ผ่านการไตร่ตรองด้วยปัญญาที่มาจากใจนั้น มันซ่อนชัยชนะให้ปรากฎอยู่ในใจอย่างน่าชื่นชม

ถ้าเรียนรู้ชีวิตนักปราชญ์ของโลก จะเห็นได้ว่าแต่ละท่าน ล้วนผ่านการเรียนรู้ที่คล้ายว่าจะเป็นผู้แพ้เพื่อก้าวไปสู่ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ด้วยคำว่า "แต่เพื่อชนะ" เสมอ

พระพุทธเจ้า เรียนรู้ที่จะเป็นผู้แพ้ต่อการถูกกล่าวหาว่าไม่รักบ้านเมือง ไม่รักครอบครัว เพราะออกบวชแล้วภาวะที่ไม่ได้รับการยอมรับและเห็นชอบ แต่พระองค์ก็ทำให้รู้ว่า การยอมแพ้บางอย่างเพื่อชนะสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า ทำให้เกิดคุณค่ามหาศาลเพียงใด

สมเด็จเท็นซิน กยัตโส องค์ทะไลลามะที่ ๑๔ แห่งประเทศทิเบต ลี้ภัยการเมืองไปอยู่ในอินเดีย ประหนึ่งว่า ท่านพ่ายแพ้การต่อสู้ แต่ความยิ่งใหญ่ที่ท่านบอกให้ชาวโลกรับรู้ก็คือ ชัยชนะที่โลกควรให้เกิดมีร่วมกันนั้น ไม่ควรเกิดจากการใช้ความรุนแรง แต่ควรเป็นสันติภาพที่เกิดจากความสงบเย็นที่มาจากใจ แล้วแบ่งปันด้วยความเมตตากรุณาที่มีต่อกัน

โทมัส อัลวา เอดิสัน ถูกกล่าวหาว่า เป็นคนที่แพ้ เพราะไม่สามารถสร้างหลอดไฟฟ้าให้มีแสงสว่างได้ ทั้งที่ทดลองตั้งหลายร้อยหลายพันครั้ง แต่เอดิสันก็นำคำที่ถูกกล่าวหาว่า แพ้นั้นมาเป็นกำลังใจผลักดันตัวเองให้ก้าวไปสู่ชัยชนะที่ใหญ่กว่า ทำให้โลกรับรู้ในเวลาต่อมาว่า เขาคือผู้ทำให้โลกได้รับแสงสว่างด้วยสิ่งประดิษฐ์ของเขาตราบจนปัจจุบัน

ถ้าหากใครที่คิดว่า ชีวิตช่างมีแต่ความพ่ายแพ้ ทั้งในแง่ของการใช้ชีวิตในแต่ละวันและเป้าหมายที่ต้องการ ก็ควรหันกลับมามองเสียใหม่ว่า "เราแพ้ต่อปัญหาที่เกิดขึ้นจริง ๆ หรือว่า เพราะแพ้ใจของตัวเราเอง"

 

ขอบคุณท่านชุติปัญโญที่ท่านได้เขียนข้อเขียนให้กำลังใจข้อเขียนนี้ครับ

ผมหวังว่า ท่านค้นพบอะไรหรือไม่ครับ เล่าให้ผมฟังบ้างนะครับ

ขอเป็นกำลังใจให้ครับ

ขอบคุณครับ ;)

หมายเลขบันทึก: 170152เขียนเมื่อ 10 มีนาคม 2008 17:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 มิถุนายน 2012 11:42 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

สวัสดีค่ะ อ.wasawat Deemarn

มนุษย์เรียนรู้สิ่งพ่ายแพ้ เพื่อรับชัยชนะในภายหลัง

หนทางเดินถึงมีกุหลาบแต่อย่าลืมกุหลาบก็มีหนาม

ชีวิตถ้าไม่ลำบาก ก็จะไม่มีวันสบาย 

       ชีวิต...สู้ๆ..ค่ะ

                      ศิษย์มส.

สวัสดีครับ คุณครูจิตติมา :)

  • ยินดีที่แวะเวียนเข้ามาหาปรัชญาธรรม ครับ
  • ตอนนี้ คงสบายดีนะครับ

ขอบคุณครับ :)

    สวัสดีค่ะ  อ.Wasawat  Deemarn

  • พระพุทธเจ้าตรัสว่า ชนะใจตนเอง เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
  • ถ้าใจเราคิดว่าแพ้ตั้งแต่เริ่ม  เราก็หมดหนทางชนะ  กำลังใจสำคัญเกิดจากตัวเราเอง 
  • ขอบคุณค่ะ  สำหรับปรัชญาธรรมดีๆที่นำมาฝาก 

สวัสดีครับ ท่านอาจารย์ Wasawat

         ผมแพ้มาจนชาชินแล้วครับ

         ที่แพ้เพราะทะเยอทะยาน

         เมื่อแพ้มากๆ ก็บอกกับตัวเองว่าทำไมต้องเลือกเส้นทางที่พ่ายแพ่

         หนทางแห่งชัยชนะก็มีอีกมาก เพียงแต่ต้องเลือกเส้นทางให้ถูก

         ตอนนี้ผมชนะทุกวันครับ

                                ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ ท่าน ผอ.วิชชา small man

  • ขอบคุณท่าน ผอ.สำหรับประสบการณ์และความคิดเห็น ครับ
  • ยินดีที่ท่าน ผอ. "ชนะทุกวัน" เลย ครับ :)

ขอบคุณครับ :)

หวัดดีค่ะอ.wasawat

คนเรามันก็มีแพ้หลายๆ อย่างแตกต่างกันออกไป

แต่แพ้ที่คนเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ หนีไม่พ้น

คือแพ้ภัยตัวเองค่ะ 555

(เข้าไปแอ่วกันบ้างเน้อ เปิดตัวละ)

ขอบใจมาก ลูกศิษย์กลาย ๆ ของครู ;)

เดี๋ยวครูแวะไปเยี่ยมเน้อ

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆนี้ แพ้ใจตนเองแต่ตอนนี้กำลังสร้างความเข้มแข็งอยู่หวังว่าคงเป็นกำลังใจให้นะ

จะแพ้ได้ไง ในเมื่อยังไม่ลงแข่ง  เอ หรือ ยิ่งแข่งยิ่งแพ้

มาทายทักแบบสบายๆ ค่ะ ไม่อยากจะถามครูเสือว่าสงกรานต์นี้ไปไหน

เพราะคงได้คำตอบเดิมๆ ? คะ เอ รึว่าปีนี้อาจจะมีคำตอบใหม่ๆ เก๋ไก๋กว่า คะครูเก่า ;) 

  • ณ วันนี้ตอนนี้แป๋มขอมองถึงปัจจุบันและอนาคตค่ะอาจารย์ นั่นคือ ชีวิตของเยาวชนคนของอนาคต
  • การที่พวกเขาจะใช้ชีวิตให้อยู่รอดในสังคมที่มีความหลากหลายอย่างมีความสุข
  • หรือหากต้องมีทุกข์บ้างตามประสาปุถุชนคนธรรมดาก็ขอให้มีทุกข์น้อยที่สุดนั้น
  • ควรปลูกฝังแนวคิด ค่านิยม ที่มุ่งการเข้าใจชีวิต รู้จักยืดหยุ่นในภาวะที่มีสถานการณ์ตึงเครียด คับขัน
  • มองโลกตามความเป็นจริง แม้จะยาก แต่เราเองที่เป็นผู้ใหญ่ ก็ไม่อาจละเลยได้
  • แต่ว่า... เราเองต่างหาก ที่ต้องฝึกฝนตนให้เข้าใจโลกเสียก่อน เพื่อความชัดเจนที่จะนำแนวทางที่ได้ไปขยายผลให้กับเยาวชนต่อไป..

สวัสดีค่ะอาจารย์

  • พี่คิมหยิบหนังสือเล่มนี้แล้วค่ะ  แต่ยังไม่ได้ซื้อ
  • พี่คิมไม่ชอบเป็นผู้ชนะค่ะ  ชอบเป็นผู้แพ้  อยู่อย่างเงียบ ๆ มองดูผู้ชนะก็เป็นสุขดีนะคะ
  • บางคนพูดถึงความชนะของตนเองอย่างเป็นสุข เราก็ยินดีปรีดา  เขายิ่งมีความสุขขึ้น 
  • แต่การเป็นผู้แพ้ของบางคน  เขาแพ้เพื่อยอมให้สังคมเป็นผู้ชนะ..นะคะอาจารย์

แหม คุณ poo ;)...

"ครูเก่า" ของท่านอาจารย์ขจี๊ด อย่างไว ๆ 555

สงกรานต์นี้ ตังค์หมด ... อดไปไหนครับ อิ อิ

หนีน้ำที่เชียงใหม่นี่แหละครับ ;)

ผมขอให้กำลังใจคุณ ครูแป๋ม ครับ ... ;)

หากเป็นครูที่เป็นด้วยวิญญาณและหัวใจ คุณครูจะมีความสุขมากที่สุด

ถึงใคร ๆ ไม่เห็นความดีของเรา แต่เราและลูกศิษย์ของเราจะเห็นแน่นอน

สนับสนุนให้เด็ก ๆ "เรียนดี" มากกว่า "เรียนเก่ง"

เพราะ "เรียนดี" หมายถึง การอยู่ในสังคมได้อย่างดีและมีความสุข

ขอบคุณมากครับ ;)

หลายคนคิดว่า "ผู้แพ้" คือ ผู้ที่ทุกข์ที่สุด แต่โลกเรามีสองด้าน

ไม่ว่าจะเป็น "ผู้แพ้" หรือ "ผู้ชนะ" ก็ต่างหามุมของความสุขได้ทั้งหมดครับ

ชื่นชมคุณ ครูคิม ครับ ;)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท