ชีวิตไม่มีการเรียนรู้ที่สิ้นสุด ... (ท่านชุติปัญโญ)


ชีวิตมีหลายอย่างที่ซ่อนเงื่อนอยู่ลึก ๆ ข้างใน ซึ่งต้องอาศัยความใส่ใจในการเรียนรู้ด้วยความแยบคาย สิ่งที่เกิดขึ้นจึงจะแจ่มแจ้งได้ ถือว่า เป็นการเว้นพื้นที่ให้ความรู้ต่าง ๆ สามารถเข้าไปเติมเต็มได้ด้วยภาวะที่ลงตัว

คนส่วนมากมักจะถามหาความสมบูรณ์แบบ เพื่อมอบให้กับชีวิตของตัวเองอยู่เสมอ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว ชีวิตไม่มีสิ่งที่มาคอยเติมเต็มให้สมบูรณ์พร้อมได้ทั้งหมดแต่อย่างใด ทว่าคนเราก็มักจะยื้อว่า มันต้องถูกเติมเต็มได้แน่นอน

เมื่อมีความหวังแต่ไร้ความเข้าใจ เราจึงแสวงหาในสิ่งที่คิดว่า ใช่มาทับถมใจให้เต็มอยู่ตลอดเวลา ยอมทำทุกอย่างเพื่อจะได้สิ่งที่ต้องการมาครอบครอง และเพื่อบอกตัวเองให้ได้ว่า "เราสมบูรณ์พร้อมแล้ว เรามีครบทุกอย่างแล้ว"

ทุกอย่างที่ได้มาในด้านวัตถุและเกียรติยศที่ต้องการ เป็นเสมือนสิ่งที่มีอยู่จริงในมิติของชาวโลก ประหนึ่งว่ามีชีวิตที่เพียบพร้อมกว่าใครหลาย ๆ คน ซึ่งน่าจะทำให้มีความสุขได้อย่างที่ใจใฝ่หา

ทว่าเมื่อมองความสุขที่ได้รับจากสิ่งที่เพรียกหา กลับปรากฎว่า ความสุขที่ซ่อนอยู่ในใจ อันเป็นความสุขสงบที่ทำให้เรายิ้มได้ด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย กลับหายไปอย่างน่าใจหาย เหลือเพียงความคิดที่เข้าข้างตัวเองว่า เรามีความสุขเท่านั้น

หน้าตาของความสุขจากวัตถุและเกียรติยศที่ได้มา ช่างเป็นอะไรที่เปล่ากลวงเหลือเกิน เป็นความสุขที่แห้งแล้งเกินกว่าที่จะตอบตัวเองได้ว่า เรามีความสุขดั่งที่ชีวิตต้องการจริง ๆ

เพราะความจริงของชีวิตในการเกี่ยวข้องกับความสุขแบบฉบับของชาวโลกทั่วไป เป็นสิ่งที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความไม่แน่นอน ทุกสรรพสิ่งจะถูกลดทอนลงตามกาลเวลา และเปลี่ยนสภาพไปอย่างไม่มีข้อยกเว้น อยู่ที่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปในวันใดเท่านั้นเอง

ความสุขที่เราคาดหวังในสิ่งที่เคยอยากจับจอง จึงเป็นความบกพร่องในสิ่งที่คิดว่า เป็นความสมบูรณ์สำหรับเรา จึงเป็นความบกพร่องในสิ่งที่คิดว่าเป็นความสมบูรณ์สำหรับเรา สิ่งที่ได้มาจึงตอบสนองให้ใจสมอยากเพียงชั่ววูบเท่านั้น แล้วทุกอย่างที่จะกลายเป็นภาระใหม่ที่เราอาจจะไม่ต้องการ แต่ก็ต้องยอมก้มหน้าที่จะแบกรับมัน

แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เราสามารถแสวงหา และก่อให้เกิดเป็นความพร้อมในการดำเนินชีวิตได้ เป็นสิ่งที่มาเพิ่มเติมแล้วทำให้ชีวิตบกพร่องน้อยลง เป็นความลงตัวท่ามกลางความบกพร่องที่มีนั่นคือ การเรียนรู้ชีวิตด้วยความเข้าใจ

เพราะความเข้าใจมิใช่การคิดเอา หรือเดาสุ่มตามความรู้สึกที่เราสร้างขึ้นมา แต่เป็นการกลับไปดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรู้เท่าทันในทุกเรื่องของความจำเป็นที่มีต่อชีวิต เป็นภาวะที่เข้าไปช่วยทำให้ชีวิตมีความสมดุล ตั้งแต่จุดเริ่มต้นทั้งในด้านวัตถุภายนอกและจิตใจภายใน เพื่อให้กระบวนการศึกษาที่มีอยู่ ได้ทำหน้าที่ดูแลชีวิตทุกมิติที่เราเกี่ยวข้องให้มีความลงตัว

ถือว่า เป็นการรู้จักสร้างวิธีที่ก่อให้เกิดความเหมาะสมในทุกมิติที่ชีวิตต้องทำการศึกษา แม้จะอยู่ในภาวะทีเป็นความบกพร่องในหลาย ๆ ด้าน แต่ความสมดุลอันเกิดจากความเข้าใจด้วยปัญญา ย่อมประคองให้สิ่งต่าง ๆ เคลื่อนไปด้วยความราบรืนได้

ดังนั้น การศึกษาชีวิตไม่ว่าในแง่ของวัตถุและจิตใจ หรือในทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามา เราไม่ควรประมาทว่า เรารู้แล้วหรือเข้าใจทุกอย่างโดยสมบูรณ์แบบแล้ว

เพราะในรายละเอียดของชีวิต มีหลายอย่างที่ซ่อนเงื่อนอยู่ลึก ๆ ข้างใน ซึ่งต้องอาศัยความใส่ใจในการเรียนรู้ด้วยความแยบคาย สิ่งที่เกิดขึ้นจะแจ่มแจ้งได้ ถือว่าเป็นการเว้นพื้นที่ให้ความรู้ต่าง ๆ สามารถเข้าไปเติมเต็มได้ด้วยภาวะที่ลงตัว

ด้วยเหตุนี้ สิ่งสำคัญจึงอยู่ที่การรู้จักสร้างวิธีเรียนรู้ด้วยความเข้าใจเป็นหลัก เป็นการประสานระหว่างความบกพร่องและความเพียบพร้อมให้มีการสัมพันธ์ต่อกัน เพื่ออำนวยประโยชน์สุขให้แก่กันและกันตราบนานเท่านาน

เพราะชีวิตเป็นสิ่งที่ต้องอยู่กับการเรียนรู้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

เราจึงต้องใส่ใจทุกรายละเอียดที่ผ่านเข้ามาในชีวิตโดยไม่มีข้อยกเว้น แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเบื่อหน่ายก็ตาม

 

มีพระหนุ่มรูปหนึ่งได้อยู่ศึกษาธรรมะกับอาจารย์เซนนามว่า อู๋เต๋อ เมื่อแรกเริ่มนั้น เขามีความกระตือรือร้นในการศึกษาเป็นอย่างมาก ทุกการเรียนรู้เต็มไปด้วยความพากเพียรพยายาม

หนึ่งปีผ่านไป พระหนุ่มมีความรู้สึกว่า ตนมีความรู้มากแล้วจึงมีความคิดที่จะออกธุดงค์ เพื่อแสวงหาความรู้ใหม่ ๆ ด้วยตัวเอง เพราะเขาคิดว่า หนึ่งปีที่อยู่กับอาจารย์นั้น ตนมีความรู้สมบูรณ์พร้อมแล้ว

ช่วงขณะที่รอเวลาออกธุดงค์ เขาจึงแสดงอาการเบื่อหน่ายต่อการศึกษาเป็นอย่างมาก เวลาฟังธรรมบรรยายก็ไม่สนใจเหมือนในอดีตที่ผ่านมา แถมยังแสดงอาการเบื่อหน่ายให้อาจารย์เห็นอยู่บ่อย ๆ

 

อยู่มาวันหนึ่ง หลังจากที่อาจารย์ให้โอวาทแก่บรรดาลูกศิษย์จบลง จึงพูดกับภิกษุหนุ่มด้วยความเป็นห่วงว่า

"ดูเธอไม่ค่อยใส่ใจในการศึกษาธรรมะเลยนะ ไม่ทราบว่า เป็นเพราะเหตุใด ?"

 

เมื่อลูกศิษย์เห็นว่า อาจารย์ต้องการทราบเหตุผลในเรื่องนี้จึงกล่าวความในใจที่ตนมีแก่ท่านว่า

"ท่านอาจารย์ครับ หนึ่งปีที่อยู่ศึกษาที่นี่ มันเป็นอะไรที่รู้หมดแล้ว ผมจึงคิดว่าจะออกธุดงค์ เพื่อหาประสบการณ์อย่างอื่นต่อไป การศึกษาที่นี่มันเป็นอะไรที่พอแล้วสำหรับผม"

"อะไรที่เธอว่าเป็นความพอของเธอ ?"

"พอก็คือเต็มแล้ว คือ บรรจุไม่ลงแล้วครับ"

 

เมื่ออาจารย์ได้ฟังลูกศิษย์กล่าวเช่นนั้น จึงหยิบถังไม้มาหนึ่งใบ แล้วนำก้อนกรวดเล็ก ๆ เทลงไปจนเต็มถัง หลังจากนั้นจึงถามลูกศิษย์ผู้คิดว่า การศึกษาของตนนั้นเพียงพอแล้วว่า

"ก้อนกรวดในถังใบนี้เต็มหรือยัง ?"

"เต็มแล้วครับท่านอาจารย์"

 

เมื่อลูกศิษย์กล่าวเช่นนั้น อาจารย์ก็นำทรายละเอียดมาเติมลงไปอีกสามกำมือ ปรากฎว่า ทรายก็สามารถเล็ดลอดก้อนกรวดลงไปได้ทั้งหมด ซึ่งดูเหมือนว่าถังจะมีพื้นที่เต็มไปด้วยก้อนกรวดและทรายแล้ว ท่านมองหน้าลูกศิษย์แล้วถามว่า

"สิ่งของในถังนี้เต็มหรือยัง ?"

"เต็มแล้วครับ"

 

ฝ่ายอาจารย์ก็นำผงหินปูนโรยลงไปในถังอีกหนึ่งกำมือ ปรากฎว่า หินผงก็หายลงไปในถังได้ทั้งหมด อาจารย์จึงถามลูกศิษย์อีกว่า

"คราวนี้เต็มหรือยัง ?"

"ดูเหมือนคราวนี้เต็มแน่นอนแล้วครับ"

 

แต่แทนที่อาจารย์จะหยุดอยู่แค่นั้น ท่านก็นำน้ำมาเทลงไปในถัง ปรากฎว่า น้ำก็ไหลลงไปได้อีก สามารถไหลผ่านทั้งก้อนกรวด ทราย และผงหินปูนทั้งหมด

"เธอคิดว่า เต็มหรือยัง ?"

 

เมื่ออาจารย์แสดงให้ดูเช่นนี้ แทนที่ลูกศิษย์จะตอบเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา กลับนั่งคุกเข่าลงต่อหน้าอาจารย์ แล้วกล่าวอย่างผู้เข้าใจบางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นในใจของตน

"ท่านอาจารย์ครับ ศิษย์กราบขอบพระคุณท่านมาก และเข้าใจในสิ่งที่อาจารย์สอนอย่างแจ่มแจ้งแล้วครับ"

 

ฝ่ายอาจารย์ก็ยิ้มให้ต่อการแสดงออกของเขา และกล่าวให้ข้อคิดแก่ลูกศิษย์ด้วยความเมตตาว่า

"ก็ดีแล้วที่เธอเข้าใจได้ จงจำไว้นะว่ามีหลายอย่างในชีวิตที่เรายังไม่รู้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็อย่าปิดตัวเองที่จะศึกษาสิ่งที่เกิดขึ้น แต่จงตั้งใจศึกษาในทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา และรักษาจิตที่จะเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ อย่างรู้เท่าทัน แล้วเธอจะรู้ว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ทุกความรู้สึกที่ผ่านเข้ามาในใจ คือ สิ่งที่ผ่านเข้ามาเพื่อให้เราได้เรียนรู้โดยไม่มีคำว่า สิ้นสุด"

 

 

เล่าให้ฟังจากหนังสือ ชื่อ "ชีวิตวันนี้ที่วุ่นวาย มีที่พักใจหรือยัง ?" เขียนโดยท่านชุติปัญโญ

 

ท่านคิดว่า ข้อเขียนนี้มีประโยชน์บ้างหรือไม่ครับ

บุญรักษา ทุกท่าน :)

หมายเลขบันทึก: 173243เขียนเมื่อ 26 มีนาคม 2008 17:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 เมษายน 2012 16:57 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

      สวัสดีค่ะ อาจารย์ Wasawat Deemarn

  • อ่านแล้วให้ข้อคิดดีมากค่ะ  เป็นคติที่จะนำไปสอนเด็กๆได้...
  • ให้เขารู้ว่า..ชีวิตต้องอยู่กับการเรียนรู้อย่างไม่มีวันสิ้นสุด
  • ให้เขารู้จักแสวงหาความรู้เพิ่มเติม...อย่าคิดว่าเรารู้หมดแล้ว
  • การคิดว่าเราเรียนรู้หมดแล้ว เป็นความคิดที่ประมาทอย่างยิ่ง
  • การเรียนรู้ชีวิตด้วยความเข้าใจ  จะทำให้มีความสุขในชีวิต
  • ชอบที่ว่า "ความสุขจากวัตถุและเกียรติยศ เป็นความสุขที่กลวง  แห้งแล้ง  ความสุขที่ซ่อนเร้นอยู่ในใจเป็นความสุขที่จีรัง"  คมมากค่ะ 
  • ขอบคุณค่ะ...จริงๆแล้ว มีหลายอย่างในชีวิตที่เรายังไม่รู้    

สวัสดีครับ คุณWasawat Deemarn

ข้อเขียนของคุณWasawat Deemarn ที่นำมาเล่านั้นช่างเขียนเล่าได้ชัดเจนดีแท้ แต่บนโลกใบนี้ มนุษย์มักขาดความละเอียดอ่อนต่อความเข้าใจความจริงแท้ของชีวิต ไม่ว่าเขา หรือใครคนนนั้จะอยู่ในภาวะใดก็ตาม หากชีวิตเป็นดั่งศิลปิน ผมมักจะนึกศิลปินที่ก่อนงานจะเสร็จสิ้นงานวาดภาพ ศิลปินที่วาดภาพชิ้นงานออกมาแต่ละชิ้นนั้น ย่อมรู้แก่ใจว่าจะหยุดหรือ จบลงตรง ณ จุดใด ให้มีความพอดี ก็คือ การรู้จักเก็บรายละเอียด

ดังนั้นความเป็นของชีวิตของภาวะที่อยู่ภายใน และชีวิตที่อยู่ภายนอก ต้องสร้างให้เกิดสมดุลหรือมีภาวะดุลยภาพ ซึ่งเกิดขึ้นได้ยากในกระแสเลียนแบบกันตามการบริโภคนิยม ในที่นี้ร่วมไปถึงการมีชนชั้นสถานภาพสังคมที่คล้ายคลึงกันจนไม่ค่อยเข้าใจถึงความหลากหลายของความแตกต่างของสรรพสิ่งทั้งหลาย เช่น บางครั้งเวลาเราเดินไปในกลุ่มที่ทำงานด้วยกัน จนเรารู้สึกมีความรู้สึกเป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน ไม่และหรือพยายามขยายวงไปสร้างสายสัมพันธ์สรรพสิ่งอื่นๆ เหมือนดักแด้ที่อยู่แต่ในโลกของตัวเอง เศร้ามาก ครับ สำหรับสังคมยุคสมัยนี้ ไม่ทราบว่า คุณWasawat Deemarn คิดว่าอย่างไรครับ

เดียวก่อนะครับ คุณWasawat Deemarn ผมขอลุกจากที่นั่งก่อนเพื่อเดินไปที่ตู้หนังสือส่วนตัว เพื่อหยิบหนังสือสักเล่ม เป็นบทสรุป หวังว่าคุณWasawat Deemarn ไม่ว่ากันนะครับ จาก เรื่องขุนเขายะเยือก บทกวีของผู้สันโดษฮั่นชาน พจนา จันทรสันติ ถอดความจาก Cold Mountain ของ Berton Watson กล่าวไว้

ข้าพเจ้าติดหนังสือไปด้วยขณะเมื่อทำงานในทุ่ง

ในวัยหนุ่ม เมื่อข้าพเจ้ายังอาศัยอยู่กับพี่ชาย

ผู้คนพากันนินทาว่าร้าย

แม้แต่เมียก็ยังไม่พอใจ

บัดนี้ ข้าพเจ้าได้ตัดจากโลกีย์วิสัย

ใช้เวลาท่องเที่ยวสัญจรอ่านหนังสือตามใจชอบ

มีใครเล่าที่จะเมตตาเทน้ำลง

เพื่อช่วยเหลือชีวิตปลาในรอยเกวียน

สวสัดีครับ คุณWasawat Deemarn

เราจึงต้องใส่ใจทุกรายละเอียดที่ผ่านเข้ามาในชีวิตโดยไม่มีข้อยกเว้น แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเบื่อหน่ายก็ตาม

สวัสดีค่ะอาจารย์

   ให้ข้อคิดได้เยอะเชียวค่ะ

   เพราะปกติในขณะที่กำลังเบื่อหน่ายกับหลายๆสิ่งที่เข้ามาในชีวิต มักอยากจะปิดหู ปิดตา และอยู่เงียบๆกับตัวเอง จนบางครั้งก็พลาดที่จะเรียนรู้เรื่องดีๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย

  ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับ อาจารย์ Jeed ครูแก้วตา อาณาจักร์

  • ยินดีที่อาจารย์สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อตนเองและลูกศิษย์ตัวน้อย ๆ ได้ นะครับ

ขอบคุณครับ :)

สวัสดีครับ อาจารย์ทวิช :)

  • สุขภาพอาจารย์เป็นอย่างไรบ้างครับ
  • อาจารย์แสดงความคิดเห็นได้ชัดเจนและสวยงามมากครับ
  • ไม่ว่ากันเลย ถ้าอาจารย์เดินไปค้นหนังสือแล้วนำเรื่องราวที่สอดคล้องและต่อเนื่องมาจัดวางเป็นคำตอบที่ชัดเจนให้กับผม

ยินดีมาก ๆ ครับ :)

สวัสดีครับ คุณ ครูตุ๊กแก

  • ทุกคนมีรายละเอียดของชีวิตครับ ... แต่หลายคนมักละเลย ปล่อยทิ้ง ปล่อยวาง ปิดหู ปิดตา ปิดจมูก .. เพราะไม่อยากให้สิ่งที่เป็นจริงของชีวิตเข้ามากระทบ
  • หากเป็นประโยชน์ ขออนุโมทธนาบุญให้ท่านชุติปัญโญ ผู้เขียนบทความได้ละเมียดอารมณ์เป็นอย่างยิ่งครับ

ขอบคุณครับ :)

ขอบคุณมากค่ะ

ขอบคุณที่ทำให้ คิดถึง ..ความสุข..ของชีวิตที่แท้จริง

บางครั้งคนเรามีความสุข.จากอดีต..แม้มันจะผ่านมานานแสนนาน

จนหลงลืม และปิดกั้นตัวเอง  คิดแล้วว่าความสุขแบบนี้  มันหาไม่ได้อีกแล้ว 

 ทำให้เรายึดมั่นถือมั่น   คิดว่า พอแล้ว ฉันมีความสุขกับอดีตที่ หาไม่ได้อีกแล้ว  จนลืมไปว่า การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด

 เช่น เดียวกับชีวิตที่ เติมอย่างไรก็ไม่เต็ม   เรียนรู้ไปตราบชีวิตจะสิ้น   และควรอยู่ด้วยความเข้าใจในชีวิต จริงๆด้วยค่ะ

สวัสดีครับ ครูเอ  :)

  • ผมคิดว่า ชีวิตของคนเรามีความสวยงามอยู่ในที .. ขึ้นอยู่กับว่า เราจะใช้ชีวิตอย่างไร คิดอย่างไร นะครับ
  • แค่มองโลกให้สวยงาม มองเห็นแต่ความดีของบุคคลอื่น ๆ แค่นี้ผมว่า เราก็สุขกันได้แล้ว รู้จักพอ .. ไม่อยากได้โน้นได้นี่เหมือนคนอื่น จนเอาตัวเองไปเปรียบเทียบ
  • อ่านความคิดเห็นของ ครูเอ  แล้วมีความสุขจังครับ

ขอบคุณนะครับ :)

P   ดีใจที่อาจารย์   มีความสุขค่ะ

ครูเอ..ถ้าคนรอบข้างเรามีความสุข

และในที่สุด ครูเอก็จะมีความสุข อิอิ

 

แหม ครูเอ  ... อุตส่าห์แวะตามมาตอบนะครับ :) อากาศบ้านเรา เย็นสบายดีเนอะ อิ อิ

เอ ครูเอเพิ่งกลับมา เมื่อ ตี 2 เลยไม่รู้ว่าบ้านเราร้อนหรือเปล่าว แต่ที่ ชะอำและประจวบฯร้อนมากๆค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท