อ้อมกอดที่บริสุทธิ์ใจ มีคุณค่ามากกว่าร้อยถ้อยพันคำ ... (ท่านชุติปัญโญ)


อ้อมแขนแห่งรักที่บริสุทธิ์ใจนี้ จะช่วยสานเรื่องราวของความรักให้คนเรามีความสุข และเผื่อแผ่ความสุขไปสู่พี่น้องร่วมโลก ให้ดำรงชีวิตอยู่ดว้ยความผาสุกตราบนานเท่านาน

หยิบหนังสือของท่านชุติปัญโญไปอ่านช่วงว่างของการไปสัมมนา 1 เล่ม ชื่อ "ถึงชีวิตจะสูญเสีย...แต่อย่าให้ใจเสียศูนย์"

พลิกไป พลิกไป เรื่อย ๆ ... สะดุดเรื่องราวหนึ่ง มีหัวเรื่องว่า "อ้อมกอดที่บริสุทธิ์ใจ..มีคุณค่ามากกว่าร้อยถ้อยพันคำ"

 

คิดถึง ... เรื่องราวของ "คนชอบกอด"

คิดถึง ... เรื่องราวของ "เฮฮาศาสตร์"

 

ลองอ่านดูไหมครับ ผมขอนำเสนอ ....

 

การมีชีวิตแล้วรู้จักทำให้เกิดคุณค่านั้น ถือว่า เป็นความโชคดีของการเกิดมาเป็นมนุษย์อย่างหาอะไรมาเปรียบได้ เพราะเมื่อมองธรรมชาติของการเกิดมาบนพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างชีวิตและสรรพสิ่งรอบข้าง ความดีงามที่แต่ละอย่างสานสัมพันธ์ให้เกิดมีต่อกันและกันนี่แหละ ทำให้ธรรมชาติแห่งการดำรงอยู่ของชีวิต มีความสวยงามประดับโลกอยู่ตราบจนปัจจุบัน

โดยเฉพาะมนุษย์ที่ดำรงอยู่ด้วยกัน ยิ่งสะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอย่างคาดไม่ถึง เพราะการกระทำบางอย่างที่สะท้อนความรู้สึกที่ดี บางครั้งอาจเป็นการพลิกชีวิตของใครคนหนึ่งก็เป็นได้ อย่างเช่นตัวฉันเอง เพราะวันที่มีความรู้สึกว่าในชีวิตนี้ต้องจบปริญญาสักใบให้ได้ คือวันที่ไปดูงานรับปริญญาของพระอาจารย์ของฉันเอง

 

ภาพไม่กี่แผ่นที่มีรูปฉันถือดอกไม้และใบปริญญาบัตรยืนเคียงข้าง "พระอาจารย์สุริยา มหาปัญโญ" ผู้ที่ฉันให้ความเคารพเป็นอย่างยิ่ง ทำให้มีความคิดว่า สักวันเราคงจะได้รับปริญญาอย่างนั้น หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา ความรู้สึกมุ่งมั่นและมีกำลังใจที่จะศึกษาเล่าเรียนก็มีเพิ่มมากขึ้น จนวันนี้ฉันก็สานความปรารถนาเมื่อวัยเยาว์นั้นได้สำเร็จ เพียงเพราะภาพแห่งความทรงจำที่ประทับไว้ในรอยใจของตัวเอง

การที่ได้เดินตามรอยทางแห่งความเชื่อมั่นได้นั้น ฉันเชื่อว่า มีแรงบันดาลใจจากพระอาจารย์และคนรอบข้างมาทีเดียว โดยอาศัยความพยายามจากตัวฉันเองอีกทีหนึ่ง และทำให้มีความคิดว่า ชีวิตของคนเรานั้นล้วนต้องการจุดเปลี่ยนด้วยกันทุกคน เพื่อเป็นแรงผลักจากสิ่งหนึ่งไปสู่สิ่งที่ดีกว่า เพราะบางครั้งกำลังใจที่มีอยู่ในตัวเราอาจไม่เพียงพอที่จะก้าวข้ามความรู้สึกที่ทำให้ท้อแท้ได้ แต่พอมีแรงเสริมจากคนรอบข้าง กำลังใจที่คอยเป็นแรงขับที่ซ่อนอยู่ภายใน กลับทำให้มีพลังที่จะสร้างความมหัศจรรย์ให้ชีวิตเสมอ

 

ต่อมาเมื่อฉันเติบใหญ่ ความรู้สึกว่า คนเรานั้นบางครั้งต้องอาศัยซึ่งกันและกันยิ่งประจักษ์ชัดมากขึ้น สามารถที่จะใช้พลังใจที่มีอยู่ในตัวเองเพื่อสื่อสารไปสู่ผู้อื่นได้ ทำให้ใครคนหนึ่งกล้าที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้กับปัญหาก็มากมี กล้าที่จะก้าวข้ามความล้มเหลวที่เป็นเสมือนโรคร้ายในชีวิตของเขาได้เพราะเมื่อครั้งหนึ่งที่ได้ไปร่วมเป็นวิทยากรให้การอบรมผู้ติดยาเสพติด วันแรกที่เจอกันและปัจจุบันที่พบเห็นเขา ทุกอย่างเปลี่ยนไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ

เพราะวันแรกที่เห็นพวกเขามาอบรม สภาพของทุกคนดูอิดโรย ไร้ชีวิตชีวา แต่หลังจากอยู่ค่าย ๙ วันผ่านไป และวันหนึ่งที่พวกเขามาเยี่ยมเยือน ภาพหนึ่งที่ประทับใจและทำให้มีแรงใจที่จะทำสิ่งดี ๆ เพื่อผู้อื่นอยู่เสมอก็คือ ภาพที่พวกเขามาเยี่ยมและมากราบแทบเท้า ประหนึ่งว่า เราเป็นผู้สำคัญในชีวิตของเขา ทว่ามิใช่ภาพที่เขากราบเราแล้วก่อให้เกิดความปลื้มปิติ แต่ภาพที่เขาสามารถยืนหยัดที่ต่อสู้กับปัญหาโดยมีเราคอยเป็นแรงหนุนต่างหาก เป็นความประทับใจที่ฉันมี

 

ฉันได้ถามว่า ชีวิตปัจจุบันเป็นอย่างไรบ้าง เขาบอกเล่าด้วยสีหน้าที่แจ่มใสและรอยยิ้มที่ดูสดใสถึงชีวิตใหม่ว่า ถ้าไม่มีการเข้าค่ายในครั้งนั้น ไม่มีพระอาจารย์มาให้ข้อคิดและเตือนสติ เขาเองก็ไม่รู้ว่าชีวิตจะเป็นอย่างไร เขากล่าวต่อไปอีกว่า การไม่เคยรู้จักไตร่ตรองสิ่งทีเกิดขึ้นด้วยสตินั้น นำชีวิตไปสู่หุบเหวแห่งความโชคร้ายอย่างไร และการที่มีคนมาช่วยเจาะอุโมงค์แห่งชีวิตที่มืดมน ให้มีแสงสว่างลอดเข้าไปในใจนั้น เป็นความสำคัญในชีวิตอย่างไร เปรียบเสมือนอ้อมกอดอันอบอุ่นที่ช่วยให้คนที่หนาวใกล้ตายฟื้นคืนชีพได้ ด้วยวิธีที่ดูเหมือนง่าย ๆ แต่เปลี่ยนจากความตายให้กลับมีชีวิตได้อย่างมหัศจรรย์

เมื่อฉันมองชีวิตทั้งของตัวเองและผู้อื่นที่หลอมรวมเข้ากับสิ่งต่าง ๆ แล้ว ทำให้ได้เรียนรู้ว่า อ้อมแขนแห่งความรักแท้ อันหมายถึง ความปรารถนาดีอย่างจริงใจ สามารถเปลี่ยนร้ายกลายเป็นดี และมีความสำคัญมากกว่าคำพร่ำสอนที่มากมายแต่ขาดความจริงใจได้ เพราะในชีวิตจริงของคนเรานั้นกว่าที่เราจะได้สัมผัสถึงความจริงใจที่บริสุทธิ์แท้จากใครอื่นเป็นสิ่งที่ยากกว่าการแสวงหาความมั่งคั่งทางวัตถุเงินทองด้วยซ้ำไป เพราะใจที่บริสุทธิ์และปรารถนาดีนั้น ใช่ว่าจะเกิดขึ้นในใจของคนเราได้ง่าย ๆ เพราะส่วนมากยังแอบแฝงด้วยวัตถุประสงค์อื่น ๆ อีกมากมาย

 

พระพุทธองค์จึงตรัสสอนให้ทุกคนเรียนรู้ที่จะฝึกจิตของตัวเองอยู่เสมอ เพราะ จิตที่บริสุทธิ์จะลบรอยแห่งความรักและชังที่เป็นไปในทางลบออกไป เช่น เมื่อมอบความรักให้ผู้อื่นแล้ว ก็ยังปรารถนาที่จะได้รับรักตอบคืน เมื่อชังก็แสดงความมุ่งร้ายต่อเรื่องนั้น ๆ

ทว่าหากฝึกฝนจนสามารถควบคุมภาวะของคำสั่งที่เกิดขึ้นจากจิตได้แล้ว เราก็สามารถที่จะรักผู้อื่นและสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยใจที่เป็นกลาง ไม่เสียใจเมื่อมอบความรักให้แก่ผู้อื่นแล้วไม่ได้รับรักตอบ เพราะรู้ว่าการให้สิ่งที่ดีแก่ผู้อื่นนั้น คือ การได้รับรักกลับคืนมา เพราะในขณะที่มอบความรัก ความเมตตา และปรารถนาดีที่เป็นกลาง และไม่ฝักใฝ่ในความรู้สึกว่า ต้องได้รับรักตอบ นั่นคือ การได้รับรักคืนโดยที่ไม่ต้องเรียกร้องจากใครอีก เป็นความยิ่งใหญ่แห่งใจที่ได้รัก

 

เป็นความรักที่เปรียบเสมือนอ้อมแขนที่โอบไหล่คนกำลังมีความทุกข์ แล้วทำให้เขาสามารถลุกขึ้นมาต่อสู้ และก้าวไปสู่วิถีชีวิตที่เขาต้องการได้ด้วยใจที่กล้าแกร่ง โดยไม่คาดหวังว่าเมื่อเขามีแรงกำลัง แล้วจะให้ช่วยพยุงเราในวันข้างหน้าแต่อย่างใด แต่กลับจะช่วยเป็นแรงผลักให้เขาก้าวไปข้างหน้า และพร้อมที่จะเป็นกำลังใจให้เสมอ แม้วันหนึ่งเขาอาจจะเจ็บบ้างล้มบ้างตามรายทางแห่งชีวิตที่กำลังเดิน

ฉะนั้น อ้อมกอดที่บริสุทธิ์ อันหมายถึง ความเมตตา ความปรารถนาดีที่จะเห็นผู้อื่นมีความสุขนั้น เป็นอ้อมกอดที่ยิ่งใหญ่กว่าอ้อมแขนที่ใช้โอบกอดคนที่เรารักเพียงไม่กี่คน เพราะ อ้อมแขนแห่งรักที่บริสุทธิ์ใจนี้ จะช่วยสานเรื่องราวของความรักให้คนเรามีความสุข และเผื่อแผ่ความสุขไปสู่พี่น้องร่วมโลก ให้ดำรงชีวิตอยู่ดว้ยความผาสุกตราบนานเท่านาน

 

เมื่อมั่นใจว่า อ้อมแขนแห่งรักแท้บริสุทธิ์อันเกิดจากใจที่งดงามนั้น สามารถประคองโลกนี้ให้เลวร้ายน้อยลงได้ก็โปรดจงยิ้มให้กับความรักที่มีอยู่ในใจเรา แล้วให้ความรักและความเมตตาอันเป็นสากลนี้ ได้ทำหน้าที่ในการโอบกอดผู้อื่นด้วยการให้ข้อคิด กำลังใจ สติปัญญา แล้วอ้อมกอดแห่งรักและความเข้าใจอั้นงดงามทั้งต่อตนเองและผู้อื่นนี้ จะเวียนกลับมากอดตัวเราให้มีความสุขและความอบอุ่นใจมิรู้คลายตลอดกาล

 

อ่านจบแล้ว ...

คิดถึง ... กัลยาณมิตรท่านหนึ่งที่เชื่อว่า ความรักต้องมีเหตุผล

คิดถึง ... อ้อมกอดของคนที่ไม่รู้จักกัน

คิดถึง ... อ้อมกอดของคนใน Gotoknow บอกว่า มันน่าแปลกประหลาดใจ

 

ขอบคุณที่ท่านได้มีโอกาสเข้ามาอ่านอย่างเข้าใจ

บุญรักษา ครับ :)

หมายเลขบันทึก: 181315เขียนเมื่อ 8 พฤษภาคม 2008 19:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 23:57 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (30)

ขอบคุณครับ ครูเอ  ที่มา จุด จุด จุด จุด จุด จุด จุด จุด จุด (9 จุด) พอดี อิ อิ :)

อึ้งค่ะ .......

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ กับอ้อมกอดของคนไม่รู้จักกัน

อ้าว คุณ ครูเอ  ... มาอีกรอบหรือครับนี่ โอ้ ...

เอ ... แต่ว่า ครูเอ เข้าใจในความหมายของบทความนี้แล้วใช่ไหมครับ

  • สวัสดีคะ อาจารย์P
  • สบายดีนะคะ
  • พูดถึงอ้อมกอดที่บริสุทธิ์ ... ทุกครั้งที่กลับบ้าน  แอ๋มจะกอดแม่ก่อนกลับทุกครั้ง  รู้สึกอบอุ่น...แอ๋มม่พูดอะไร แต่ความรู้สึกที่ได้รับกลับมา ดีมากมากเลยคะ...และรับรู้ได้ว่าเราและแม่ "มีความสุข"
  • ขอบคุณคะ
  • รักษาสุขภาพนะคะ

กอดคือพลังที่ยิ่งให่ค่ะอาจารย์

ยิ่งอ่านบันทึกนี้ของอาจารย์แล้ว "ชัดขึ้นในใจค่ะ"

ขอบคุณที่เติมเต็มให้สำหรับการกอดที่อบอุ่นค่ะของมิตรภาพใน G2K แห่งนี้ค่ะ

 สวัสดีครับ คุณครูอ๋อมแอ๋ม ภีรภา อัคระจาคะ :)

  • ไม่ได้พูดคุยกันนานนะครับ
  • หวังว่า คุณครูคงสบายดี
  • ปัจจุบันนี้ คุณครูคงได้รับความรู้สึกจากการ "กอด" มากขึ้นกว่าเดิมใช่ไหมครับ :)
  • ขอแสดงความยินดีครับคุณครูด้วย

ขอให้รักษาสุขภาพเช่นกันครับ :)

 

 

สวัสดีครับ น้าอึ่งอ๊อบ คนสวย แซ่เฮ :)

  • กลับมาจากกีฬาบุคลากรแล้วหรือครับ ...
  • ขอบคุณที่ได้รับความรู้สึกที่แท้จริงจากบันทึกนี้นะครับ

บุญรักษา ครับ :)

  • แวะมาทักทายก่อนนอนคะ ... ;)
  • ขอบคุณค้า...

ยินดีครับ คุณครูอ๋อมแอ๋ม ภีรภา อัคระจาคะ  ... ไว้คุยกันใหม่นะครับ :)

พี่วสวัต

คิดถึงความรักความเมตตาที่มีต่อคนเอง แล้วเผื่อแผ่ความรู้สึกรักและเมตตานั้นไปยังบุคคลรอบข้างและสังคม อ๋อเชื่อเสมอว่าหากเรารักตัวเองเป็นแล้วเราก็จะสามารถรักผู้อื่นได้เป็นด้วยเช่นกันค่ะ

หากผู้ใดไม่เคยรักตนเอง ไม่เคยกอดตนเอง  ไม่สามารถพึงพอใจและเป็นสุขได้ด้วยตนเองก็ต้องเรียกร้องหาความรัก เรียกร้องอ้อมกอดของบุคคลอื่นอยู่ร่ำไปไม่สิ้นสุด  ความเป็นคนที่เต็มและพอใจในตนเองคือสิ่งที่ควรฝึก เพื่อที่จะได้พอใจที่เป็นผู้จะให้มากกว่าเรียกร้องที่จะรับค่ะ

เก็บ sea foodไว้ทานตอนเย็นก็อร่อยค่ะ

แวะมา อ่านค่ะ ขอบคุณสำหรับมิตรภาพที่หยิบยื่นค่ะ

ดีจ้า น้องหมอ อ๋อทิงนองนอย  :)

  • เขียนได้ดี ๆ ... รู้สึกนุ่มและสบายหูเป็นที่สุดก๊าบพี่น้อง
  • เห็นด้วยนะจ๊ะ .. รักตัวเองก่อน ถึงจะรู้จักรักคนอื่นได้

ขอบใจจ้า .. :)

ยินดีครับ คุณ ก้าวแรกที่คลาน ด้วยสายใยรัก..  :) แวะมาเยี่ยมกัน ไปมาหาสู่กัน มิตรภาพก็เกิดขึ้นแล้วล่ะครับ :)

ขอบคุณครับมากครับ :)

สงสัยพี่จะประชดอ๋อเรื่องบันทึกทิงนองนอยล่ะสิ เห่อๆๆ เขียนบันทึกทิงนองนอยเนี่ย เน้นๆจะให้เคืองหูเคืองตาเลยหล่ะ ให้มันรู้ๆกันไปเลยว่าทุ่มทุนสร้างขนาดนี้แล้ว ไม่ได้ยินกันบ้างเลยใช่ไหมพี่น้อง

ประชดอะไรเหรอ น้องหมอ อ๋อทิงนองนอย  ... พี่บอกคนเลือก ส.ส. ตัวสำรองนั้นต่างหากเลย ... ดันเลือกมาได้ เราเองเป็นคนไทย เหมือนกับต้องรับผิดชอบและเดือดร้อนไปด้วยกันต่างหาก ..

ระวังการใช้ข้อความจะทำให้เกิดการเข้าใจผิดได้ง่ายนะจ๊ะ น้องหมออ๋อ ... จับอารมณ์ตนให้อยู่หมัดก่อนเร็ว

งงเลย หุ หุ :) 

สวัสดีคะอาจารย์Wasawat Deemarn

อ้อมแขนแห่งรักแท้บริสุทธิ์อันเกิดจากใจที่งดงาม

ความรักงดงาม หัวใจที่รักงดงามยิ่งนัก

ขอบคุณคะอาจารย์

 

ขอบพระคุณ อ.หมู แซ่เฮ  ที่มาเยี่ยมเยือนครับผม :)

  • มาเยี่ยม ๆ มอง ๆ ยิ้ม ๆ ค่ะ
  • ชวนไป อ่านเรื่องของ ครูดี ค่ะ

คำเดียวสั้น ๆ แต่มีความหมายนะครับ พี่หนิง  DSS "work with disability" ( หนิง ) :) หุ หุ

ขอบคุณ คุณ คนไม่มีราก ครับ ... ไปอ่านมาแล้วครับ ครูดี :)

เคยบันทึกถึง"ผู้หญิงที่อยากกอดตลอดชีวิต"

ขอเชิญไปอ่านนะคะ บล็อก"เด็ดดวงมาลา"

วันนี้ขอลุยอ่านของคุณWasawat Deemarn

โดนใจค่ะ

ขอบพระคุณ คุณหมอ จริยา ไวศยารัทธ์ เป็นอย่างยิ่งครับ แล้วสักครู่ ผมจะแวะไปอ่านบล็อกของคุณหมอครับ :)

  • ได้ข้อคิดเรื่องกอดจริงๆครับ โอ มายกอด ...

กลับมาอ่านอีกรอบก็โดนใจค่ะ โอ้ยยยยย..อิอิ

ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณครับ คุณ กวิน  :) Oh ! My กอดด้วยคน ครับ

ครูเอ ครับ โดนใจขนาดต้องร้องโอ้ย ๆ เลยเนี่ยนะครับ อิ อิ อย่างแรง ๆ :)

อยากได้ออ้มกอดที่บริสุทธิ์ไร้ซึ่งเสน่หา

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท