แม้ว่าการประชุมเครือข่าย ระดับภูมิภาคของโครงการ SHA ที่จังหวัดอุดรธานี จะผ่านมาหลายวันแล้วก็ตาม แต่แม่ต้อยก็ยังระลึกถึงภาพบรรยากาศที่น่าประทับใจนั้นได้อย่างไม่รู้ลืมเลยทีเดียว
ทีมงานของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานีไปรับทีมงานถึงสนามบินอย่างอบอุ่น นำทีมโดยน้องหน่อยคนขยัน ยังไม่ทันเข้าโรงแรมที่พักรถ ก็พาเราเลยไปที่ร้านส้มตำเจ้าอร่อยเสียก่อน( ถูกใจคนรักปลาร้าเยี่ยงแม่ต้อย เสียที่เดียว อิอิ )
วันเปิดการประชุม ความน่ารักของโรงพยาบาล SHA1 เปิดฉากโดยการรับขวัญผูกข้อมือเพื่อน SHA2 ตามประเพณีอิสาณแท้ๆ แม่ต้อยจำได้ว่า ประเพณี” ผูกเสี่ยว” นั้นมีความหมายที่ดีมาก เป็นวัฒนธรรมที่ควรมีการสืบสานต่อไป เพราะว่า เป็นสร้างความผูกพันระหว่างเพื่อน ที่มีความหมายลึกซึ้งว่า เราจะเป็นเพื่อนที่ดีซื่อสัตย์ ต่อกันตลอดไป
อันนี้หากแม่ต้อยแปลความหมายผิดไปก็ต้องขออภัยมาด้วยนะคะ
และแม่ต้อยก็แอบหวังในใจว่า การผูกเสี่ยวนี้ จะทำให้กลุ่มเครือข่ายนี้ เป้นเพื่อนเสี่ยวที่ผูกพันธ์กันตลอดไปนานแสนนาน
วิทยากรหลายๆท่านได้เดินทางจากที่ต่างๆเพื่อมาแลกเปลี่ยนและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย
คุณหมอภักดี คนดังของ SHA1 ได้มาเล่าความรู้สึกและการทำงานอันเปี่ยมไปด้วยจิตของผู้ให้และผู้มีความกรุณาและความรักอย่างเต็มเปี่ยม
ภาพแล้วภาพเล่าที่ผ่านจอผสมผสานกับเรื่องราวที่หลั่งไหลมากแนวคิดและแรงบันดาลใจในการทำงาน ของคุณหมอภักดี ทำให้ที่ประชุมเงียบกริบ ราวกับถูกมนต์สะกดอย่างไรอย่างนั้น
ทำให้แม่ต้อยย้อนระลึกถึงบทความของแม่ต้อยที่เคยเขียนคำนิยามของรพร.ด่านซ้าย ไว้เมื่อปีที่ผ่านมาว่าเป้นโรงพยาบาลที่ “ เหนือกว่า โรงพยาบาล “
มาวันนี้ก็ได้ตอกย้ำให้ภาพนั้นเด่นชัด แจ่มจรัสมากขึ้นจริงๆ
สังเกตว่าเครือข่ายภาคอิสาณนี้น้องๆจากรพ. มีเรื่องเล่ามากมายหลายหลากและทุกเรื่องน่าประทับใจทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า โอกาสการนำเสนอไม่สามารถทำได้ทุกกลุ่ม น่าเสียดายเป็นที่สุด
แต่แม่ต้อยก็ยังมีโอกาสได้รับฟังเรื่องที่ดีดี และน่าชื่นใจจากหลายๆกลุ่ม
ที่แม่ต้อยจะนำมาเล่านี้ คนเล่าเรื่องเป็นคุณหมอหนุ่มหน้าตาดี จากรพ.ศรีนครินทร์ ขอนแก่น ชื่อคุณหมอชัข แม่ต้อยจึงขอตั้งชื่อเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ว่า
“ เรื่องของหมอชัช”
คุณ หมอชัช เป็นหมอที่ประจำอยู่แผนกศัลยกรรมที่รพ.ศรีนครินทร์ มีชีวิตและการทำงานไม่แตกต่างจากหมอโรงพยาบาลใหญ่ๆโดยทั่วไปนั่นก็คือ ให้การรักษาผู้ป่วยในเขตและรักษาผู้ป่วยที่ส่งต่อจากรพ.ใกล้เคียง
วันหนึ่งมีคนไข้ที่ ได้รับอุบัติเหตุจากเครื่องปรับอากาศระเบิด มีแผลฉีกขาดบริเวณเหนือเข่า บาดแผลลึกมาก คนไข้คนนี้ถูกส่งต่อมาจากรพ.ใกล้เคียงเพื่อรับการรักษาที่ดีที่สุด และคุณหมอชัชได้เป็นเจ้าของคนไข้รายนี้
ทีมแพทย์ได้ร่วมกันวินิจฉัยและลงความเห็นว่าการรักษาที่ดีที่สุดในตอนนั้นคือควรต้องตัดขาทั้งสองข้างเพื่อใส่ขาเทียม เนื่องจากบาดแผลลึกมากเสี่ยงต่อการติดเชื้อและการหายของแผล
เมื่อคุณหมอชัช จะต้องสื่อสารเรื่องนี้กับคนไข้จึงรู้สึกหนักใจมาก และรู้สึกหนักใจมากเป็นเท่าทวีคูณเมื่อพบว่าคนไข้คนนี้มีภรรยาและบุตรชายเล็กๆคนหนึ่งที่มารอเฝ้าดูอาการด้วยความเป็นห่วงทุกวันที่เตียงคนไข้นั่นเอง
ราวกับคนไข้จะเดาใจหรือมีสัมผัสที่รับรู้ได้ จึงได้พูดก่อนที่คุณหมอจะได้เอ่ยปากว่า
“ คุณหมอครับ.. ผมไม่อยากเสียขา.. ช่วยผมหน่อยนะครับ ”
สายตาและแววตาของคนไข้รวมทั้งคำพูดในวันน้นทำให้คุณหมอต้องมาครุ่นคิดอย่างหนัก ..ว่าจะทำอย่างไรดี..
ในที่สุดหมอ ชัชตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะรักษาคนไข้โดยโดยไม่ตัดขา แม้ว่าจะเสี่ยงต่อโอกาสการติดเชื้อ และต้องทำแผลต่อเนื่องไม่ตำกว่าวันละ ๔ ครั้ง วางแผน ร่วมกับทีมที่มีอยู่ ใช้ความรู้ ความสามารถที่มีอยู่อย่างเต็มกำลัง.. และเต็มหัวใจ
และหลังจากนั้นไม่นาน คุณหมอชัชมีโอกาส ได้รับทุนไปศึกษาต่อต่างประเทศ ราวๆ ๖ เดือน และเรื่องรวของคนไข้คนหนั้นแทบจะจางหายไปจากความทรงจำ
เมื่อกลับมาทำงาน อีกครั้งหนึ่ง ก็มีภาระงานดังเช่นเคย
“ คุณหมอคะ มีแขกมาขอ พบคะ” เสียงพยาบาลผู้ร่วมงานดังขึ้น ปลุกคุณหมอให้เงยหน้าจากภาระงานที่อยู่ตรงหน้า
ภาพที่เห็นตรงหน้าคือ ชายคนหนึ่งเดินมาพร้อมจูงแขน ลูกชายเล็กๆและภรรยา จำได้ว่าเป็นคนไข้คนนั้นเอง คนไข้ที่เรียกร้องขอความช่วยเหลือเมื่อเกือบปีที่ผ่านมา
“ ผมมาหา คุณหมอ เพื่อจะมาขอบคุณครับ “
อย่างไม่คาดฝันชายคนนั้นก้มลงกราบคุณหมอชัชอย่างระลึกในบุญคุณเป็นอย่างยิ่ง พร้อมลูกชายและภรรยา
“ หากไม่มี คุณหมอ วันนี้ผมคงเดินไม่ได้อย่างนี้ ผมคงไม่มีโอกาสได้อุ้มลุก หรือให้ลุกชายผมขี่คอเดินเล่น.. หรือเก็บผลไม้ที่เขาชอบได้..”
“ ผมขอขอบคุณ จริงๆ ครับ “
สายตาของ หมอ ชัช ยามที่เล่าเรื่องดูเป็นสุขและภาคภูมิใจในวิชาชีพของตนเองเป็นที่สุด
เป็นสายตาที่บ่งบอกว่าได้ค้นพบ “ ความหมาย “ และศักยภาพบางอย่างที่อยู่ในตัวตน
ที่สุดคือการค้ที่สำคัญนพบ “ ความเป็นไปได้” และความรู้ใหม่ที่บังเกิดขึ้นมา จากการแก้ไขปัญหาให้กับคนไข้รายนี้
เรื่องของคุณ หมอชัช
หล่อเลี้ยงทั้งคนไข้...ครอบครัว ลุกชายคนน่ารักคนนั้น
หล่อเลี้ยงผู้คนที่ได้รับรู้เรื่องราวอันดีงามนี้
และหวังว่าจะช่วยหล่อเลี้ยงใครสักคนที่ได้อ่านเรื่องราวนี้ในวันนี้ เพื่อสร้างแรงบันดาลในในการทำอะไรดีดี กับการมีชีวิตอยุ่
ดังเช่นเรื่องของหมอชัช..
สวัสดีคะ
แวะมาเยี่ยมแม่ต้อยค่ะ
สบายดีหรือเปล่าคะ คิดถึงนะคะ
ตามมาเรียนรู้ค่ะ
เเม่ต้อยขา เรื่องเล่าของคุณหมอชัช ประทับใจค่ะ คุณหมอท่านนี้ทำงานอยู่ที่ไหนน๊า อิ อิ