140. วันวาน วันนี้และวันอนาคต เป็นวันแห่งความรักไม่รู้คลาย


ไม่มีความรักของหญิงชายใดในโลกนี้จะเท่าเทียมได้ หญิงชายคู่นั้นคือแม่และลูก

          ในโอกาสวันแห่งความรัก ผมขอให้ อ.แกะ(ผศ.ดร. ชนสรณ์ ภูเด่นแดน) เขียนเรื่อง "แม่ผู้ไม่เคยหยุดพัก" ซึ่งท่านคุยทางเมล์กับผมถึงแม่ผู้ไม่เคยหยุดพักเสมอๆ ท่านเขียนเรื่องนี้ถึงตี 3 นั้นแสดงว่า เป็นของขวัญในวันแห่งความรักที่ลูกตั้งใจให้แม่ และนี่คือรักแท้ระหว่างหญิงชายคู่หนึ่งที่อมตะเป็นนิรันดร์ ไม่มีความรักของหญิงชายใดในโลกนี้จะเท่าเทียมได้ หญิงชายคู่นั้นคือแม่และลูก  ต่อจากนี้ไปคือบันทึกจากใจของลูกที่มีถึงแม่ ผู้ไม่เคยพัก

          (หมายเหตุ อ.แกะกับผมเป็นมิตรที่ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน แต่เราเสมือนพี่น้องกัน)

“แม่ผู้ไม่เคยพัก”  ตอนที่ 1 

………….คำหม่าย ถิตย์พงษ์……. ชื่อนามสกุลเดิมของยายคำหม่าย ภูเด่นแดน ผู้ที่ข้าพเจ้ากำลังจะเล่าประวัติอันทรหดอดทนของเธอผู้นี้  ซึ่งท่านคือแม่บังเกิดเกล้าของข้าพเจ้านั่นเอง แม่คำหม่ายเคยเล่าประวัติของท่านให้ข้าพเจ้าฟังตอนสมัยที่ข้าพเจ้าเด็ก ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ข้าพเจ้าจะใกล้ชิดแม่คำหม่ายมากที่สุดในบรรดาลูก ๆ ทั้ง 6 คน แม่คำหม่าย เกิดเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2484 นี้อายุ 69 ปี เกิดที่บ้านโคกกลาง ตำบลหลุบ อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ มีพี่น้องร่วมมารดาบิดาเดียวกัน  11 คน แม่คำหม่ายเป็นคนที่ 3 ของพี่น้องทั้งหมด ฐานะครอบครัวยากจนมาก มีอาชีพหลักคือทำนา แต่ทว่ามีที่ดินน้อย อีกทั้งมักประสบปัญหาน้ำเขื่อนทะลักท่วมทุ่งนาเกือบทุกปี  แม่คำหม่าย เรียนจบชั้น ป 4 ที่บ้านโรงเรียนบ้านโคกกลาง แม่คำหม่ายเป็นคนเรียนดี โดยสอบได้ที่ 1 มาตลอด จนครูใหญ่ที่โรงเรียนมาขอเธอจากพ่อของเธอเพื่อไปเป็นบุตรบุญธรรมและจะส่งเสียเล่าเรียน แต่พ่อของเธอนั้นไม่มีทางยอมเลย โดยให้เหตุผลว่า “ถึงกูจะจนขนาดไหนกูก็จะไม่ขายลูกกิน” หลังจากนั้นแม่คำหม่ายก็ได้ไปอยู่เป็นคนรับใช้ให้บ้านครูคนนึงชื่อคุณครูสำราญ (ขออนุญาตเอ่ยนาม) แม่คำหม่ายทำหน้าที่ทุกอย่าง หุงข้าว ทำกับข้าว รีดผ้า  ดูแลทำความสะอาดบ้านของครูสำราญ รวมทั้งดูแลลูก ๆ ของครูสำราญ เพื่อแลกกับอาหารในแต่ละมื้อ และเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งแม่คำหม่ายจะเก็บใว้เป็นอย่างดีจนสามารถออมเงินได้จำนวนนึง ครูสำราญบอกกับเธอว่าเอาไปซื้อทองใว้ดีไหม เธอจึงจัดสินใจซื้อทอง 1 สลึง หลังจากนั้นเธอนำทองที่เกิดจากหยาดเหงื่อแรงงานของเธอ และเธอก็ได้สวมใส่มันเพียงไม่กี่วัน วันนึงเมื่อพ่อมาเยี่ยมเธอ เธอไม่ลังเลที่จะมอบทอง 1 สลึงให้กับพ่อของเธอทันที เธอบอกให้พ่อนำทองไปขายเพื่อเอาไปซื้อหญ้าคาสำหรับเปลี่ยนหลังคาบ้านที่ผุ และรั่วน้ำฝนมานาน เธอไม่รู้สึกเสียดายเลยแม้แต่น้อย เธอยินดีมากที่ได้ให้ทอง 1 สลึงแก่พ่อของเธอ พอพ่อหันหลังกลับไป เธอแอบร้องไห้ เพราะคิดถึงบ้าน เธออยากกลับบ้านพร้อมพ่อ อยากอยู่กับพ่อแม่ พี่ ๆ น้อง ๆ ของเธอ ในบรรดาพี่น้องทั้งหมดมีเพียงเธอคนเดียวที่ออกจากบ้านตั้งแต่เรียนจบชั้น ป 4 เพื่อมาเป็นคนรับใช้ที่บ้านครู ในขณะที่ลูก ๆ ทั้งหมดยังอยู่รวมกับพ่อแม่พร้อมหน้าพร้อมตากัน เธอเล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า ครั้งหนึ่งสมัยที่เป็นนักเรียนประถม เธอและพี่สาวคนโตและน้องอีกสองคน กลับมาจากโรงเรียนตอนเที่ยง เพื่อที่จะมากินข้าวที่บ้าน เธอบอกว่าข้าวมีไม่พอที่จะอิ่มกันได้ทั้งสี่คน พวกเธอตัดสินใจต้มข้าวกับเกลือ โดยสมัยก่อนใช้เตาฟืนที่มีฟืนลักษณะเป็นท่อนยาว น้องสาวคนที่ติดกับเธอไม่ได้ทันระวัง น้องสาวเดินพลาดไปสะดุดกับท่อนฟืนเข้าทำให้หม้อข้าวที่กำลังจะสุกคว่ำลงกับกองขี้เถ้าจนหมดเกลี้ยง พี่น้องทั้งสี่ก็ไม่ได้กล่าวโทษกันแต่อย่างใด ต่างก็มองหน้ากันแล้วก็รีบไปโรงเรียนโดยที่ไม่มีใครได้กินข้าวกลางวันเลย

        เมื่อฤดูหนาวย่างเข้ามาครอบครัวของเธอต้องทนเหน็บหนาว อดทนให้ฤดูอันโหดร้ายผ่านพ้นไป เพราะผ้าห่มไม่เพียงพอกับลูก ๆ ทั้ง 11 คน พ่อจะนำเสื่อเก่าๆมาห่มให้ลูก ๆ พอบรรเทาความหนาวไปแต่ละคืน ครอบครัวแม่ของเธอจะมีพี่คนโตเป็นผู้ชาย จะเป็นคนคอยหาปลา พอหาปลามาได้ คนที่จะนำปลาไปขายที่ตลาดต้องเป็นเธอเท่านั้น โดยพี่คนโตจะเป็นคนมอบหมาย เพราะเขามั่นใจว่าเธอคือคนที่รับผิดชอบเรื่องเงินดีที่สุดเธอจะซื้อข้าวกลับมา ซื้อของจำเป็นในครอบครับ ไม่เคยสุรุ่ยสุร่ายเธอจะใช้ให้จ่ายอย่างมีเหตุผล นี่คือสาเหตุที่ทำไมต้องเป็นเธอที่พี่ใหญ่วางใจ

      ด้วยความจนทำให้พ่อแม่เธอต้องตัดใจให้เธอไปเป็นคนรับใช้บ้านครูสำราญ หลังจากเป็นคนรับใช้ที่บ้านครูมา 4-5 ปี เธอก็ถูกพ่อแม่พาไปอยู่บ้านน้าแดงซึ่งเป็นญาติที่ไปแต่งงานที่อีกหมู่บ้านนึง เพื่อไปทำนาแลกกับข้าวเพื่อมาเลี้ยงพี่ ๆน้อง ๆ เธอเป็นคนขยันมาก ทำงานแทบจะไม่เคยนั่งพัก ไม่เคยนอนกลางวัน และไม่เคยได้ยินคำบ่นว่าเหนื่อยจากปากเธอ เมื่อถึงเวลาพ่อกับแม่เธอก็จะมารับข้าวเปลือกเพื่อแลกกับแรงงานของเธอ ทุกครั้งที่พ่อกับแม่เธอมารับข้าวเปลือกจากน้าแดง เธอเองจะเป็นคนตักข้าวในฉางใส่ตระกร้า เธอจะพยายามยัดข้าวให้เต็มตระกร้าให้มากที่สุด เพื่อว่าน้อง ๆ ของเธอจะได้กินอิ่ม เธอคิดเสมอว่าเธออยากกลับบ้าน เธออยากกลับพร้อมพ่อกับแม่ แต่เธอก็ไม่เคยปริปากบอกพ่อกับแม่เลย เธอถือว่าเธอได้ทำหน้าที่ ที่ลูกพึงกระทำ และได้ทำหน้าที่ดูแลพี่ ๆ น้อง ๆ ที่เธอรัก ซึ่งทุกคนก็ขาด และยังรอความหวังจากเธอ หลังจากเสร็จจากทำไร่ทำนา เธอยังต้องเลี้ยงเจ้าทุยอีกห้าตัว เป็นงานรองหลังจากเสร็จสิ้นฤดูทำนา เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ออกงานบุญประเพณีของหมู่บ้านก็ไม่ได้แตกต่างจากชุดที่เธอใส่เลี้ยงควายเท่าไหร่นัก ผ้าถุงที่เธอใส่ก็ไม่เคยได้ซื้อใหม่จากตลาด หากแต่เป็นผ้าที่ถูกต่อขึ้นจากผ้าทอที่เธอทำเอง เธออยากมีผ้าถุงผืนใหม่ใส่เหมือนกับเพื่อน ๆ บ้าง แต่ก็ไม่เคยได้รับ แต่เธอก็ไม่ได้เสียใจแต่อย่างใด เธอยินดีอย่างยิ่งที่ได้อยู่ในบ้านน้าแดง น้าแดงมีความเมตตาให้ที่พัก ที่อาศัย ให้ข้าวปลาอาหาร ให้ข้าวเพื่อนำไปเลี้ยงพ่อแม่เธอ น้อง ๆ ของเธอ………………..

      นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิตเธอ….. แม่คำหม่าย ภูเด่นแดน………….

 

 

หมายเลขบันทึก: 335633เขียนเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2010 15:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:24 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (42)

คิดถึงแม่ขึ้นมา น้ำตามันก็ไหล

อยากกลับไป ซบลงที่ตรงตักแม่

อารมณ์กำลังคิดถึง...มะ (แม่) อยู่พอดีครับ

ขอบคุณนะครับบังที่นำเรื่องราวดีๆมาเล่าสู่กันฟัง

 ขอออัลลอฮฺคุ้มครองและตอบแทนคุณความดีครับ

รักของเธอผู้นี้ รักไร้เงื่อนไข เสมอ มิคลาย ... รักนิรันดร์ นะคะ

มีความสุขกับรักแท้ แน่วแน่ มิแปรผันค่ะ ท่านเบดูอิน

มาอ่านเรื่องราวซึ้งๆของผู้เป็นแม่ในเทศกาลวันแห่งความรัก...ซึ้งจริงๆค่ะ

จะเล่าเรื่องเป็นมาของแม่ให้ลูกฟังบ้างดีมั๊ย

เผื่อลูกจะได้รักแม่มากขึ้น

*รักของแม่เปี่ยมใจ..ถึงวันนี้แม่จะจากไปแล้วก็ตาม*

  • สวัสดีคะคุณเบดูอิน
  • วันแห่งความรัก บางคนลืมหันมามองคนใกล้ตัว
  • คนที่รักเราตลอดเวลา ไม่เสื่อมคลาย...คือแม่
  • มีความสุขมากๆคะ

สวัสดีค่ะ

  • รักแม่คำหม่ายจังค่ะ  ขอให้แม่คำหม่ายมีสุขภาพแข็งแรง
  • เป็นขวัญใจของลูกหลานตลอดไปนะคะ
  • บันทึกข้างล่างนี้  เหมือนเดิมคนอื่นไม่อ่านไม่เม้นท์ไม่ว่า
  • แต่จะขาดน้องชายเบดูอิน ไม่อ่านไม่ได้ค่ะ

๔๗๗.เชิญค่ะ..ชมบุญ

๔๗๘.คนใจดีมีอยู่มากมาย

๔๗๙.คนดีศรีบ้านคำแดง : บวร

  • สวัสดีครับ P
  • ผมว่าหากพูดถึงแม่ ลูกต้องน้ำตาไหลทุกครั้งแหละครับ
  • แต่เด็กสมัยนี้จะคิดเหมือนเด็กรุ่นเราหรือไม่ก็ไม่รู้
  • สลามครับ P
  • แม่มากเกินกว่าคำบรรยายนะครับ
  • สวัสดีครับ P
  • เป็นแม่ของ อ.แกะครับ ผมไปพบท่านมาแล้ว
  • แต่ไม่เคยพบ อ.แกะ
  • สวัสดีครับ P
  • เป็นรักที่ไร้เงื่อนไขจริงๆ
  • สวัสดีครับ P
  • เห็นเด็กๆยุคนี้ยุ่งแต่เรื่องจะเสียตัวในวันแห่งความรัก
  • ไม่เคยหันมาให้ความรักกับแม่เลย??????

สวัสดีครับพี่

อ่านบันทึกนี้แล้วคิดถึงแม่เลยครับ

มีโอกาสจะแวะไปแถวแม่สอดบ้างไหมครับ

หากผ่านไปแถวนั้นแวะทักทายกันบ้างนะครับ

  • สวัสดีครับ P
  • ให้รีบรักแม่ในขณะที่แม่ยังมีชีวิตอยู่
  • สวัสดีครับ P
  • รักไม่เสื่อคลายคือรักของแม่
  • แม้ลูกจะอยู่ในฐานะใดก็ตาม
  • สวัสดีครับ P
  • อ.แกะคงดีใจมากนะครับ
  • พี่ให้ความสำคัญผมขนาดนี้ผมต้องไปเม้นท์แน่นอน
  • สวัสดีครับ P
  • คุณอยู่แม่สอดหรือครับ
  • หากมีโอกาสจะแจ้งให้ทราบคงได้พบกันนะครับ

เพียงตอนแรกยังอ่าน 2 รอบ

ตอนต่อไป  ชักอยากอ่านแล้วล่ะ

  • สวัสดีครับ P
  • รอบันทึก อ.แกะนะครับ
  • ลองกรรมการมาอ่าน
  • ผ่านแน่

สวัสดีค่ะ

* วันแห่งความรัก ..... รักของแม่แท้จริงและจีรังยั่งยืน

* วันแห่งความรัก สุขกายสุขใจนะคะ

สลามครับท่านเบ วนเวียนไปไกล้จะได้ สลามจับมือกัน

แต่ก็ยังไม่มีวันนั้น

ฏ้สลามกันผ่านบันทึกไปก่อนครับท่าน

  • สลามครับ P
  • มีสักวันที่จะได้จับมือ

ความรักและความผูกพันที่มีคุณค่าจริงๆค่ะ..เยี่ยมเลย..

สวัสดีค่ะ...

ผญาอีสานว่า"ความแม่ฮักลูกนี่หนักเกิ่งธรณี

               สิหาหยังมาซาเปรียบปูนบ่มีได้

               กินบ่เป็นแม่กะป้อน

               นอนบ่เป็นแม่กะกล่อม

               ฮักถนอมลูกน้อยเพียงด้าม

               ดั่งหน่วยตาแม่แล้ว...คำแพงเอ้ย"

                             ขอให้เปี่ยมรัก/สุขนะคะ

 

  • สวัสดีค่ะ  คุณเบดูอิน
  • อ่านแล้วซาบซึ้งถึงความกตัญญู
    "เม็ดทรายแกร่งเพราะผ่านกาลเวลา  คนเก่งกล้าเพราะผ่านความอดทน"

สวัสดีค่ะ

  • แม่อยู่ใกล้ตาและใกล้ใจเสมอ
  • ดีใจที่มีแม่เป็นเพื่อนแท้ ไม่เคยไม่รักเราเลย
  • แม่ของ ผศ.ดร. ชนสรณ์ ภูเด่นแดน เป็นแม่ที่สมควรยกย่อง
  • อ่านแล้วซาบซึ้งจัง   ทำให้รักแม่เรามากขึ้น
  • วาเลนไทน์ปีนี้มีความหมายมากกว่าปีก่อนๆ
  • เพราะบันทึกหน้านี้  ทำให้รักแม่มากขึ้นกว่าทุกปี
  • ขอบคุณมากๆค่ะ

               

เข้ามาแอบเช็คเรทติ้งครับ

อ เบดูอิน ทำให้ผมร้องไห้หลายรอบนะครับ

เพราะทุกเหตุการณ์ผมจำได้ตลอดที่แม่เล่าให้ฟัง

เวลาเขียนเหมือนกับว่าได้นั่งฟังตอนที่แม่เล่าเรื่องราวของแม่

ตอนสองกำลังเขียนนะครับ น่าจะเสร็จไว ๆ นี้ ครับผม

สวัสดีค่ะป๊ะ คิดถึงป๊ะกับพี่สาวจังเลย วันนี้ถือว่าโชคดี ได้มีโอกาสแวะมาอ่านเรื่องเล่าดีๆ จากป๊ะ :) 

 

 

 

    

  • สวัสดีค่ะพี่ชาย..
  • นานๆได้เข้ามา..จึงแวะมาทักทายพี่ชาย...ด้วยความระลึกถึง
  • อ่านบันทึก สาระดีของพี่ชาย..คิดถึงแม่จังเลยค่ะ..
  • แม่ของน้อง จากไปนานแล้ว...
  • น้องยืนได้อย่างมั่นคง..ในทุกวันนี้..ก็เพราะ..แม่นี่แหละค่ะ..เป็นผู้ผลักดันและให้กำลังใจ ให้กำลังทรัพย์ในเบื้องต้น..
  • ฝากขอบคุณ..อ.แกะ(ผศ.ดร. ชนสรณ์ ภูเด่นแดน)..ด้วยนะคะ..ที่ถ่ายทอดความรักที่มีคุณค่าและยิ่งใหญ่..ในครั้งนี้
  • มีความสุขมากๆ นะคะพี่ชาย..
  • สวัสดีครับ P
  • ผญาอีสานน่าศึกษานะครับ
  • ขอบคุณมากๆ
  • สวัสดีครับ P
  • เม็ดทรายแกร่งเพราะผ่านกาลเวลา  คนเก่งกล้าเพราะผ่านความอดทน
  • สุดยอดครับ
  • สวัสดีครับ P
  • อ.แกะ กำลังทำดอกเตอร์อยู่ที่เยอรมัน
  • แอบมาอ่านที่ท่านเมนท์ ร้องไห้ไปด้วย
  • ขอบคุณมาก
  • สวัสดีครับ P
  • ขอบคุณมากๆครับ
  • สวัสดีลูก P
  • หายเลยนะ
  • คิดถึงอยู่ครับ
  • สวัสดีครับ P
  • วันนี้จะลงตอน สองแล้วครับ

สวัสดีครับ ท่านเบดูอิน

  • อ่านแล้วคิดถึงแม่จังเลย...เหมือนชีวิตครูจ่อยที่สุด
  • สักวันหนึ่งเราคงมีโอกาสได้คุยกันมากกว่านี้

 

ท่านเบดูอิน...ตื่นเต้นจัง!.. wika เป็นคนกาฬสินธุ์นะ wika อยู่บ้านจาน ต.โนนนาจาน อ.นาคู จ.กาฬสินธุ์ แต่ wika ไปทำงานรับใช้ชาติ สร้างสรรค์เด็กไทยให้งอกงามอยู่มุกดาหาร เลยมีครอบครัที่นั่นแต่ wika ก็กลับไปหาพ่อที่กาฬสินธุ์ประจำทุกสัปดาห์ ทุกเดือนนะ ตอนนี้แม่ไม่อยู่ด้วยแล้วตั้งแต่ปี 2547 ทานข้าว คุยกับพ่อ แล้วก็กลับมุกดาหาร...ท่านเบดูอินไปรู้เรื่องแม่คำหม่ายได้ไง?...เขียนน่าอ่าน ชวนติดตามไปเรื่อยๆด้วย..เก่งจัง..มีความสุขมากๆในวันแห่งความรัก รักตัวเองและคนรอบข้างอย่างมีเหตุผลนะคะ...

อ่านเเล้วซี๊งมากครับ........อยากกรุณาให้อ..เเกะเขียนต่อเติมต่ออีกได้ไมครับ...เกี่ยวกับประวัติ อ.ตอนเด็กๆนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท