การพัฒนาองค์กรแห่งการเรียนรู้ จาก “การอบรมนักจัดการความรู้โดยชุมชนนักปฏิบัติ” (4)....เรียนรู้KMแบบนพลักษณ์


เป้าหมายที่เป็นโจทย์ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นคือเมื่อเรา ได้“รู้ศักยภาพตนเอง” และ“รู้ศักยภาพของเพื่อน” แล้ว เราจะนำ “ความรู้”ที่เป็น “ข้อค้นพบใหม่”นี้ไปสร้างกระบวนการจัดการความรู้เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงสู่ผลลัพธ์ในทีมงาน หรือในชุมชนของเราได้อย่างไร

อ.เอก_จตุพร  นำกระบวนการ ลปรร.เปิดพลัง(Open will) "คุย คิด คลำ คลึง คลิก”ในช่วงบ่ายวันที่ 14 ธ.ค.และต่อเนื่องถึงช่วงเช้าวันที่15 ธ.ค.ผ่านกิจกรรมกลุ่มย่อย 2ครั้งโดย มี อ.ศิลา และหนานเกียรติคอยเสริมในบางช่วง

กิจกรรมกลุ่มย่อย ช่วงที่ 1 “คุณค่า  ความหมายและกระบวนการKMในองค์กรของเรา”

คิดคนเดียว  ประชุมกลุ่มย่อย(ตามกล่มฐาน)  แล้วนำเสนอแบบอิสระตามความคิดสร้างสรรค์ของกลุ่ม

                         

                                        กลุ่ม "ศูนย์ใจ"

กลุ่ม "ศูนย์ใจ"พูดคุยและรับฟังกันอย่างฉันท์มิตร ทุกคนมีบทบาทในการแลกเปลี่ยนการพูด และฟังกันอย่างเท่าเทียม มีท่าทีเต็มใจที่จะพูด และฟังกันอย่างไม่กังวลใจ บรรยากาศโดยรวมจะมีความเป็นกันเอง สบายใจ สนุกสนาน   นำเสนออย่างมีสีสัน(นำหน้าสาระ)  สื่อที่เสนอจึงมีความเป็นศิลปะที่สวยงาม     

                         

                                    กลุ่ม "ศูนย์สมอง"

กลุ่ม "ศูนย์สมอง"แต่ละคนมีลักษณะการคิดไตร่ตรอง ใคร่ครวญ แต่การพูดก็มีการนำเสนอความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ อย่างเป็นระบบ  มีรายละเอียด  เป็นขั้นเป็นตอน  เป็นแบบแผน   สามารถสรุปเนื้อหาเป็นหลักการสำคัญได้พร้อมตัวอย่างประกอบได้ชัดเจน เนื้อหามีความครอบคลุม ครบถ้วน  เพียงแต่บรรยากาศของกลุ่มพี่ออกจะเครียด  เคร่งขรึม  เอาจริงเอาจัง(แบบจึดชืด)และช้าไปหน่อยนะพี่(เพื่อนเขาไปถึงไหนแล้ว)

                         

                                          กลุ่มศูนย์ท้อง

การสนทนาดูคึกคัก ลุยไปเลยลูกพี่  เอาให้“CHANGE”ไปเลยลูกพี่  ท่าทางทุกคนมีความสนุกสนานร่าเริง คนพูดก็อยากพูด คนฟังก็อยากฟัง  ดูแล้วสมาชิกในวงทุกคนเป็นคนมีนิสัยกล้าพูด กล้าคุย   กล้านำเสนอ กล้าลุย แต่เวลาสรุปเป็นความเห็นของกลุ่มถึงแม้จะดูคึกคัก  มีชีวิตชีวา  แต่ดูๆแต่ละคนจะไปทางใครทางมัน  แล้วจะรีบไปไหนหล่ะลูกพี่มาคุยตกลงกันหน่อย

กิจกรรมกลุ่มย่อย ช่วงที่ 2 “ถ้าจะให้กระบวนการKM(การถอดความรู้ในงานพัฒนา)ในองค์กรของเราขับเคลื่อนเราต้องทำอะไรและเราต้องการการสนับสนุนอะไรบ้าง”

คิดคนเดียว  ประชุมกลุ่มย่อย(คละฐาน)  แล้วนำเสนอแบบอิสระตามความคิดสร้างสรรค์ของกลุ่ม

เมื่อเกิดการประชุมกลุ่มในลักษณะการผนึกพลังการลปรร.(คละฐาน)  ร่วมกันบนฐานความหลากหลาย(ผสมผสานลักษณ์)แล้ว

ดูแล้วแม้โจทย์ที่วิทยากรให้จะเป็นเรื่องที่ดูจะยากส์มากๆๆๆ...

กับโจทย์ปัญหาที่มีความยุ่งยากซับซ้อน........

แต่ทุกกลุ่มก็สามารถทำงานร่วมกันได้  เป็นไปด้วยความลื่นไหล  บรรยากาศคึกคักพอๆกันทุกทีม

ดูเนื้อหาสาระก็มีรายละเอียดที่ชัดเจนทุกทีมเช่นกัน  ....

รวมทั้งสื่อการนำเสนอก็มีสีสันสวยงามทุกทีมครับ 

สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากกิจกรรมลปรร.เปิดพลัง(Open will) "คุย คิด คลำ คลึง คลิก” โดยKMแบบนพลักษณ์ จากการร่วมWSกับอ.เอก_จตุพร  และทีมงาน

เปิดพลัง(Open will)  บริหารความรู้สึกด้วยการเปิดใจ คิด และ คุย"“คุณค่า  ความหมายและกระบวนการKMในองค์กรของเรา”

  • KMคือกระบวนการจัดการทั้งความรู้และไม่รู้ของตัวเอง
  • “ใจ  กาย  สมอง ล้วนเป็นส่วนสำคัญในตัวเรา   แล้วเราจะแยกมันไปทำไม” 
  • ทำอย่างไร “ใจ  กาย  สมอง”จึงจะไหลมารวมกันสู่ “พื้นที่ส่วนกลางของการ ลปรร.”เป็นพื้นที่ร่วมของทุกคนไม่ว่าจะมาจากฐานไหนล้วนมีคุณค่า  เคารพในความแตกต่าง
  • และเมื่อเกิดการผนึกพลังการลปรร.ร่วมกันบนฐานความหลากหลาย(ผสมผสานลักษณ์)  ดูแล้ว แม้จะเป็นเรื่องที่ยากส์ๆๆๆ...กับปัญหาที่ยุ่งยากซับซ้อนแค่ไหน........ด้วยการรวมพลังสร้างสรรค์ ....ทุกอย่างก็เป็นไปได้
  • จากการลปรร.และการพูดคุยด้วย "กัลยาณมิตรสนทนา" "สุนทรียสนทนา"ในพื้นที่ว่างหรือพื้นที่ส่วนกลางร่วมกัน ด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย รู้สึกว่าปลอดภัย ไว้วางใจซึ่งกันและกันและมีอิสระภาพที่จะคิดที่จะคุยด้วยความพร้อมความเต็มใจ(บริหารความรู้สึก)
  • มีวง ลปรร. อย่างต่อเนื่องแล้ว  ก็จะทำให้เกิดการยกระดับการเรียนรู้นั้นเป็นเกลียวความรู้และเป็นคลังความรู้ที่มีพลังต่อไปได้
  • ตราบเท่าที่เรายังมีความหวัง  มีความเชื่อมั่นและมุ่งมั่น  การเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้นได้ 

คลึง ต่างกับ นวดอย่างไร?? ผมเคยถาม อ.เอกไว้ในช่วงการเตรียมการ_ก่อนการสัมมนา

 "การนวดหมายถึง การทำกระบวนการไปเรื่อยๆตามสบาย ในบรรยากาศสุนทรียะครับ ส่วนคลึงนั้น เน้นเป็น จุดๆครับ จุดไหนสำคัญก็คงต้องคลึงมันนานหน่อย เช่น ตรงไหนที่เส้นมันตึง มันยึด ใช้เวลาคลึงตรงนั้นนานๆหน่อย ให้สบาย เลือดลมคล่องครับผม"

คุณเอกบอกผมไว้...ดังนั้นการเปิดพลัง(Open will)  การ “คิด” และ “ คุย"“คุณค่า  ความหมายและกระบวนการKMในองค์กรของเรา” ในช่วงนี้ จึงเป็นการ "นวด"ในแบบที่เป็นกระบวนการไปเรื่อยๆตามสบาย ในบรรยากาศสุนทรียะผมคิดของผมอย่างนั้นครับ

 เปิดพลัง(Open will) บริหารความรัก ด้วยการ คลำ" และ “คลึง“ถ้าจะให้กระบวนการKM(การถอดความรู้ในงานพัฒนา)ในองค์กรของเราขับเคลื่อนเราต้องทำอะไรและเราต้องการการสนับสนุนอะไรบ้าง”

  • หากเรามองว่าการจัดการความรู้คือการจัดการกระบวนการเรียนรู้ภายในของเราและดึงพลังตัวตนของเราออกมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้อื่น ก็จะทำให้เรารู้สึกวางใจอย่างเป็นกลางได้ว่า "ทุกสิ่งทุกอย่าง" ล้วนมี "ทุนดั้งเดิม"ที่มีอยู่ภายใน “ตัวตน” ของเราและเพื่อนๆของเราอยู่แล้ว
  • เพียงแต่เราสร้างแผนที่ในการค้นหาศักยภาพข้างในของตัวเราและเพื่อนๆให้เจอ และต้องเปิดโอกาสในการดึงศักยภาพของผู้อื่นเพื่อมาแบ่งปันสิ่งดีงามอย่างมีคุณค่าร่วมกันด้วย      
  • เราสามารถจัดการความไม่รู้ของเราผ่านการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้คนที่หลากหลาย       
  • ยิ่งแตกต่าง   ยิ่งต้องเรียนรู้ทำความเข้าใจ    ยิ่งทำให้มองเห็นโอกาสในหนทางที่เป็นแสงสว่างแห่งปัญญาและเป็นพลังแห่งความเอื้อเฟื้อเกื้อกูลต่อกันต่อกัน
  • การพูดคุยกันด้วย "กัลยาณมิตรสนทนา" "สุนทรียสนทนา"ในพื้นที่ว่างหรือพื้นที่ส่วนกลางร่วมกันผ่านช่องทางการสื่อสาร พูดคุย ในรูปแบบต่างๆที่หลากหลายและต่อเนื่อง  นี่คือเจตนารมณ์ร่วมกันของเรา

การ “ คลำ" และ “คลึง ของ อ.เอก_จตุพร ได้มีส่วนอย่างยิ่งในการทำให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาเกิดความรู้สึกผ่อนคลาย  รู้สึกไว้วางใจ ปลอดภัยที่จะแลกเปลี่ยนพูดคุยกับเพื่อนๆด้วยความเข้าใจ   เคารพในความแตกต่างและกระตือรือล้น ที่จะเรียนรู้จากเพื่อนๆทำให้แต่ละคนสามารถ "มีอิสรภาพ" "มีความมั่นใจ" และ "ไว้วางใจ"(ปลอดภัย)ที่จะแสดงความเป็นตัวตนของตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่(บริหารความรัก)

เปิดพลัง(Open will) บริหารความรู้ด้วยการ“คลิกสู่การบ่มเพาะ"สร้างชุมชนนักปฏิบัติ(COP)ผ่านวง ลปรร.ด้วย "กัลยาณมิตรสนทนา" "สุนทรียสนทนา"

  • การสัมมนาเป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการจุดประกายทำให้เราได้มองเห็นศักยภาพตัวตนในการดึงสิ่งดี ๆ จุดแข็งของตัวเองออกมาใช้และได้เห็นความแตกต่างระหว่างตัวเองกับผู้อื่นในเบื้องต้นเท่านั้น  
  • เป้าหมายที่เป็นโจทย์ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นคือเมื่อเรา ได้“รู้ศักยภาพตนเอง” และ“รู้ศักยภาพของเพื่อน” แล้ว   เราจะนำ “ความรู้”ที่เป็น “ข้อค้นพบใหม่”นี้ไปสร้างกระบวนการจัดการความรู้เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงสู่ผลลัพธ์ในทีมงาน หรือในชุมชนของเราได้อย่างไร
  • การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่และยั่งยืนคือการเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ตัวเราเอง   ด้วยความเป็นกัลยาณมิตรในตน ที่ได้มาจาก "การใคร่ครวญในตน" จากการ "ค้นพบตัวเอง"สู่การ "ค้นพบศักยภาพของเพื่อน"นำสู่ "สุนทรียสนทนา""กัลยาณมิตรสนทนา"ก่อเกิดพลังงานสร้างสรรค์มหาศาล สร้างแรงบันดาลใจมากมาย..ต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ ที่สำคัญทั้งหมดนี้ล้วนเกิดขึ้นได้จากการเปลี่ยนแปลงภายในตัวเองที่ยิ่งใหญ่นั่นเอง

"การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ ย่อมเกิดจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ในลักษณะการพุดคุยกันในแบบสุนทรียสนทนา(Dialogue)ค่ะ"

คุณครูใหม่แห่งโรงเรียนเพลินพัฒนา ได้เคยบอกเล่าประสบการณ์กับพวกเราไว้ตอนเมื่อครั้ง ทีมงานและผู้บริหารในองค์กรพวกเรา ได้เดินทางไปเยี่ยมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ “การสร้างองค์กรแห่งความสุขและการจัดการความรู้”ที่โรงเรียนเพลินพัฒนาเมื่อครั้งวันที่18 ก.ย.52ที่ผ่านมา

มาถึงตอนนี้แล้ว การเปิดพลัง(Open will) บริหารความรู้ด้วยการ“คลิก ของอ.เอก_จตุพร ในครั้งนี้น่าจะได้ทำให้เพื่อนๆเราหลายคนเริ่มที่จะคิดออกแล้วหล่ะครับว่า  แต่ละคนล้วนมีทางเลือกที่หลากหลายที่จะใช้“ความรู้”ที่เป็น “ข้อค้นพบใหม่”นี้ไปสร้างกระบวนการจัดการความรู้ในทีมงาน หรือในชุมชนของเราได้อย่างไร  สำคัญคือพวกเขาสามารถที่จะบอกตัวเองและเพื่อนๆได้ว่าจะทำกันอย่างไร นั่นคือ “การคลิก”ได้เกิดขึ้นแล้วครับ

 

หมายเลขบันทึก: 320715เขียนเมื่อ 16 ธันวาคม 2009 13:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:04 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (46)

สวัสดีครับพี่

เก็บรายละเอียดได้หมดจดเลยครับ

แหะ แหะ ขอลอกมั่งนะครับ

แวะเข้ามาอ่าน เนื้อหาแน่นดีครับ แต่รูปภาพประกอบคงต้องปรึกษา อ.เอก หน่อยละครับ

ส่วนตัวกลับมาก็เริ่มขีดๆ เขียนๆ และจะพยายามทำอย่างต่อเนื่องครับ

สวัสดีค่ะ พี่สุเทพ

ซิ้มได้เข้าอบรมครั้งนี้ด้วยความรู้สึกที่สนุกมากค่ะ

แต่อาจต้องพัฒนาตนเองอีกนิด แต่ก็รู้สึกดีที่ทำให้ได้รู้จักตัวเองและฟื้นความทรงจำเก่าๆ ทำให้พอกลับบ้านต้องไปรื้อหาสมุดนัดเก่าๆ หา USE NAME เพื่อกลับมาใช้ Gotoknow อีกครั้ง

                 ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับหนานเกียรติ

...

ขอบคุณครับ

ต้องบอกว่าเป็นเพราะโชคดีที่มีครูดีคอยชี้แนะและเป็นแบบอย่างที่ดีครับ

ทั้งคุณเอก_จตุพร หนานเกียรติและอ.ศิลา

ยิ่งการWSครั้งนี้ด้วยแล้ว....เยี่ยมสุดๆเลยครับ[

ตามมาอ่านครับ ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้มีโอกาสไปร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วย

โชคดีมาก ๆ ครับ ที่ได้วิทยากรชั้นยอดของประเทศไปช่วย พอช. ;)

ยินดีด้วยครับ

ตามมาอ่านครับ ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้มีโอกาสไปร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วย

ขอบคุณครับหนานนันท์

เรื่องถ่ายภาพของผมเห็นหนานเกียรติอาสาจะเป็นครูผู้ฝึกสอนให้ครับ

หนานเกียรติบอกไม่ต้องไปรบกวนให้ถึงอาจารย์ใหญ่อย่าง อ.เอกหรอกครับ

ยินดีด้วยกับ Kun Sim ด้วยครับ

..

"รู้สึกดีที่ทำให้ได้รู้จักตัวเองและฟื้นความทรงจำเก่าๆ"

...

มีเรื่องราวที่ดี่ๆที่ประทับใจ  ในกรุสมบัติ

เปิดจากลิ้นชักออกมาแล้วนำมาบอกเล่ากับเพื่อนๆในวง"กัลยาณมิตรสนทนา"ด้วยชิครับ

ครับคุณWasawat Deemarn

ต้องขอบคุณคุณเอก หนานเกียรติและอ.ศิราณี(อาจารย์เป็นศิลาณีให้ผมครับ)

และเพื่อนๆในที่ทำงานที่เข้าร่วมสัมมนา

ที่ร่วมกันสร้างบรรยากาศของกัลยาณมิตรครับ

...

"กับบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยมิตรภาพทั้งในเวทีตอนกลางวันและวงAAR_วง"กัลยาณมิตรสนทนา" ในยามค่ำคืน"

...

นับเป็นบุญวาสนาครับ  ที่ทำให้ได้มาพบกับคนดีๆ  และเรื่องราวที่ดีๆในบรรยากาศที่ดีๆ(รวมทั้งอะไรบางอย่างที่รสชาดดีๆทำให้มีสุนทรียะในการพูดคุย)ที่ภูเขางามรีสอร์ท นครนายก

ยินดีต้อนรับคุณ"คนดอย"ครับ

ยินดีต้อนรับสู่วง"กัลยาณมิตรสนทนา"

พื้นที่นี้ เวทีนี้ยินดีต้อนรับคุณ"คนดอย"สู่การ ลปรร.ด้วย "สุนทรียสนทนา"ครับ

แวะมาเยี่ยมแล้วครับ

ตาม(คำสัญญาในใจ)ความมุ่งมั่นที่ได้แลกเปลี่ยนกับพี่ในบ่ายนี้ที่มีค่า(ท่ามกลางการปรับตัว)ของผม

ไว้มีโอกาสได้เขียนในหน้าจอคอมฯบ้างจะรีบส่งข่าวนะครับ

ใจนึงผมเองชอบเขียนบนกระดาษมากกว่าเพราะได้วาดรูปได้ดั่งใจและอารมณ์ที่พาไปครับ

ให้กำลังใจพี่นะครับ

เบิ้มละเมอ

ขอบคุณครับคุณ "เบิ้มละเมอ"

 ....

"ใจนึงผมเองชอบเขียนบนกระดาษมากกว่าเพราะได้วาดรูปได้ดั่งใจและอารมณ์ที่พาไปครับ"

....

ผมเห็นด้วยกับคุณ "เบิ้มละเมอ"ล้านเปอร์เซนต์เลยครับ

ยิ่งได้นำงานศิลปะ  ได้นำเอาเรื่องราวความประทับใจ  ความทรงจำที่ดีๆ

มาแลกเปลี่ยนพูดคุยกันแบบF2F อย่าง"สุนทรียสนทนา" "กัลยาณมิตรสนทนา"กันได้บ่อยๆครั้งด้วยแล้วก็จะเยี่ยมมากเลย....

ผมว่ามันแทนกันไม่ได้ครับ

แต่มันอาจจะช่วยเสริมกันได้บ้างดีกว่าไม่ได้คุยกันครับ(นิดหน่อยก็ยังดี)

ได้คุยกันแล้วมีเพื่อนๆกัลยาณมิตรที่อยู่ห่างไกลจะได้มาร่วมเป็นสักขีพยานด้วย

จะได้มาชื่นชมในผลงานและมิตรภาพด้วย

อยากเห็นงานเขียนเรื่องของลูกสาว"เบิ้มละเมอ"เร็วๆนี้นะครับ

"คำแนะนำสำหรับคนลักษณ์ 7  คือ จงรีบลงมือทำเลยครับ "

ต้องขอชื่นชมพี่สุเทพ กับลีลาการเขียนแล้วละ เนื้อหา ok และลีลาสีสันก็เยี่ยม วันหลังพัชต้องไปขอความรู้เรื่องการจัดการตัวอักษรและการใช้สีสัน ทำให้น่าอ่าน อ่านง่าย วันพรุ่งนี้หลังประชุมเสร็จจะขึ้นไปหาที่ชั้น 5 นะคะ

"ต้องขอชื่นชมพี่สุเทพ กับลีลาการเขียนแล้วละ เนื้อหาก็ ok และลีลาสีสันก็เยี่ยม"

ขอบคุณกับการ "AI_สุนทรียสาธก"ครับน้องพัชนี

ทั้งหมดนี้พวกเราร่วมกันสร้างครับ ..ครั้งหนึ่งที่ภูเขางามรีสอร์ท นครนายก

พี่เป็นคนบันทึกประวัติศาสตร์ให้ชื่นชม

หากมีคนชื่นชอบด้วย......ก็แสนจะยินดี

ดีกว่าเก็บไว้ชื่นชมคนเดียว

ว่าหมั๊ยหล่ะ

หมายเหตู "AI_สุนทรียสาธก"คืออะไรให้ เป็นความรู้ไว้ครับ

สุนทรียสาธกเป็นวิธีคิดใหม่ในการจัดการองค์กรด้วยการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กรโดยเน้นการสร้างมุมมองด้านบวกต่องาน และการเรียนรู้จากประสบการณ์ด้านบวกขององค์กรด้วยการสร้างความรู้สึกที่ดี การเห็นคุณค่าความดีงามที่มีอยู่ในองค์กร และการสร้างสรรค์ปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคนทำงานในองค์กร สุนทรียสาธกหรือ appreciative inquiry ได้รับการพัฒนาโดย David Cooperrider และ Suresh Srivastva ในปี ค.ศ. 1980 (Cooperrider & Srivastva,  1987 อ้างถึงใน โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ และคณะ.2550)

คำว่า appreciative มีความหมายในทางที่เป็นการชื่นชมในสิ่งที่ดี สิ่งที่งาม 

ส่วนคำว่า inquiry คือ การวิจัยค้นคว้า 

ดังนั้น appreciative inquiry คือ การค้นหาและชื่นชมสิ่งที่ดีที่มีอยู่ในองค์กรสำหรับ สุนทรียสาธก มาจากคำว่า สุนทรีย์ ที่มีรากศัพท์มาจากคำว่า สุนทร คือ ความดีงาม ส่วนคำว่า สาธก คือ การยกตัวอย่างเป็นกรณีให้เห็น แปลความรวมว่า การยกตัวอย่างเป็นกรณีให้เกิดการนิยมชมชื่นในความดีงามที่มีอยู่

สุนทรียสาธกในฐานะเครื่องมือในการบริหารองค์กรนั้นสะท้อนวิธีคิดใหม่ที่ต่างจากการบริหารงานแบบเดิมที่มุ่งไปที่การมองหาและการจัดการปัญหาขององค์กร ผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานในระบบงานมักได้รับการฝึกฝนให้มีความสามารถในการค้นหาและจัดการกับปัญหา แต่ไม่มีทักษะหรือเครื่องมือในการค้นหาศักยภาพขององค์กรหรือค้นหาความดีที่ ดำรงอยู่ในองค์กร สนุทรียสาธกมองหาศักยภาพหรือสิ่งที่ดีที่มีอยู่ในองค์กร และสร้างอนาคตองค์กรจากศักยภาพหรือสิ่งที่ดีที่มีอยู่แล้ว

กระบวนการสุนทรียสาธกมีหลักการเบื้องต้นที่ว่า ยิ่งไปเน้นส่วนขาดและปัญหา ส่วนขาดและปัญหาที่ว่าจะยิ่งมองเห็นเด่นชัด และปัญหาที่ยิ่งคิดยิ่งปรุงแต่งมากขึ้นนี้จะล้นท่วมและทำให้ระบบล่มสลาย เพราะว่าขวัญกำลังใจก็หดหาย อุดมคติในการทำงานก็จางคลาย รวมทั้งคุณค่าในการทำงานก็หมดสิ้นไปด้วย(Mirvis, 1997 อ้างถึงใน โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ และคณะ.2550)

สุนทรียสาธกเริ่มจากสมมติฐานที่ว่าในทุกองค์กรมีส่วนที่เป็นประสบการณ์ด้านดีหรือจุดเด่นขององค์กรอยู่ องค์กรไหนที่ไม่มีความดีงามอยู่เลยองค์กรนั้นๆ ย่อมไม่สามารถดำรงอยู่ได้อนาคตองค์กรจะไม่ได้อยู่ที่การมุ่งขุดค้นและหมกมุ่นอยู่กับปัญหาแต่จะอยู่ที่การค้นพบและชื่นชมในศักยภาพขององค์กร การจินตนาการไปสู่อนาคตขององค์กรจึงต้องเน้นไปที่การแสวงหาภาพลักษณ์เชิงบวก(positive image)มาเป็นเครื่องสร้างแรงบันดาลใจและชี้นำความเป็นไปได้ใหม่ๆ ขององค์กรว่าจะพัฒนาไปในทิศทางที่พึงประสงค์ได้อย่างไร(Whitney & Schau, 1998 อ้างถึงใน โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ และคณะ.2550)

หวัดดีครับ พี่สุเทพ

ขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้อยู่จนเสร็จสิ้นกระบวนการ แต่ก็ได้อ่านงานของพี่ที่เขียนก็ได้ความรู้เพิ่มเติม ผมพยายามเป็นสมาชิก go to know ยังไม่สามารถเข้าสู่ระบบได้แนะนำหน่อยนะครับ

อยากเขียนเรื่องราวเล่าสู่ฟังอีกหลายเรื่อง

นับถือครับ

ฝน

สวัสดีครับฝน

บันทึกแรกของฝน "จุดเริ่มต้น จากคนที่อยากเล่า.....สู่เรื่องที่อยากเขียน"

ผมได้อ่านแล้วชอบมาก.......ประทับใจมาก

........

"ผมร้องไห้ทุกครั้งเมื่อได้อ่านบันทึกของเธอ

และทุกครั้งที่ผมได้อ่านบันทึกของเธอ....จะทำให้ผมมีแรงบันดาลใจที่จะเขียนบันทึกอะไรสักอย่าง...บางอย่างให้เธอ

นี่แหละคือเรื่องความในใจที่ผมอยากเล่า

และนี่แหละคือ.....แรงบันดาลใจแรกที่ทำให้ผมอยากเขียน

ผมอยากเขียนถึง....

เรื่องของผู้หญิงคนหนึ่ง  ที่เธอทำให้ผมร้องไห้ทุกครั้งเมื่อผมได้อ่านบันทึกของเธอ....."

........

ผมอ่านแล้วครับประทับใจมาก.....ผมปรับสำนวนและท่วงทำนองการนำเสนอให้เล็กน้อย  เนื้อหาคงไว้เหมือนเดิม

นอกจากฝนจะได้บันทึกในBlogใหม่ของฝนแล้ว

ผมขออนุญาตินำบันทึกแรกของฝนนี้มาแบ่งปันความคิดความรู้สึกกับกัลยาณมิตรในบันทึกตอนต่อไปของผมด้วย กับตอน"เรื่องเล่าเร้าพลัง"

ขอบคุณครับกับการแบ่งปันเรื่องราวที่ดีๆและกับความรู้สึกที่ดีๆครับ

 

เข้ามาขอบคุณส่วนพัฒนากระบวนการเรียนรู้ สำหรับหลักสูตรฝึกอบรมดีๆอย่างนี้ค่ะ เดี๋ยวมาอ่านต่อค่ะ

บันทึกแรกของฝน "จุดเริ่มต้น จากคนที่อยากเล่า.....สู่เรื่องที่อยากเขียน"

ได้ถูกบันทึกแล้วในBlog gotoknow

http://gotoknow.org/blog/rainnycodi/320965

ติดตามได้ครับ  ผมช่วยขัดเกลาให้เล็กน้อย  อ่านบันทึกนี้แล้วผมอดนำตาซึมไม่อยู่ครับ

สวัสดีครับคุณjedhiya

ยินดีต้อนรับครับ

คิดอย่างไรรู้สึกอย่างไร ...ชอบตรงไหน  ไม่ชอบตรงไหน

ลปรร.กันได้นะครับ

สวัสดีค่ะ

  • มาเรียนรู้ค่ะ  ยังไม่เข้าใจอะไรมากนัก
  • อาศัยต้องอ่านบ่อย ๆ เรียนมาก ๆ หน่อยค่ะ
  • ขอเป็นกำลังใจคนทำงานเพื่อความสุขของสังคมนะคะ

G2K ได้ป๋าดันคนใหม่แล้ว ฮิ ฮิ....

ผมมีบันทึกใหม่แล้วครับพี่สุเทพ

ขอบคุณพี่มากเลยที่แนะนำแนวทางการเขียน

มีคนมากมายที่แวะมาเยี่ยมชมบล๊อกผม

ทำให้ผมมีกำลังใจในการเขียนงานใหม่ครับ

สวัสดีครับท่านอาจารยื สุเทพ แวะไปให้กำลังใจ น้องฝนมาแล้วครับ

เรื่อง นพลักษณ์ ผมยังไม่ได้เข้าเวที แต่ตามอ่านงานขอล อ. ศิลา มาตลอดครับ

แต่เรื่องการบริการด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์ และการให้กำลังใจ อ.หมอสกล สะกดจิต สะกิดให้ กำลังภานในออกมาสร้างความดีครับ

ท่านผู้เฒ่าวอญ่าครับ

ผมชอบอ่านบันทึกอ.สกลครับ

ไม่เคยเมนท์ครับ

นพลักษณ์แต่ก่อนผมเข้าใจเรื่องนี้ช้ามาก...

แต่การWSครั้งนี้ทำให้เข้าใจนพลักษณ์ที่สัมพันธ์กับKMได้มากขึ้น

มีประโยชน์มากครับ

สุดยอดมากค่ะ อ่านแ้ล้วเห็นภาพการทำงานทั้งหมดเชื่อมโยงเหมือนสายธารและมีพลังแรงเหมือนน้ำตก คงต้องขอยืมหลายคำ ๆ ของพี่สุเทพไปอ้างอิงในบันทึกสรุปงานของตนเองด้วยค่ะ โดยจะ quote ที่มาว่ามาจากบันทึกพี่สุเทพค่ะ ปกติเวลาทำงานที่ไหนเสร็จก็มักจะ AAR ตัวเองด้วยค่ะ เพื่อดูข้อด้อยข้อดี มีบันทึกของพี่ไว้อ้างอิง ซึ่งเขียนได้ดีขนาดนี้ มั่นใจในการขับเคลื่อนต่อไปของ พอช.ค่ะ (และมั่นใจในพลังทีมงานคุณภาพ คุณเอก และคุณหนานเกรียติด้วยค่ะ) ขอบพระคุณมากค่ะที่เปิดโอกาสมาร่วมเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนกระบวนการ

มีพลังเหมือน "น้ำพุ" ดีกว่าไหมครับ อ.ศิลา

สวัสดีครับครูคิม

...

ชอบงานค่ายของครูคิมที่ผ่านมา

ผมว่างานค่ายเป็นเร่งรัดการเรียนรู้ภายใต้สถานการณ์พิเศษครับ

ปีใหม่นี้ผมเองก็ตั้งใจจะไปร่วมกิจกรรมค่ายกับเด็กๆที่บ้าน

เป็นอาสาสมัครงานค่ายของเครือข่าย "เพือนคุณธรรม"

ซึ่งจัดที่จ.อุบลครับ

...

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับอ.ศิลา

 ..

ชอบนพลักษณ์KMครับ

มีโอกาสจะไปร่วมWSของอาจารย์เดือนม.ค

ขอบคุณมากกับพลังที่ช่อกันสานก่อ

ได้แรงบันดาลใจกันถ้วนหน้าครับ

ดอกอะไร....ฟุ้งกระจายไปทั่วแล้ว

  • สวัสดีค่ะ
  • แวะมาทักทายค่ะ
  • มีสุขภาพกายแข็งแรง สุขภาพใจเข้มแข็ง ให้มีแต่ความสุขตลอดปี และตลอดไปนะค่ะ
  • ขอบคุณค่ะ

สวัสดีวันศุกร์ค่ะท่านเทพฯ

 

ปีใหม่ แรงใจเต็มเปี่ยม มาส่งแรงใจเชียร์ พอช. ค่ะ และสวัสดีเนื่องในวาระดิถีขึ้นปีใหม่นะคะ

 ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย ดลบันดาลให้คุณบุษราและครอบครัวประสบความสุข

สุขภาพแข็งแรง มีแรงกายแรงใจ คิดหวังสิ่งใดให้สมปรารถนาตลอดปีนี้ และตลอดไปค่ะ

สวัสดีค่ะพี่สุเทพ

ไก่เพิ่งกลับมาเขียนบล็อค gotokhow ค่ะ ยังไงช่วยแนะนำการเขียนให้ไก่ด้วยนะคะ เดิมไก่เขียนที่บล็อค oknation ค่ะ

อบรม KM ที่ผ่านมาเสียดายมากเหมือนกันที่ไม่ได้เข้าร่วม ไว้คราวหน้าคงจะไม่พลาดเรื่องราวดีๆแบบนี้แน่นอนค่ะ

น้องไก่-ประชาสังคม พอช.

มาสวัสดีปีใหม่ครับ คุณสุเทพ ไชยขันธุ์

เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ดีจังนะครับ...

ขอบคุณครับอาจารย์umi

สวัสดีปีใหม่เช่นกันครับ

อวยพรให้อาจารยืมีสุขภาพที่แข็ง  มีพลังสร้างสรรค์สิ่งดีงามครับ

สวัสดีวันเสาร์สบายๆครับคุณปู

พรปีใหม่ใดที่คุณปูส่งมาถึง.......ขอให้คุณปูได้รับกลับเป็นทวีนะครับ

น้องไก่khunpicha ครับ

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ

สำหรับงานที่ อ.เอก_จตุพร จะมาAARกับพวกเราวันที่ 12 ม.ค.53

พี่ฝากเบิ้มคิดอีกคนด้วยแล้ว

คุยกันเบื้องต้นช่วงเช้า จะเป็นการ "โชว์ เชียร์แอนด์แชร์"

ช่วงบ่ายอาจจะเป็น "Dialogueและเรื่องเล่าเร้าพลัง"

ต้องปรึกษากันและปรึกษา อ.เอกอีกที

ใครมีข้อเสนอดีๆบอกมาเลยนะครับ

คุณบุษราครับ

ยินดีที่ได้รู้จัก..ขอโทษด้วยมาตอบมาทักช้าไปหน่อยครับ

ท่านผู้เฒ่าวอญ่าเอ่ยถึงคุณบุษราเมื่อตอนพบกันที่ มสธ.

พรปีใหม่ใดๆที่ส่งมาขอน้อบรับและขอให้สะท้อนกลับเป็นทวี

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับคุณ 

 

คนดอย

เสียดายครับที่ไม่ได้พบกันครับในWsที่ผ่านมา

อ.เอกเล่ากิตติศัพท์ของท่านคนดอยให้รับรู้ครับ

และสำหรับกิตติศัพท์ของSCG นั้นก็เป็นที่เลื่องลือในยุทธจักรอยู่แล้ว

เสียดายครับ .....  เสียดายจริง

โอกาสหน้าฟ้าใหม่ยังมี...

ยินดีได้รู้จักท่านคนดอยครับ

ขอบคุณมากกับการเข้ามาทักทาย

สิ่งดีดีเหล่านี้จะยั่งยืนได้ด้วยอะไรครับ

สิ่งดีดีเหล่านี้จะยั่งยืนได้ด้วยอะไรครับ

นั่นนะสิ คุณบีเวอร์

ช่วยคิดมาแต่ต้นด้วยกันแล้ว... ช่วยคิดต่อบอกลายแทงหน่อยสิ

จะเดินต่ออย่างไร

ทั้งครุ่นคิด ใคร่ครวญ  และกังวลด้วยน๊ะ...

ขอบคุณ "คำถามดีๆ"ครับ

อิอิ แอบย่องมาอ่านมั่งคะ

P

อิอิ แอบย่องมาอ่านมั่งคะ

อ่านแล้วเป็นไง...โชคลาภวาสนา มีอะไรดีขึ้นบ้าง

จะปีใหม่แล้วนะ บอกหน่อยทิ

 

ไม่มีใครรู้หรือเข้าใจ บริบทและเงื่อนไขขององค์กรดีเท่า คนในองค์กร รวมตัวกันทำ MOU ดีไหมครับ

ขอบคุณครับคุณบีเวอร์

  • วันที่12 ม.ค.52 เรามีนัดAARกับ อ.เอกครับ
  • วันนั้นจะเป็นการ "โชว์ แชร์แอนด์เชียร์"ครับ
  • คงได้คุยกันต่อในวันนั้นว่าจะอย่างไรต่อ

บีเวอร์ ชวนทำ MOU

ดูยิ่งใหญ่ให้พลังดีจังครับ แต่การทำ WS ที่ผ่านมาก็ได้พลังร่วมในใจกันเเล้ว ผมคิดว่าเป็น MOU ในใจกันเเล้ว

เรื่องการเขียน ใครเขียนบ่อย มีพลังอยากเขียน และเขียนออกไป ก็จะมีทักษะ แต่การเขียนก็เป็นเพียงหนึ่งองค์ประกอบการจัดการความรู้ (สื่อสารความรู้ การสร้างความรู้) ในศักยภาพของ พอช. เป็นศักยภาพที่สูง เครื่องร้อน เครื่องฟิต สตาร์ทติดง่าย แต่หากจะวิ่งไปให้ราบรื่น นอกจากมีเป้าที่ชัดเจนเเล้ว น้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันหล่อลื่น ก็ต้องดีครับ

ให้กำลังใจ คน พอช.ครับ

 

การทำ WS ที่ผ่านมาก็ได้พลังร่วมในใจกันเเล้ว ผมคิดว่าเป็น MOU ในใจกันเเล้ว....

...แต่หากจะวิ่งไปให้ราบรื่น นอกจากมีเป้าที่ชัดเจนเเล้ว น้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันหล่อลื่น ก็ต้องดีครับ

ขอบคุณครับ อ.เอกและคุณบีเวอร์ วันที่12 ม.ค. 53 หลังปีใหม่ คงได้มาว่ากันในรายการ"โชว์ แชร์แอนด์เชียร์"ครับ

มีความสุขกับการพักผ่อนในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท