เมื่อเกือบ 4 ปีที่แล้ว ผมและภรรยาไปส่งลูกสาวเรียนหนังสือที่เชียงใหม่ ขณะนั้นลูกชายคนเล็กอยู่ ม.5 เราพ่อแม่ลูก 4 คน ไม่เคยจากกันนานๆเลย อยู่ด้วยกันตลอด แทบจะทุกเวลาที่ไม่ได้ไปโรงเรียน รู้สึกว่าติดลูกครับ
คิดมาล่วงหน้า 2-3 ปีแล้ว ก่อนที่จะถึงวันนี้ ถ้าลูกจบ ม.6 ต้องไปเรียนต่อ ถ้าเรียนที่อื่น หมายถึงต้องจากกัน ห้วงเวลาของเรา การอยู่บ้าน เล่นหัว ความเป็นครอบครัว กำลังจะจบแล้ว ผมคิดอย่างนี้จริงๆ โดยเอาตัวเองเทียบครับ เพราะหลังจบ ม.ศ.5 ออกจากบ้านมาเรียนหนังสือ ก็ไม่เคยกลับไปอยู่บ้านนานๆอีกเลย ไปก็ชั่วครู่ยาม
ประสบการณ์ที่เจ็บปวดและเข็ดหลาบกับเรื่องต้องจากลูก เกิดขึ้นเมื่อลูกๆจะเข้าเรียนอนุบาล ผมและภรรยาวางแผนจะขายของ ขายเสื้อผ้า จึงหารือ และตกลงที่จะนำเจ้าตัวเล็กทั้งสอง ไปฝากไว้กับปู่ย่า เพื่อเข้าเรียนในโรงเรียนอนุบาลใกล้บ้าน โดยมีน้องสาวช่วยดูแลอีกแรงหนึ่ง
ผมเริ่มขายเสื้อผ้า เสาร์อาทิตย์ทีหนึ่ง ก็ขับรถไปหาลูกทีหนึ่ง ทุกๆครั้งจะรู้สึกเศร้าเหงาอย่างบอกไม่ถูก แม้ปู่ย่าจะดูแลดีเท่าใด ก็คงไม่สู้พ่อแม่ตัวเองเป็นแน่(ผมคิดแทนลูก) ผ้าห่มที่ลูกใช้นอน ย่าบรรจงเย็บเศษผ้าเป็นห่วงคล้องตัวคล้องแขนหลาน เพื่อมิให้หลุดยามค่ำคืน ด้วยห่วงว่าอาจหนาวจนไม่สบาย ไม่เคยลืมเรื่องพวกนี้ เพราะสงสารปู่และย่า ที่ต้องอดตาหลับขับตานอนดูแลหลานเล็กๆ รวมถึงสงสารลูก ที่พ่อแม่อย่างเรา ไม่สามารถดูแลเขาได้ อย่างควรจะทำ
ลูกผมไม่เคยร้องไห้ งอแง โยเย ตามพ่อแม่ หรือไม่ยอมอยู่กับปู่ย่าแม้แต่ครั้งเดียว แต่ทุกครั้ง..จำภาพนั้นติดตา ถึงเวลาที่ผมจะต้องกลับ อีกอาทิตย์เต็มๆจึงจะได้เจอกันอีก ทั้งคู่จะมาส่งที่ประตูรั้ว ยืนเกาะรั้วเหล็ก จ้องพ่อแม่เขม็ง เงียบ นิ่ง ไม่พูดจา ไม่มีอาการใดๆ มีแต่แววตาครับ ที่ฟ้องว่า แกเศร้าเหงาไม่น้อยไปกว่าพ่อแม่ของแกเลย
เขาว่าฉันอ่อนแอ
ฉันพยายามไม่อ่อนแอ
ฉันไม่เคยจากลูกนานนาน
ฉันเป็นผู้ชาย
ฉันต้องทำงานหาเงิน
ฉันต้องจากลูกไกลไกล
ฉันใจไม่ดี
ฉันหน้าไม่ดี
ฉันน้ำตาจะไหล
ฉันเป็นผู้ชาย
เขาว่าฉันอ่อนแอ
(24 พ.ย. 2535)
ทำอย่างนี้ได้เพียง 4 อาทิตย์ ก็ได้ข่าวลูกป่วย ป่วยทั้งคู่ รีบไปรับมารักษาตัวที่โรงพยาบาล นอนอยู่ 2-3 คืนครับ ช่วงเวลานั้น สงสารลูกจับจิตจับใจเลย ตัดสินใจไม่เอาแล้ว จะไม่ปล่อยให้ลูกไปอยู่ตามลำพังอย่างนั้นอีกแล้ว เป็นช่วงเวลาประมาณ 1 เดือนในชีวิตเรา ที่ไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา ทั้งพ่อแม่ลูก
หลังทำภารกิจเรื่องลูกสาวเสร็จ ผม ภรรยา และลูกชาย ขับรถกลับจากเชียงใหม่ ตลอดเส้นทาง 4-5 ชั่วโมง เฉย-เงียบกันไปหมด พอถึงบ้าน นึกถึง ถ้าลูกสาวอยู่ ต้องช่วยกันเปิดประตู เปิดหน้าต่าง หยิบโน่นฉวยนี่แล้ว เท่านั้นแหละครับ ทั้งผมและภรรยา ก็มิอาจกลั้นน้ำตาต่อไปได้อีก..
เป็นเหตุการณ์ไปส่งลูกเรียน เมื่อเกือบ 4 ปีที่แล้ว เป็นการออกจากบ้าน หรือจากกันครั้งแรก และเป็นครั้งสำคัญต่อจิตใจของพวกเรา
นึกทบทวนถึงเรื่องเหล่านี้ เพราะเมื่อเช้าของวานก่อน ไปส่งลูกสาวที่ขนส่ง เพื่อขึ้นรถทัวร์กลับเชียงใหม่ตามปกติ หลังมาอยู่บ้านได้เกือบอาทิตย์ จวนจะจบแล้ว อีก 2-3 เดือนเท่านั้น ร่วม 4 ปีที่ผ่านไป เวลาเร็วจริงๆ
ยังคิดถึงอยู่ดี ซึมๆเซาๆทุกครั้ง เมื่อต้องจากลูก
สวัสดีค่ะ
เรียนอาจารย์ธนิตย์ สุวรรณเจริญ
เป็นความรับผิดชอบที่ลึกซึ้งครับ ผมกลับคุ้นเคยกับการต้องอยู่โดเดี่ยว ตั้งแต่เรียน ป.6 จนจบแล้วทำงาน
เมื่อมีลูกก็ให้เรียนใกล้บ้านที่สุด จะได้อยู่ทั้งครอบครัว แต่ก็มีบ้างบางครั้งที่สอบเปลี่ยนตำแหน่ง
ได้ต้องเดินทางไกลไปต่างอำเภอ ก็ย้ายครอบครัวติดตามครับ
ลูกเรียนจนจบ ปวส.จึงแยกย้ายไปเรียนในจังหวัดอื่น
ตอนนี้เขาก็ทำงาน เทศกาลก็กลับมาเยี่ยม ปิดเทอมเราก็ไปหา
คิดถึงเหมือนท่านว่านั่นแหละ
สวัสดีครับ
มาเยี่ยม มาให้กำลังใจ จากกัน เพื่อเติบใหญ่ เติมพลังแห่งชีวิต ครับ
แวะมาให้กำลังใจครับ
เด็ก ๆ น่ารักมากครับ
สวัสดีค่ะ
อ่านแล้ว คิดถึงความรักและความผูกพันของ "ครอบครัว"
ใครว่าพ่อใจแข็ง ไม่ค่อยแสดงออกซึ่งความรักกับลูก....
ไม่จริงเลย...
(^___^)
สวัสดีครับ อ.ธนิตย์
อบอุ่นครับ
สัมผัสถึงความรักความห่วงใยจากพ่อแม่ที่มีให้กับลูก
เป็นกำลังใจให้นะครับ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ๆ
ลูกน่ารักนะคะ คุณพ่อ คำนี้ นึกถึงทีไร จุกๆ ค่ะ อาจารย์ คิดถึงพ่อค่ะ
สวัสดีค่ะ อาจารย์
*** เป็นว่าที่บัณฑิตที่สดใสจริงๆ ดีใจกับอ.ธนิตย์ ด้วย
*** ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่...ลูกก็ยังเป็นภาระที่อ่อนหวานสำหรับพ่อแม่เสมอ
*** เมื่อเด็กๆ เติบโตขึ้น ฟังเพลงนี้แล้ว กระทบใจจัง
Sunrise Sunset - Roger Whittaker |
ลูกชายกับลูกสาว น่ารักมากครับ.. บันทึกจากคุณพ่อทำให้เห็นความรักที่ยิ่งใหญ่ งดงามนะครับ
---------------------------------
นั่งคุยกับหนานเกียรติ เรื่องอาจารย์พอดีเลยครับ หนานเกียรติชื่นชมอาจารย์มากเลยครับ
ยินดีล่วงหน้ากับว่าที่คุณพ่อบัณฑิตลูกช้างค่ะ
อ่านแล้วคิดถึงอดีตช่วงที่จากป๋าอี๋ไปเรียนเชิงดอยเหมือนกันค่ะ
... รักของพ่อแม่ กว้างใหญ่ไพศาล เหนือกาลเวลา ...
อีกไม่นาน ลูกสาวก็จะ หลบมาอยู่แค่ๆ แล้วนะคะ เป็นกำลังใจค่ะ
สวัสดีค่ะพี่ธนิตย์
เขาว่าฉันอ่อนแอ
ฉันพยายามไม่อ่อนแอ
ฉันไม่เคยจากลูกนานนาน
ฉันเป็นผู้ชาย
ฉันต้องทำงานหาเงิน
ฉันต้องจากลูกไกลไกล
ฉันใจไม่ดี
ฉันหน้าไม่ดี
ฉันน้ำตาจะไหล
ฉันเป็นผู้ชาย
เขาว่าฉันอ่อนแอ
(24 พ.ย. 2535)
* ลูกคือดวงใจค่ะ ซาบซึ้งและประทับใจในความรักของพี่ธนิตย์ที่มีต่อลูก และครอบครัว จะหาสุขใด จะเท่าการที่พ่อ แม่ลูก ได้อยู่กับพร้อมหน้าไม่มีอีกแล้ว...
* พี่ทำให้น้องสาวต้องร้องไหว้อีกแล้ว... แย่จัง ไม่ได้ว่าพี่ชายนะ ไม่ชอบใจนิสัยตัวเอง...
* พี่ธนิตย์ทำให้ครูใจดี อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าถึงคราวที่ ลูกสาวทั้ง 2 ต้องไปเรียนที่อื่น....เพราะตอนนี้ ม.6 แล้ว อีก เทอมเดียวเอง... เราไม่เคยห่างกันเช่นกัน ขนาดเขาไปติวที่กรุงเทพ เป็นเดือน หนูยังต้องไปอยู่กับลูกเลย.... หนูจะเป็นยังงัย... ทำใจได้แค่ไหนหนอ....
หลาน ๆ ทั้ง 2 คน น่ารักมากค่ะ สมแล้วที่คุณพ่อคิดถึง
ลูกน่ารักดีค่ะ
เขาใจค่ะว่าคิดถึงลูก
ความรักที่พ่อแม่มีให้ลูก มันมากจริงๆค่ะ
มากกว่าความรักที่ลูกมีให้พ่อแม่ค่ะ
สวัสดีค่ะอาจารย์
ยังนึกไม่ออกว่าถ้าลูกไปอยู่ไกลๆจะคิดถึงแค่ไหน
ยังไม่เคยห่างกันเลย
คิดว่าจะให้เรียนใกล้ๆบ้าน
สวัสดีครับท่านอาจารย์ ธนิตย์
ลูกคือแก้วตาและดวงใจ
ผมพ้นเรื่องลูก มายุ่งเรื่องหลาน แม่ของหลานเริ่มรำคาญว่าหวงหลานมากกว่าลูกครับ
สวัสดีพ่อและแม่ที่รักนะคับ
การเรียนที่นี้มันยากเหลือเกิน แต่เมื่อสอบมาแล้วก้ออยากทำให้มันสำเร็จ
เพื่ออนาคตที่ดี เคยหวังไว้ว่า อยากจะมีงานดีๆ เงินเยอะๆเพื่อจะได้แบ่งเบาภาระของพ่อแม่บ้าง
อยากให้พ่อแม่สบายบ้าง จึงเลยเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ติด มช.
และพ่อแม่ก้อให้กำลังใจผมมาเสมอ แม้วันที่ทุกข์และวันที่สุขก้อตาม
ขอบคุณจริงๆที่ได้มาเปนลูกพ่อแม่นะคับ
ส่วนความคิดถึงไม่ต้องพูด มันแน่นอนอยู่แล้ว
มันอาจจะพูดยากแต่อยากจะบอกพ่อแม่ว่า
"ลูกๆทั้งสองรักพ่อแม่ยิ่งกว่าสิ่งใดเลย"
บันทึกนี้งดงามมากครับอาจารย์
ผมเมื่อจากบ้านไปทำงานหลายวัน ก็มีความรู้สึกแบบเดียวกัน
บางครั้งขับรถออจากจากบ้านน้ำตาซึมเลย
ครอบครัวอาจารย์น่ารักมาก ๆ เลยครับ
อ่านอีกรอบค่ะ
หัวอกของคนเป็นพ่อแม่ ที่คนเป็นลูกอาจจะเข้าใจไม่ถึง
สวัสดีค่ะครูธนิตย์...
...เป็นความรักที่อ่อนโยน และอบอุ่น ของคุณพ่อที่รักลูกมากๆคนหนึ่ง
....คุณพ่อของดิฉันก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน...เวลาเจอหน้ากันไม่ค่อยคุย แต่เวลาเขียนจดหมายหาลูกเนี่ย(เมื่อก่อน) ซึ้งสุดๆ
.... ยินดีกับคุณลูกคนเก่งด้วยนะคะ.....
มีความสุขในปีใหม่ที่ใกล้จะมาถึง ขอให้จงมีแต่สิ่งที่ดีๆ เข้ามาครับ
.................
ฉันเป็นผู้ชาย
....................
ฉันต้องจากลูกไกลไกล
......................
ฉันน้ำตาจะไหล
......................
คนอ่านก็น้ำตาซึม
ขอบคุณอ.อ้อยเล็กมากเลยครับ สุดยอด..ชอบครับๆ
ตาลเติลเอ๊ย! ตั้งใจเรียนกัน..พ่อแม่ก็ชื่นใจที่สุดแล้วล่ะ
นั่งอ่านอยู่ดีๆ น้ำตาก็ไหลออกมา
นึกถึงเหตุการณ์วันนั้น(ที่แม่บอกเล่าให้ฟัง)ขึ้นมา
ความคิดถึงของลูกทั้งสองก็ไม่น้อยไปกว่าพ่อกับแม่เลย
คิดถึงพ่อกับแม่
และก็อยากกลับบ้านตลอดเวลา
บ้านคือความสุขที่แท้จริง
อยู่บ้านแล้วสบายใจถึงแม้ว่าจะเรียนหนักแค่ไหน
แต่เมื่อได้อยู่กับพ่อแม่ก็ลืมหมด
ขอบคุณสำหรับความรักความห่วงใยที่มีให้ลูกทั้งสองเสมอมาค่ะ
รัก พ่อกับแม่ มากๆๆๆๆๆๆ
มาร่วมรักลูกด้วยครับ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะ
ประทับใจ เลยกลับมาอ่านอีกครั้ง
อ่านแล้วพลอยอบอุ่นในความรักของครอบครัว
ขอให้มีความสุข ความรัก ตลอดไปชั่วกาลนาน
สวัสดีค่ะ ครูบันเทิงก็เคยจากลูกค่ะ ตั้งแต่ ลูกได้ 3 เดือน ต้องไปฝากคุณยายเลี้ยงที่จังหวัดชุมพร วันเสาร์-อาทิตย์ ถึงจะได้ไปหาครั้งนึง มันเป็นเวลาที่ทรมานมาก ยิ่งตอนที่บังคับให้ลูกต้องหย่านมแม่ตั้งแต่ 2 เดือนครึ่ง เนี๊ยะ ทรมานสุดๆเลย แต่ตอนนี้ได้อยู่กับลูกแล้วค่ะ มีความสุขมาก ถึงเวลาจะไม่ว่างทั้งวัน แต่เราก็สุขใจที่ได้ทำงานเพื่อคนที่เรารัก ครูบันเทิงเป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ ลูกไม่ทิ้งเราอย่างแน่นอนค่ะ..
สวัสดี ปีใหม่ จากใจจริง
ให้ชื่นสุข ในทุกสิ่ง ที่สร้างสรรค์
มีความรัก สามัคคี ดีต่อกัน
มีน้ำใจ แบ่งปัน ทุกวันไป
สวัสดีครับคุณครู
ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้ามาเยี่ยมเพราะเตรียมตัวสอบครับ^^
พ่อแม่ผมก็เป็นครูเหมือนกันครับ ตอนเด็กๆ เรียนอนุบาลแม่จะเอาไปโรงเรียนด้วย ว่างๆก็เอาไปเรียนกับเด็กชั้นประถม (แม่สอนประถม)
รู้สึกอบอุ่นดีครั
สวัสดีวันหยุดค่ะ
Happy น่ะค่ะ..
สวัสดีค่ะอาจารย์ธนิตย์..ความคิดถึงลูก..คนที่มีลูกจะซาบซึ้งกับ คำว่า..คิดถึงผูกพันที่สุด..เพราะลูกแฝดผู้พี่.....ได้ไปอยู่กับยายและป้าที่น่าน..จึงยิ่งคิดถึงเพราะผูกพันเหลือเกินค่ะ..หน้าตาพี่ก็เหมือนแบบนี้แหละครับผม
สวัสดีค่ะ...อาจารย์ธนิตย์...
โชคดีนะค่ะ ที่ได้อยู่ใกล้ลูก สำหรับดิฉันเอง กว่าจะได้อยู่กับลูก
พร้อมหน้าพร้อมตา (ด้วยภาระการงาน) เกือบ 18 ปีค่ะ...
จนพวกเขาโตเป็นหนุ่มค่ะ...แต่ความรู้สึกของแม่ คิดว่าเขาอายุเพียง
4-5 ขวบเองค่ะ...นี่คือ "ชีวิตมนุษย์ เหมือนและแตกต่าง" ค่ะ ...
ได้แต่ดีใจและภูมิใจที่เขาเป็นเด็กดีค่ะ...
เป็นความภาคภูมิใจมากๆนะครับ
ลูกคือแก้วตาดวงใจ ไม่ว่าลูกหญิงหรือลูกชาย
พ่อแม่ก็ห่วงสุดหัวใจ ถึงจะโตๆๆกันแล้วก็เถอะ
(สัจธรรม...หวง ..ห่วง..ห้วง) ค่ะ
ใกล้ปีใหม่แล้ว ขอให้ อ.และครอบครัวมีความสุข นะคะ
ลูกสาวคุณครูน่ารักค่ะ เข้าใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อ แม่ ให้กำลังใจค่ะ
ครูต้อยเคยจากลูก เมื่อครั้งลูกไปเรียนที่ศิลปากร
เราสองคนต้องขับรถไปส่งลูกทุกอาทิตย์
บางอาทิตย์ต้องไป 2-3 ครั้ง
เมื่อลูกบอกว่า หนูคิดถึง
ซึ่งโดยความจริงแล้วใจเราพ่อแม่นั้นคิดถึงลูกตลอดเวลา
พอลูกเปิดทางให้ ไหนเลยจะรอช้า
ตากะยายก็รีบเผ่นเลย อิอิ..ใครคิดถึงใคร
นะ มันเป็นความสุขนะอ.
ลูกคือดวงใจพ่อ และแม่นี่นา
ขอบคุณค่ะ
ทำเอาป้าเหมียวคนขี้แย ร้องไห้เลย อ่านบันทึกของอาจารย์...เพราะเมื่อถึงเวลาป้าเหมียวก็คงต้องได้ห่างลูกเหมือนกัน..แงๆๆๆ จะทนได้ไม๊เนี่ย สงสัยย้ายไปอยู่ด้วย หรือไม่ก็เรียนใกล้ๆบ้านนี่แหละค่ะ
***** เป็นครอบครัวที่อบอุ่นดีจังนะคะ! *****
สวัสดี ครับ อาจารย์ธนิตย์
ผมเห็นความอ่อนโยนในตัวตนของอาจารย์
...
อาจารย์เป้นพ่อที่น่ารัก...มาก ๆ เลย นะครับ
สวัสดีค่ะ อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นมากกับความเป็นพ่อที่ห่วงใยลูก มันไม่ใช่ความอ่อนแอหรอกค่ะ มันเป็นความรู้สึกดีๆ ที่ออกมาจากใจของคนเป็นพ่อ ดิฉันเองตอนนี้ก็รู้สึกไม่ต่างจากคุณ เหงามากที่ต้องห่างจากลูก ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือผิดที่ให้ลูกไปเรียนไกลบ้าน คิดถึงลูกอยากกอดลูกมาก แต่ละคืนที่ผ่านมันทรมานมาก คิดถึง เป็นห่วงสารพัด พยายามตัดใจว่าเพื่ออนาคตของลูก บางคืนคิดมาก เครียด นอนไม่หลับสารพัดอย่าง ต้องอดทนอย่างมาก นี่แหละหัวอกของคนเป็นพ่อแม่
สวัสดีค่ะคุณครูธนิตย์
เมื่อเสาร์อาทิตย์ที่แล้ว ที่เชิงดอยมีรับน้อง และขึ้นดอยกันคะ ปูได้ข่าวแล้ว คิดถึงๆ ๆ จัง
ความรักของพ่อแม่ รักแท้ไม่มีเงื่อนไข เป็นพันธนาการหัวใจ ที่เปี่ยมสุข ขอบคุณค่ะ ;)
มีลูกสาวคนเดียว แต่ก่อนคิดถึงลูกเหมือนคุณครู
เดี่ยวนี้ลูกสาวมาทำงานใกล้บ้าน เลยคิดถึงน้อยลง
แต่ก่อนนอนร้องไห้คิดถึงลูก
ขออนุญาตฝากรูปความรักที่มีต่อลูกนะคะ
ไม่ใช่อ่อนแอหากแต่อ่อนโยน....
คิดถึงลูกเหมือนกัน ตอนนี้ 8 เดือน กว่า ไปโรงเรียนแล้ว