... 

ปี 2552 เป็นปีที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดีนัก สิ่งหนึ่งที่เป็นความเสี่ยงของพวกเราทุกคนคือ อาจถูก 'lay off' (เลย์ ออฟ = ให้ออกจากงาน ได้ซองขาว ถูกไล่ออก) นิตยสารไทยแลนด์ BusinessWeek ตีพิมพ์วิธีการป้องกันโดนซองขาว ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟังพร้อมทั้งค้นคว้าเพิ่มเติมครับ 

...

ภาพ 'blue collar worker (คนงานปกเสื้อสีฟ้า หมายถึงคนใช้แรงทำงาน; ศัพท์คู่กันคือ 'white collar' หมายถึงคนทำงานสำนักงาน; 'silver collar' หมายถึงคนงานที่ไม่ใช่คนหรือหุ่นยนต์)' หรือสาวโรงงานสมัย 1940s (1940-1949 หรือ พ.ศ. 2483-2492)

ยุคนั้นเป็นช่วงสงครามโลก ผู้ชายไปตายกันนักต่อนัก ผู้หญิงเลยต้องทำงานหนักแทน > [ Wikipedia ]

...

 

(1). ทำใจ

• คนที่ตื่นตระหนกเกินไปอาจจะเครียดจนปิดตัวเอง หรือทำอะไรโพล่งออกไปเพียงเพื่อให้ "ได้ทำ" อะไรบางอย่าง การทำอะไรออกไปทั้งๆ ที่ตัวเองเครียดจัดอาจเพิ่มความเสี่ยงโดยไม่จำเป็น เช่น อาจไปชวนคนโปรดของเจ้านายทะเลาะ ฯลฯ

(2). ไม่เครียด

• ถึงแม้คำแนะนำข้อนี้จะ "พูดง่าย-ทำยาก" ทว่า... การนอนให้พอ ออกแรง-ออกกำลังเป็นประจำก็ยังมีส่วนช่วยลดความเครียดได้
• ความเครียดที่มากเกินมีแนวโน้มจะทำให้คนเรามีสมรรถภาพลดลง หรือป่วยจนต้องลาป่วย ซึ่งอาจชี้ช่องให้เจ้านาย "คัดสรร" ซองขาวให้ได้

(3). อย่าเพิ่งขอ

• การขอขึ้นเงินเดือน สวัสดิการ หรือสิทธิพิเศษต่างๆ นั้นอาจนำไปสู่ "ชัยชนะบนความพ่ายแพ้" ได้ เนื่องจากเจ้านายอาจจะมองคนที่ขอโน่นขอนี่เป็น "แพะตัวแรก"
• ทางที่ดีคือ ทำงานให้เกินเงินเดือนเสมอ เช่น ยุค IMF มีคนทำงานคอมพิวเตอร์ท่านหนึ่งไหวตัวทัน รีบทำขยัน ทำงานล่วงเวลาโดยไม่ขอค่าตอบแทน (overtime / OT)... ทำแบบนี้ถึงได้ทำงานต่อ ฯลฯ 

(4). ทำตัว "ขาดฉัน เธอจะรู้สึก"

• พยายามทำตัวให้เป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาในหน่วยงาน มีค่า "เกินค่าจ้าง" หรือเป็น "ตัวทำรายได้ (revenue) ให้หน่วยงานเสมอ

...

• คนขับรถท่านหนึ่งขับรถดีด้วย ซ่อมของสารพัดเก่งด้วย ไม่ว่าจะเป็นช่างไฟ ช่างประปา... แน่นอนว่า ถ้ามีการ "lay off (เลย์ ออฟ = ซองขาว)" โอกาสรอดของคนประเภท "มีน้ำใจ" เช่นนี้จะสูงมาก
• ทุกวันนี้การทำตัวดีอย่างเดียวไม่พอ ถ้าเป็นไปได้... ควรเก็บหลักฐานผลงานที่เป็นรูปธรรม (porfolio / พอร์ตโฟลิโอ = แฟ้มผลงาน) ย้อนหลังไว้ด้วยเสมอ ไปร่วมกิจกรรมอะไรก็ควรถ่ายภาพเก็บไว้ เพราะอาจต้องนำมาใช้ประกอบเมื่อถูกขอให้ "ประเมินผลตัวเอง" วันหลัง

(5). ไม่ NATO

• มีสำนวนล้อเลียนกลุ่มประเทศสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติคเหนือ (NATO / นาโต้) ว่า ดีแต่พูด-ทำไม่เป็น (No action. Talk only.)

...

• คนที่ถูกให้ออกจากงานมีแนวโน้มจะเป็นพวก "นาโต้" คือ ไม่ค่อยแสดงออกว่า รักงานอย่างเป็นรูปธรรม หรือ "รักงานเงียบๆ" ซึ่งการทำเช่นนั้นอาจจะไม่ปลอดภัย
• ผู้เขียนเคยอ่านหนังสือคำแนะนำการทำงานของสิงคโปร์ ซึ่งกล่าวว่า คนเรามีการทำงาน 3 ระดับด้วยกันได้แก่ บริการต่ำกว่าความต้องการ (below expectation) เท่ากับความต้องการ (equals expection) และเหนือความต้องการ (above expectation)

...

• คนที่อยู่รอดจากซองสีขาวได้... ส่วนใหญ่จะเป็นพวกที่แสดงออกว่า รักงาน มีพลัง และมีความคิดสร้างสรรค์ (Be creative & energized)
• ตัวอย่างเช่น ถ้าเป็นพนักงานต้อนรับและลูกค้าถามทางไปไหนสักแห่งก็ควรจะหากระดาษ ปากกาหรือดินสอมา และวาดแผนที่ให้จนลูกค้าพอดี ซึ่งอาจส่งคำชมไปยังเจ้านาย "ทำคะแนน" ได้

... 

(6). เสริมสมรรถภาพ

• คนที่เรียนรู้ทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานเพิ่มขึ้น เช่น ถ้าเป็นพนักงานต้อนรับโรงแรม... ใครเก่งภาษาอังกฤษ จีน หรือภาษาอื่นๆ ที่ลูกค้าต้องการความช่วยเหลือ ฯลฯ แบบนี้คงจะได้คะแนนดีไปก่อนละ

...

• วิธีหนึ่งที่ช่วยให้เราเข้าใจได้ว่า ควรจะเสริมสมรรถภาพด้านใดคือ ให้ลองเปิดหนังสือประเภท "จัดหางาน" ดูว่า ประกาศหางานต้องการคุณสมบัติ "เสริม" อะไรบ้าง และลองสมมติตัวเองเสมอว่า ถ้าเราตกงานวันนี้... เราเก่งพอที่จะไปสมัครงานที่ใหม่ได้หรือไม่ ถ้าไม่พอ... จะต้องรีบแก้ไขปรับเปลี่ยน หรือพัฒนาเรื่องใด
• ตัวอย่างเช่น ถ้าจะทำงานออฟฟิซ (สำนักงาน) ทุกวันนี้ คงต้องใช้โปรแกรม "ออฟฟิซ" เป็น เช่น พิมพ์งานได้ทั้งไทย-อังกฤษ ฯลฯ ได้ และจะดีขึ้นถ้าทำอะไรได้ "มากกว่านั้น" เช่น จัดทำโปรแกรมนำเสนอ (presentation) งามๆ ให้เจ้านายได้

(7). ลดเงินเดือน

• ผู้บริหารที่ยอมเสียสละก่อนคงจะหายากมากๆ ทว่า... คุณเดวิด บาร์เกอร์ CEO สายการบินเจทบลูลงทุนลดเงินเดือนตัวเองก่อนลดค่าใช้จ่ายอื่นๆ รวมทั้งลดจำนวนพนักงานโดยความสมัครใจ
• ถ้าผู้บริหารเสียสละบ้าง (ไม่จำเป็นต้องมาก) โอกาสได้ใจลูกน้องจะสูงมาก ทีนี้ถ้าลูกน้องยอมลดเงินเดือนหรือสวัสดิการในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำบ้าง... แบบนี้ก็น่าจะดีกว่าต้องเลิกจ้างใครสักคนเหมือนกัน

(8). ไม่ใช้จ่ายเกินตัว

• ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ตอนฮิตเลอร์บุกโปแลนด์... ตลาดหุ้นลอนดอนดิ่งลงอย่างแรง แต่เมื่อฮิตเลอร์บุกมากขึ้นเรื่อยๆ จนยึดปารีสได้ ตลาดหุ้นกลับดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยาวนาน

...

• เบื้องหลังของเรื่องนี้คือ ประวัติศาสตร์สอนเราว่า การกินอะไร "คำใหญ่" เกินไปนั้นมักจะกินได้ไม่นาน ('Big bite' lives no long.)
• ชีวิตจริงก็เช่นกัน... ไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีหรือร้าย คนที่มีวินัยในการใช้เงิน ไม่ใช้เงินเกินตัว ไม่ผ่อนอะไรๆ จนเกินกำลัง ไม่มีหนี้หรือมีแต่ที่จำเป็นจริงๆ มักจะอยู่รอดปลอดภัยกว่าเสมอ

(9). อย่าลืมชื่นชม

• เวลาไปทำงาน... อย่าลืมแสดงความชื่นชมคนรอบข้างให้ได้อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง พยายามมองแง่ดีของคนทุกคนให้ได้ไม่ว่าจะร้ายเพียงใด (คนเลวก็ยังมีส่วนดีบ้างเสมอ) แล้วพยายามชมคน "ไม่ซ้ำกัน" ให้ได้ทุกวัน เพื่อเสริมสร้างการมองโลกในแง่ดี

...

• คนที่ถูกแจกซองมีแนวโน้มจะเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย หรือขาด "พันธมิตร (alliance = พรรคพวกเพื่อนฝูง)" ในหน่วยงาน
• การแสดงความชื่นชมคนรอบข้าง โดยเน้นชมการกระทำให้มากกว่าบุคคลจะช่วยให้เป็นคน "น่าคบ" มากขึ้น และมี "เกราะป้องกันตัว" มากขึ้นด้วย

...

(10). ฝึกมอง 2 ด้าน

• ภาษิตจีนที่ว่า "วิกฤตมาพร้อมกับโอกาส" เป็นเรื่องที่ใช้ได้เสมอ ทว่า... ถ้าเราฝึกมอง 2 ด้านให้บ่อย ชีวิตเราจะแกร่งขึ้น และเห็น "ธรรมดา" ของโลก (มีขึ้นมีลง) ได้เร็วขึ้น

...

• วิธีคือ เวลาเราได้อะไรดีๆ (โอกาส - ข้อดี) เข้ามาชีวิต ให้ฝึกมองว่า โอกาสนี้มาพร้อมกับวิกฤต (ข้อเสีย) อะไรบ้าง
• ตรงกันข้ามเวลาเราเสียอะไรไป (วิกฤต - ข้อเสีย) ให้ฝึกมองว่า วิกฤตนี้มีดีอะไรกับเราบ้าง

... 

• เวลามีเหตุการณ์ต่างๆ ในบ้านในเมืองก็เช่นกัน ให้ฝึกมองแบบนี้ไว้เสมอ เช่น น้ำมันแพงดูจะไม่ดี (ข่าวร้าย) ให้ลองมองให้ได้ว่ามีอะไรดีๆ (ข่าวดี) เกิดขึ้นในโลกจากเหตุการณ์นี้ได้บ้าง เช่น ภาวะโลกร้อนจะได้ลดลง พลังงานทางเลือกจะได้ "แจ้งเกิด" เสียที ฯลฯ
• ทีนี้ถ้าน้ำมันถูกซึ่งน่าจะเป็นข่าวดีบ้าง ให้ฝึกมองต่างมุมดูว่า เรื่องนี้ส่งผลร้ายอะไรให้ได้ เช่น ชาวไร่มันสำปะหลังที่เตรียมขายมันไว้ทำแอลกอฮอล์อาจจะลำบาก ฯลฯ ฝึกแบบนี้บ่อยๆ จะทำให้มี "ภูมิต้านทานโลก" มากขึ้นได้

(11). ระวังซึมเศร้า

• ผู้เชี่ยวชาญหลายสำนักกล่าวตรงกันว่า ถ้าจะต้องแจกซองใครละก็... ขอเลือกแพะประเภท "เศร้า-เหงา-เซ็ง" หรือขี้บ่นไว้ก่อน เพราะพวกนี้ทำให้คนอื่นพลอยหมดเรี่ยวหมดแรงไปด้วย
• อาการซึมเศร้าพบได้บ่อยขึ้นในภาวะวิกฤต... การทำแบบทดสอบโรคซึมเศร้าอาจช่วยให้ปรึกษาหมอใกล้บ้าน ทานยาได้ทันท่วงที

...

ถึงตรงนี้... ขอให้พวกเรามีสุขภาพดี และอยู่รอดปลอดภัยจากเจ้า "เลย์ออฟ" ไปนานๆ ครับ

...

ภาษาอังกฤษสบายๆ สไตล์เรา                             

 

ศัพท์ตอนนี้มาจากเนื้อเรื่องคือ 'layoff' หรือ 'lay off' (เขียนได้ 2 แบบ)

• 'layoff' > [ เล่ - ออฟ ] > ความหนักเสียง (accent) = [ หนัก - กลาง ] ตามลำดับ
• ฟัง+ออกเสียงตามเสียงเจ้าของภาษา > คลิก "ลำโพง" & "ธงชาติ" > [ Click ] , [ Click ] 

 

อย่าพูดภาษาอังกฤษโดยไม่ย้ำเสียง (accent) เพราะฝรั่งฟังแล้วไม่ค่อยเข้าใจ

...

 

ที่มา