ตาบอดกับหูหนวกแบบไหนดีกว่า?


 

...

ปีนี้ (2009) เป็นปีครบรอบวันเกิดของท่านอาจารย์หลุยส์ เบรลล์ (Louis Braille เกิดวันที่ 4 มกราคม 1809) ผู้ตาบอดตั้งแต่อายุ 3 ขวบ) ผู้ประดิษฐ์คิดค้นตัวอักษรเบรลล์ให้คนตาบอดใช้ทั่วโลกมาแล้วนับล้านๆ คน

สำนักข่าว BBC จัดทำสารคดีเรื่องสั้น เพื่อระลึกถึงท่านอาจารย์เบรลล์ ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟังครับ

...

ภาพตัวอักษรเบรลล์จาก [ Wikipedia ] 

...

ตอนท่านอายุ 15 ปี... ท่านคิดค้นอักษรเพื่อใช้ส่งข่าวสารให้ทหารนโปเลียน (กองทัพฝรั่งเศส) ในโปแลนด์ ทว่า... ระบบตัวอักษรนี้ใช้ยากเกินไปสำหรับคนตาดี เนื่องจากมีความซับซ้อนสูง และต้องใช้ "สัมผัส" จากปลายนิ้วมืออย่างมาก

ต่อมาท่านจึงพัฒนาเป็นตัวอักษรให้คนตาบอดทั่วโลกใช้ และใช้มาแล้วนับล้านๆ คน >

...

ภาพท่านอาจารย์เบรลล์ > [ BBC ] 

...

ภาพโครงสร้างหลักตัวอักษรเบรลล์ สร้างขึ้นจากจุด 6 จุด โดยพิมพ์แนวดิ่ง 2 แถวๆ ละ 3 จุด

ระบบอักษรเบรลล์เป็นระบบ "ตัวนูน" การพิมพ์ในช่วง 1,900 ปีเศษที่ผ่านมาจึงต้องพิมพ์แบบกดลงไป (ตัวอักษรจะบุ๋มลงไป) พิมพ์จากขวาไปซ้าย แล้วพลิกหน้ากระดาษกลับข้าง (กลับหน้าหลัง) จึงจะได้ตัวอักษรนูน และอ่านจากซ้ายไปขวาได้

ระบบการพิมพ์จากด้านล่างขึ้นบนให้นูนขึ้นโดยตรง และพิมพ์จากซ้ายไปขวา เพิ่งพัฒนาได้เมื่อไม่กี่สิบปีมานี้เอง > ภาพจาก [ Wikipedia ] 

...

จากจุดสู่ตัวอักษร ตัวเลข และสัญลักษณ์ที่ทำให้คนตาบอดทั่วโลกอ่านออกเขียนได้ จุดเด่นมากๆ ของระบบนี้คือ อักษร สัญลักษณ์ หรือตัวเลขแต่ละตัวจะอ่านได้ด้วยปลายนิ้วมือเพียงนิ้วเดียวโดยไม่ต้องเลื่อนนิ้วมือไปมา > ภาพจาก [ BBC ] 

...

คนที่อ่านอักษรเบรลล์ภาษาอังกฤษชำนาญ และอ่านได้แบบ "2 มือ" อ่านได้ประมาณนาทีละ 115 คำ เทียบกับการอ่านหนังสือทั่วไปที่อ่านได้นาทีละ 250 คำ > ภาพจาก [ BBC ]

...

ภาพท่านอาจารย์เดวิด บลังเคทท์ ผู้เล่าเรื่องเป็นคนตาบอด มีน้องหมานำทางนั่งอยู่ข้างๆ ท่านบอกว่า ท่านชอบทำสวน และการทำสวนนี่เองทำให้ปลายนิ้วมือด้าน และอ่านอักษรเบรลล์แทบไม่ได้เลย

คนตาบอดที่ปลายนิ้วมือด้านเปรียบคล้ายคนตาดีที่เป็นโรคต้อกระจก (cataract) คือ จะเห็นภาพเลือนๆ ลางๆ คล้ายมองผ่านกระจกฝ้า > ภาพจาก [ BBC ]

...

ผู้เขียนมีประสบการณ์ไปโรงเรียนคนหูหนวก หาดใหญ่ ประมาณปี 2525... เสียงที่นั่นน่าจะ "เงียบ" ทว่า... กลับดังอื้ออึงยิ่งกว่าโรงเรียนทั่วไปมาก

เด็กๆ พูด "แต่ไม่ได้ยิน" จึงส่งเสียงอ้อแอ้ ป้อแป้ ("แบ๊ะๆๆๆๆ") ดังลั่นไปหมด

...

อาจารย์ที่นั่นเล่าว่า คนตาบอดอาจจะโชคดีกว่าคนหูหนวก เนื่องจากมีโอกาสพัฒนา "ภาษา" ซึ่งอาจพูดและฟังได้อย่างเดียว หรือเขียนด้วยก็ได้ ทำให้มีพัฒนาการเข้าสังคมได้มากกว่า

เรื่องนี้เป็นความเห็นเฉพาะบุคคล ไม่ใช่กฎเกณฑ์ตายตัว เนื่องจากทุกวันนี้มีการพัฒนาภาษามือได้เทียบเท่าภาษาเบรลล์แล้ว

...

คนที่เป็นใบ้ก็ไม่ได้น้อยหน้ากว่ากันมากเท่าไหร่ เนื่องจากอาจได้ยิน เข้าใจภาษาพูด ทว่า... เหมือน "น้ำท่วมปาก" ตลอดชีวิต... พูดอะไรไม่ออก (ยกเว้นมีโอกาสเรียนภาษามือ หรือภาษาเขียน)

ทุกวันนี้การพัฒนาอักษรเบรลล์ ภาษาใบ้ (ภาษามือ) ไปไกลมากๆ มีห้องสมุดเสียงให้คนตาบอดบางคนฟังด้วย และก็มีคนใจดีสละเวลาไปอ่านหนังสือ เพื่อบันทึกเป็นห้องสมุดเสียง หรือ "หนังสือเสียง" ให้คนตาบอดยืมไปฟัง ทางด้านคนหูหนวกก็มีการพัฒนาภาษามือไปกว้างไกลเช่นกัน ดูได้จาก TV ดีๆ จะมีช่องภาษามือเล็กๆ ไว้ใกล้มุมจอ

...

ชีวิตคนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งที่สมบูรณ์พร้อม (perfect) หรือดีที่สุด (best) เสมอไป การทำใจและอยู่กับสิ่งที่ดีรองลงไป (second best) ให้ได้มีส่วนช่วยให้คนเรามีความสุขแบบพอเพียงได้

เมืองไทยเราควรส่งเสริมให้มีโรงเรียนคนตาบอด หูหนวก หรือคนพิการด้านอื่นๆ ให้ทั่วถึง รวมทั้งพัฒนาห้องสมุดรองรับ ทั้งแบบออนไลน์ (อินเตอร์เน็ต) และออฟไลน์ (ห้องสมุดที่มีหนังสือ หรือสื่อการสอนจริงๆ)

...

ถึงตรงนี้... ขอให้กำลังใจกับพวกเราทุกคน ไม่ว่าจะเกิดมา "ได้ดี" หรือไม่เพียงใด ขอให้ชีวิตของพวกเรามีโอกาส "ทำดี" ไว้บ้าง และวันหนึ่ง... คงจะ "ได้ดี" ตามสมควร

 

ถึงตรงนี้... ขอให้พวกเรามีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ

...

ภาษาอังกฤษสบายๆ สไตล์เรา                       

 

  • 'blind' > [ บล้าย - ดึ (d) ] > adjective / คุณศัพท์ = sightless = ตาบอด
  • 'blind' > noun / นาม = คนตาบอด
  • ฟัง+ออกเสียงตามเสียงเจ้าของภาษา > คลิก "ลำโพง" & "ธงชาติ"> [ Click ] , [ Click ]

 

  • 'blindness' > [ บล้าย - เหนส ] > [ Click ] , [ Click ]
  • 'blindness' = sightlessness = (ความเป็นคน) ตาบอด

...

ให้ย้ำเสียง (ทำให้เสียงหนัก) ตรงเสียงที่ใช้อักษรตัวหนาและขีดเส้นใต้ เสียงสุดท้ายที่ใช้ตัวเอียง ให้พูดเบาคล้ายเสียงกระซิบ อย่าพูดภาษาอังกฤษโดยไม่ย้ำเสียง (accent) เพราะฝรั่งฟังแล้วไม่ค่อยเข้าใจ

...

 

ที่มา                                                         

  • Thank BBC > Why Braille is brilliant > [ Click ] > January 2, 2008. 
  • บล็อกของเรามุ่งส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค ไม่ใช่รักษาโรค... ท่านที่มีโรคประจำตัวหรือมีความเสี่ยงต่อโรคสูง ควรปรึกษาหมอที่ดูแลท่านก่อนนำข้อมูลไปใช้
  • ขอขอบพระคุณ > อ.นพ.ศิริชัย ภัทรนุธาพร สสจ.ลำปาง + อ.นพ.โอฬาร ยิ่งเสรี ผอ.รพ.ห้างฉัตร + อ.อรพินท์ บุญเสริม + อ.อนุพงษ์ แก้วมา > สนับสนุนเทคนิค iT.
  • นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ โรงพยาบาลห้างฉัตร ลำปาง > สงวนลิขสิทธิ์ > ยินดีให้ท่านนำไปใช้ส่งเสริมสุขภาพ หรือเผยแพร่ความรู้ได้ ห้ามนำไปใช้เพื่อการค้า > 4 มกราคม 2552.
หมายเลขบันทึก: 233371เขียนเมื่อ 4 มกราคม 2009 23:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (20)

ทีแรกที่อ่านชื่อเรื่องดิฉันคิดว่า หูหนวกน่าจะดีกว่า เพราะอย่างน้อยก็ได้เห็นความสวยงามบนโลกนี้ แต่พออ่านมาจนจบ จริงอย่างที่ว่า....คนตาบอดมีโอกาสพัฒนา "ภาษา" ซึ่งอาจพูดและฟังได้อย่างเดียว หรือเขียนด้วยก็ได้ ทำให้มีพัฒนาการไปสู่ความเป็นคน และความเป็นผู้ใหญ่มากกว่า.... พออ่านตรงนี้เลยว่า อือ...ก็จริงอย่างนั้น

ขอบคุณมากค่ะสำหรับเรื่องในวันนี้ค่ะ

ขอบคุณค่ะ เป็นประโยขน์ต่อการเรียนรู ครูต้อยขออนุญาตนำไปให้เด็กน้อยเรียนรู้ต่อนะคะ

"ชีวิตคนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งที่สมบูรณ์พร้อม (perfect) หรือดีที่สุด (best) เสมอไป การทำใจและอยู่กับสิ่งที่ดีรองลงไป (second best) ให้ได้มีส่วนช่วยให้คนเรามีความสุขแบบพอเพียงได้ "

ชอบ และขอบคุณกำลังใจตรงนี้มากค่ะ

สวัสดีปีใหม่คะคุณหมอ

ขอบคุณค่ะสำหรับสาระดีๆ

ที่มีมาฝากค่ะ

"หูหนวกตาบอด แต่อย่าใจบอด" ใช่ไหมคะคุณหมอ

สวัสดีปีใหม่ครับ คุณหมอวัลลภ

ขอบคุณครับ

การได้ยินสำคัญมากในการพัฒนาภาษา ทางออกทางเดียวคือการพัฒนาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาช่วย

ขอขอบคุณทุกๆ ท่าน ทุกๆ ความเห็น และทุกๆ ความปรารถนาดีครับ...

เรื่องตาบอดดีกว่าหูหนวก

ผมว่าไม่แน่ใจ เพราะผมเป็นคนหูหนวกมาตั้งแต่กำเนิด ผมมีความสุข อ่านได้ เขียนได้ รู้สึกเป็นคน เป็นผู้ใหญ่ ไม่แพ้ใครๆๆ แค่พูดไม่ค่อยชัด ไม่ได้ยิน แต่ทำได้ทุกอย่าง คุณอ่านแล้วคงฟังไม่ขึ้น ไม่รู้ว่าผมจะอธิบายอย่างไรดี เมื่อคุณพบและคุยกับผม คงจะเข้าใจว่า คนหูหนวกไม่เห็นลำบากอะไรนะครับ

เมื่อวานตอนกลางคืน ผมนั่งกินที่อนุสาวรีย์ บังเอิญเห็นคนตาบอด(มีคนช่วยนำทาง)ร้องเพลง ขอเงินใส่ในแก้วพลาสติก ผมสงสารเขามากจนรู้สึกว่า โชคดีที่ผมเป็นคนหูหนวก

ฟ้าแลป

ขอขอบคุณ... คุณฟ้าแลป

  • กล่าวกันว่า "กฎเกณฑ์มีไว้สำหรับยกเว้น (Laws were born to be broken.)"

เรื่องของคุณดีมากๆ และจะเป็นขวัญเป็นกำลังใจให้คนจำนวนมากมีความหวัง มีกำลังใจ

  • อย่าเพิ่งไปเชื่อความเห็นของครูโรงเรียนหูหนวกว่า จะต้อง 100% โลกเราไม่ค่อยมีกฎเกณฑ์ที่อธิบายอะไรๆ ได้ 100%

กฏเกณฑ์ส่วนใหญ่จะอธิบายได้อย่างมาก 60-80%

  • ที่เหลือมีไว้เป็นข้อยกเว้น
  • ผมเองก็เห็นคนหูหนวกจำนวนมากใช้ภาษามือ ส่ง SMS กันได้ดี ยิ่งทุกวันนี้มีโรงเรียนแล้วสบายมาก

ขอขอบคุณมากๆ...

  • ผมเชื่อคุณ  เพราะคนหูหนวกจำนวนมากก็ทำสำเร็จมาแล้ว

ความคิดเห็นของคุณฟ้าแลปทำให้ผมต้องกลับไปแก้ไขต้นฉบับเสียใหม่ นี่เป็นความคิดเห็นที่ดีที่สุดในรอบปี หรือหลายๆ ปีที่ผมเขียนบล็อกมา

ขอเสริมคุณฟ้าแลป
  • อ่านความเห็นคุณฟ้าแลป ระหว่างขับรถ ก็นึกได้ คนหูหนวกอาจขับรถกลับบ้านได้ เพราะสัญญาณไฟ-เขียวก็เป็นสีต้องใช้ตาดู รถตำรวจ/รถดับเพลิง/รถพยาบาล ขอทาง ก็เปิดไฟหวอให้เห็นชัดเจนว่าเป็นเรื่องด่วนขอให้หลบซ้ายก่อน
  • อีกอย่าง เห็นบนจออย่างนี้ โต้กันอยู่ คนตาบอดก็โต้ตอบยาก เว้นแต่จะมีคุณทำโปรแกรมเฉพาะ ที่เมื่อใครจะเขียนบลอก แบบอ่านเนื้อความให้ด้วย ต้องการพิมพ์โต้ตอบความเห็นกด 1 แล้วพิมพ์ (บนแป้นอักษรเบรลล์ แต่ปรากฏเป็นตัวอักษรที่คนทั่วไปอ่านได้
  • ข้อเดียวที่คนหูหนวกจะไม่ได้คือ ภาษาพูด อรรถรสของมัน และการสัมผัสความสวยงามของดนตรีและเพลง

ขอขอบคุณครับ...

  • ขอขอบคุณที่ทำให้คนไทย (รวมทั้งตัวผมด้วย) เข้าใจอะไรๆ และมีมุมมองที่ดีขึ้น

ขอบคุณบันทึกดี ๆ ค่ะ

โดยเฉพาะประโยคนี้

ชีวิตคนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งที่สมบูรณ์พร้อม (perfect) หรือดีที่สุด (best) เสมอไป การทำใจและอยู่กับสิ่งที่ดีรองลงไป (second best) ให้ได้มีส่วนช่วยให้คนเรามีความสุขแบบพอเพียงได้

สวัสดีค่ะ

สวัสดีปีใหม่ค่ะ คุณหมอ
อ่านเรื่องนี้แล้ว คิดว่า หูหนวกดีกว่า อย่างน้อยได้เห็นโลกอันสดใสค่ะ

ขอบคุณอาจารย์ Sasinand ครับ

  • ลองดูนะครับ... ว่า คุณฟ้าแลปนี่เขียนบล็อกเก่งมากๆ เลย ขนาดความเห็นยังโน้มน้าวคนหมู่มากได้
  • เมื่อสูงวัย บีโธเฟน หูหนวก แต่แต่งเพลงได้
  • คนแต่งเพลงได้ ต้องได้ยินเสียงเพลงในใจ
  • หูหนวก แต่ สุนทรียภาพดนตรี ไม่ได้หนวกตาม
  • แต่วัยรุ่นเดี๋ยวนี้ มีปัจจัยเสี่ยงให้หูตึงรุนแรงยามแก่เยอะมาก
  • โดยเฉพาะคนที่ฟังเพลงด้วยหูฟังในที่อึกทึก
  • ที่อึกทึกหากมีระดับความดัง 70 dB การฟังเพลงด้วยหูฟังให้ได้อรรถรสดนตรี ต้องดังขึ้นกว่าระดับเสียงรอบข้าง 100-1000 เท่า หรือก็คือ บวกขึ้นไปอีก 20-30 dB หรือโดยรวมคือ ฟังเพลงดัง 90-100 dB โดยไม่ทันเฉลียวใจ

ทำไมผมใช้เกณฑ์ 100-1000 เท่า ?

  • 100 เท่าของเสียงกวนรอบข้างคือ มีสัญญาณกวนระดับ 1 % ของ signal/noise ratio
  • 1000 เท่าของเสียงกวนรอบข้างคือ มีสัญญาณกวนระดับ 0.1 % ของ signal/noise ratio
  • การฟังดนตรี ปรกติหากเครื่องเล่นมีสัญญาณกวนระดับ S/N=1% จะถูกถือว่าเป็นเครื่องเล่นเพลงคุณภาพต่ำมาก
  • นักฟังดนตรีบางคน เจอสัญญาณกวน 0.1% ก็อาจไม่สบอารมณ์แล้ว เพราะชินกับระดับสัญญาณกวนที่ต่ำกว่านั้น
  • ดัง 100 เท่า คือ เพิ่ม 20 dB
  • ดัง 1000 เท่า คือ เพิ่ม 30 dB

กลุ่มเสี่ยงสูงที่ว่านี้ จะรู้ตัวอีกทีว่าตัวเองมีความเสี่ยงสูงก็ตอนเริ่มหนวกแล้ว

 

ใครไปถึงภาวะตอนนั้น ก็คงสงสัยว่า ตัวเอง ตาบอดก่อนหูหนวก หรือหูหนวกก่อนหูหนวก ที่ไม่เคยทราบคำเตือน...

ตามคนข้างบนมาค่ะ โชคดีที่ตัวเองช่องในใบหูเล็ก เลยไม่ชอบใช้หูฟังตั้งแต่ไหนแต่ไรเพราะมันเจ็บ ยัดเข้าไปก็เจ็บใบหู เลยหมดความเสี่ยงเรื่องนี้ และไม่มีรสนิยมฟังเพลงดังๆ กับพวกเพลงอึกทึก

ขอเล่าเรื่องแปลกๆ ให้ฟังนิดนึงค่ะ เมื่อนานมาแล้วเคยเห็นคนขายของแถวนานาที่เป็นใบ้หยิบมือถือขึ้นมาโทร เกิดความสงสัยเลยหยุดดู ปรากฏว่าเขายืนโทรโดยหันหน้าออกไปที่ถนน ให้โทรศัพท์เป็นตัวเรียกเพื่อนที่ขายของอยู่อีกฝั่ง คิดว่าคงจะเปิดระบบสั่นไว้ เมื่อเพื่อนหันมาก็กดโทรศัพท์ทิ้งแล้วก็เริ่มส่งภาษามือข้ามฝากถนนแทน โห...เล่นใช้ระบบสื่อสารพิเศษแบบนี้นี่เอง ^ ^ ถ้าสายตาไม่ดีนี่คุยไม่รู้เรื่องนะคะ ต้องตาดีด้วย ไม่งั้นจะดูผิด

ขอขอบคุณอาจารย์ wwibul มากๆ ครับ

  • นับว่า ยัง "ลึกซึ้ง" แบบคงเส้นคงวาทีเดียว

ขอบพระคุณมากๆ สำหรับข้อคิดเห็นที่ช่วยให้คนไทยเข้าใจอะไรๆ มากขึ้น

ขอขอบคุณอาจารย์ Little Jazz มากๆ ครับ

  • เคยมีอาจารย์โรงเรียนคนหูหนวกกล่าวว่า

มือถือนี่...

  • นักเรียนหูหนวกใช้กันทุกคน
  • เขาส่ง Sms กันเก่งกว่าคนทั่วไปแยะเลย

ดีใจกับคนหูหนวกด้วยที่ก้าวทันเทคโนโลยี + มีโอกาสมีความสุขมากขึ้นแยะเลย...

  • ขอขอบคุณฟ้าแลปอีกครั้งที่สอนเราให้เข้าใจชีวิตมากขึ้น

- สวัสดีค่ะ

- การที่หูหนวก ทำให้เด็ก อ่านหนังสือ สู้คนตาบอดไม่ได้ การสูญเสียการได้ยิน ทำให้ การอ่านของเด็กจะเป็นลักษณะการจำ เหมือนเราจำภาพ เพราะฉะนั้น ย่อมจำได้ไม่หมด

- คนคาบอด สามารถเรียนหนังสือ จบเป็น ดร. จบปริญญาตรีได้มากมาย มากกว่าคนหูหนวก

- เด็กหูหนวกจะอ่านหนังสือไม่เข้าใจเท่า คนตาบอดค่ะ

ขอขอบพระคุณอาจารย์ tiya... มากๆ ครับ

  • ข้อคิดที่อาจารย์ยกมา คือ คนคาบอด สามารถเรียนหนังสือ จบเป็น ดร. จบปริญญาตรีได้มากมาย มากกว่าคนหูหนวก" มีประโยชน์กับพวกเรา และสังคมส่วนรวมมากครับ....
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท