[ state.md.us ]
ศาสตราจารย์ริชาร์ด ไวส์แมน ผู้เชี่ยวชาญสาขาจิตวิทยา ผู้เขียนหนังสือเรื่อง 'Think A Little Change A Lot' = "คิดเล็กๆ (ที่ทำให้) เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่" แนะนำวิธีทำตัวให้อายุยืนอย่างเป็นสุข ตีพิมพ์สรุปย่อใน 'MailOnline' ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟังครับ
...
(1). Find Happiness = แสวงหาความสุข
...
(1.1). keep a diary = เขียนไดอารี
(1.2). smile, sit up and act happy = ยิ้ม นั่งลง แล้วทำตัวให้มีความสุข
-
ถึงใจจะทุกข์ แต่ถ้าอยากให้มีความสุขก็ต้องลงมือทำดู เริ่มจากยิ้ม 2-3 วินาที นั่งตัวเกือบตรง ทำตัวให้ร่าเริง,
-
อย่าทำตัว "ไหลห่อ-หลังงุ้ม-กุม...-คอตก (โปรดเติมคำในช่องว่าง + ห้ามคิดมาก)" แล้วความสุขมันจะค่อยๆ ซึมซาบเข้ามาเอง
(1.3). buy experiences, not things = ซื้อประสบการณ์, อย่าซื้อของ
-
การไปช็อปปิ้งทำลายความเศร้า สร้อย หงอย เหงาดูเหมือนดี แต่ผลการศึกษาพบว่า คนเราจะรู้สึกดีขึ้นกว่านั้นมาก... ถ้าหยุดช็อป
-
เก็บสตางค์ไปเที่ยว ศึกษาหาความรู้แบบที่ชอบ ฟังเพลงนอกบ้าน ออกไปเดินกับน้องหมา หรือหาอาหารสุขภาพสักมื้อกับเพื่อนที่รู้ใจ
-
การซื้อเสื้อผ้า รองเท้า หรือเครื่องใช้ไม้สอยใหม่ๆ มักจะทำให้คนเรารู้สึกดีขึ้นเพียงช่วงสั้นๆ หลังจากนั้นก็เหี่ยวลงไปอีก ไม่เหมือนประสบการณ์ใหม่ๆ เช่น ไปเที่ยวในที่ที่ปลอดภัย ให้เวลากับเพื่อน หรือน้องๆ (แมว แมว ปลา ฯลฯ) แบบนี้ทำให้มีความสุขนานกว่า
...
(2). Become Persuasive = ทำตัวให้ถูกชังจูงไปในทางที่ดี (น้อมไปสู่กระแสแห่งความสุข)
...
(2.1). take centre stage = อยู่ตรงกลาง
(2.2). ask for a favour = ขอความช่วยเหลือ
-
การศึกษาพบว่า คนที่กล้าออกปากขออะไรเล็กๆ น้อยๆ ในรูป "ขอความช่วยเหลือ" มักจะเป็นที่ประทับใจของผู้ให้
-
ที่สำคัญคือ ให้ขอความช่วยเหลือ "เล็กๆ", อย่าไปขออะไรมากเกิน บ่อยเกิน หรือไปขอของที่คนอื่นแสนหวง เพราะนั่นจะทำลายมิตรภาพแทบจะในทันที
(2.3). make mistakes = ทำผิดเล็กๆ
-
คนเกือบทั้งหมดไม่ชอบ "คุณสมบูรณ์แบบ (perfection)" เช่น คนสวย หล่อ หรือดูดีไปหมดจากปลายผมจรดส้นเท้า ฯลฯ
-
การกล้าทำอะไรผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ทำให้ดูเป็นผู้เป็นคน (make your more human) และดูเป็นคนอบอุ่น (warmer) มากขึ้น
-
ถ้าจะให้ดูดีขึ้น... ทำผิดนิดๆ แล้วต้องกล้า "ขอโทษ" ด้วย เพราะคนส่วนใหญ่ชอบคำ "ขอโทษ"
-
และที่สำคัญ คือ อย่าทำผิดเรื่องใหญ่ๆ หรือทำผิดเล็กๆ บ่อยเกิน เช่น ปล่อยให้รังแคร่วงลงบนไหล่เกิน 10 จุด ฯลฯ ในเวลาสำคัญ
(2.4). gossip positively = ซุบซิบอย่างสร้างสรรค์ (เชิงบวก)
-
การศึกษาพบว่า ผู้ฟังมีแนวโน้มจะมองคนนินทาว่า "เป็นพวกเดียวกัน(กับคนถูกนินทา)" เลยเช่น มองคนที่ชอบนินทาความล้มเหลวของคนอื่นว่า เป็นพวกที่ล้มเหลวในชีวิตคล้ายๆ กัน ฯลฯ
-
ทางที่ดีคือ ซุบซิบอย่างสร้างสรรค์ (เชิงบวก) โดยทำเรื่องการทำดี ความสำเร็จ หรือความคิดสร้างสรรค์ของคนๆ หนึ่งไปบอกต่อคนอื่น... แล้วคนฟังจะเริ่มมองว่า คุณเป็นคนดีแบบนั้นเหมือนกัน
-
ที่สำคัญคือ การซุบซิบอย่างสร้างสรรค์มีส่วนทำให้คนเรามีความสุขเดี๋ยวนั้นทันที ไม่เหมือนการนินทาใส่ร้ายที่จะทำลายทุกฝ่ายไปอีกนาน
(2.5). dine out = ออกไปกินข้าวนอกบ้าน
-
อาหารดีๆ มักจะทำให้คนที่กินข้าวด้วยกันรู้สึกดีๆ... ถ้าอยากรู้จักเพื่อน หรือคนที่รู้ใจก็ควรกล้าออกไปกินข้าวนอกบ้านบ้าง
-
แม้แต่คนที่แสนจะพิถีพิถันเรื่องสุขภาพ... ถ้าเตรียมอาหารไปกินนอกบ้านบ้างก็ยังทำให้โอกาสรู้จักใครต่อใครมากขึ้นมากกว่ากินข้าวที่บ้านทุกมื้อ และทุกวัน
...
(3). Get Motivated = สร้างแรงจูงใจ
...
(3.1). quit fantisising = หยุดฝันกลางวัน
(3.2). make plans = วางแผน
-
ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยที่ทำให้แผนการประสบความสำเร็จได้มีอยู่ 6 ปัจจัยได้แก่ (1). เขียนลงไป (เป็นลายลักษณ์อักษร), (2). บอกเพื่อนๆ หรือคนที่ไว้ใจได้ (ว่าจะทำ), (3). ทำตารางเวลาว่า จะทำอะไรก่อน-หลัง, ...
-
(4). แบ่งงานเป็นขั้นเป็นตอน, ให้รางวัลตัวเองทุกขั้นตอนที่ทำสำเร็จ, และ (5). เตือนตัวเองอยู่เสมอว่า ประโยชน์ที่ได้จากเป้าหมายนี้คืออะไร
(3.3). sieze the day = เริ่มต้นวันนี้
-
สำหรับนักผลัดวันประกันพรุ่ง... ผลการศึกษาพบว่า ถ้าเริ่มต้นทำเสียแต่วันได้ โดยรีบทำเรื่องที่ไม่อยากทำให้ได้ 2-3 นาทีแรก ตรงนั้นจะยากที่สุด
-
เมื่อทำ 2-3 นาทีแรกได้... จะรู้สึกราวกับทำสำเร็จไปกว่าครึ่ง และทำส่วนที่เหลือเสร็จได้ภายในเวลาไม่นาน
-
เพราะฉะนั้นถ้าจับได้ว่า ตัวเราเป็น "นักวิ่งผลัดฯ" ควรรีบทำตัวให้เป็นนักวิ่งผลัดคนแรกในทีม (starter) หยุดฝัน แล้วฝืนทำไปให้ได้ 2-3 นาที หลังจากนั้น... งานจะง่ายขึ้นแยะเลย
(3.4). write your own eulogy = เขียนคำสดุดีตัวเอง (เป็นคำกล่าวสรรเสริญที่ใช้ในงานศพ)
-
ลองเขียนคำสดุดีตัวเอง จดลงไปว่า คุณอยากได้ยินคำสดุดี หรือคำกล่าวเกียรติคุณว่า คุณประสบความสำเร็จอะไรบ้างในงานศพ
-
การจด 'jot down ('jot' / "จ๊อท - t(ท) = จด)" งานเขียนบทนี้จะทำให้ความปรารถนาของคุณ "ตกผลึก (crystalise)" และจะจูงใจให้ปรารถนาที่ดีงามประสบความสำเร็จ
(4). Lose Weight = ลดน้ำหนัก
...
(4.1). eat fast, then slow down = กินเร็วๆ, แล้วกินให้ช้าลง
(4.2). throw away the big plates = ทิ้งจานใบใหญ่ๆ ไป
(4.3). put a mirror in the kitchen = ติดกระจกไว้ในครัว
(4.4). say no to TV dinners = ปิด TV กินข้าว
(4.5). keep a food diary = จดไดอารีอาหาร
(5). Get Ahead = ก้าวไปข้างหน้า
...
(5.1). work alone = ทำงานคนเดียว
-
การศึกษาจำนวนมากพบว่า ความคิดสร้างสรรค์ไม่ได้เกิดจากการทำงานเป็นกลุ่ม การพบปะ (meetings) หรือการระดมสมอง (brainstorming) เสมอไป
-
ความคิดสร้างสรรค์ส่วนใหญ่เกิดเมื่อคนเราอยู่คนเดียว และอยู่กับ '3B' ได้แก่ 'bus' = รถเมล์ (= เดินทางท่องเที่ยว หรือไปในที่แปลกใหม่), 'bath' = อาบน้ำ (= เวลาอาบน้ำ หรือทำอะไรที่สดชื่น), 'bed' = เตียง (= เวลาตื่นนอนใหม่ๆ หรือหลังพักผ่อนเต็มที่)
(5.2). buy a plant = ซื้อต้นไม้
(5.3). pull = ดึง
-
เทคนิคหนึ่งในการเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ คือ ให้นำเรื่องนั้นมาไว้ใกล้ๆ ตัว กลไกที่เป็นไปได้ คือ คนเรามักจะดึงเรื่องที่เราชอบมาไว้ใกล้ตัว ดันเรื่องที่เราไม่ชอบออกไปไกลตัว
-
ตัวอย่างการนำเรื่องนั้นๆ มาไว้ใกล้ตัว เช่น หากระดานเขียนเตือนว่า วันนี้-อาทิตย์เรากำลังจะสร้างสรรค์เรื่องอะไร, หากระดาษ-ดินสอหรือปากกาไว้ใกล้ตัวเสมอ มีไอเดียอะไรดีๆ จะได้รีบจดทันที ฯลฯ
(5.4). a welcome distraction = เว้นวรรคให้เป็น
-
ผลการวิจัยพบว่า ถ้าแก้ปัญหาอะไรไม่ได้... ให้เว้นวรรค หรือหยุดพักสักครู่ เช่น ออกไปเดิน 5 นาที + ขึ้นลงบันได 1 ขั้น + ล้างมือก่อน แล้วล้างหน้าล้างตา + เดินตากลมสักพัก ฯลฯ มักจะทำให้หาทางออกได้ดีกว่าลุยไปเรื่อยๆ ทั้งที่แสนเหนื่อยและเพลีย
-
บางคนคิดหาทางแก้ปัญหาไม่ออก... พอได้ไปนอนหรืองีบสักพัก คิดออกก็มีมากไป เพราะฉะนั้นอย่าลืมพกกระดาษ ปากกา ดินสอ หรือเครื่องบันทึกเสียง (พูดแล้วบันทึกไว้) ติดตัวเสมอ ใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกเสียงก็ได้นี่
(5.5). lighten up = เครียดไปก็พักเสีย
-
สมองเราแทบจะหยุดความคิดสร้างสรรค์ หรือแก้ปัญหาเมื่อความเครียดสูงเกิน... ควรหาทางลดความเครียดลง เช่น คุยเรื่องขำๆ กัน ฯลฯ แล้วกลับไปทำงานใหม่
-
หน่วยงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ หรือต้องการปั้นไอเดียออกมามากๆ น่าจะมีห้องอาบน้ำ ห้องนอนช่วงสั้นๆ (งีบ) ห้องออกกำลัง หรือห้องที่มองเห็นสวนสารพัดสี เพราะจะทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ได้ง่ายขึ้น
(5.6). talk pets = คุยกันเรื่องน้อง (หมา แมว ปลา ฯลฯ)
-
ถ้าอยากรู้จักบุคลิกภาพคนอื่นแบบเร็ว ให้ถามว่าชอบเลี้ยงอะไร... คนชอบน้องปลามักจะเป็นคนที่มากไปด้วยความสุข; คนชอบน้องหามักจะเป็นคนสนุกสนานร่าเริง;
-
คนชอบน้องแมวมักจะเป็นคนที่เชื่อถือได้-ไว้ใจได้ แต่อ่อนไหว (ต่อความรู้สึก); คนชอบน้องเลื้อยคลาน (สัตว์เลื้อยคลาน เช่น งู ฯลฯ) มักจะรักอิสรภาพ และเป็นตัวของตัวเองแบบสุดๆ ไปเลย
นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ > [ ต่อตอนที่ 2 - Click ]