ผมเพิ่งได้อ่านปาฐกถา เรื่อง Sustainable Democracy ของท่านอดีต นายกรัฐมนตรี อานันท์ ปันยารชุน ที่เป็นถึง Amartya Sen Lecture Series on Sustainable Development ที่ท่านแสดงเมื่อวันที่ ๒๔ มิ.ย. ๕๑ ที่นครบรัสเซลส์ เบลเยี่ยม (อ่านรายละเอียดได้ที่นี่)
จึงเอามาตีความบันทึกไว้ ว่าท่านนายกฯ อานันท์ท่านมองว่าเสาหลักประชาธิปไตยมีถึง ๘ เสา จึงอาจเรียกว่า มรรค ๘ ประชาธิปไตย
๑. การเลือกตั้ง เป็นเสาหลักหนึ่งอย่างแน่นอน แต่ไม่ใช่เสาเดียว ต้องมีเสาอื่นกำกับให้เป็น free and fair election
๒. ความอดทนอดกลั้นทางการเมือง ที่สำคัญที่สุดคือรัฐบาลหรือผู้มีอำนาจทางการเมืองต้องไม่กลั่นแกล้งผู้ไม่เลือกตนในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ต้องอดทนอดกลั้นและเคารพความเชื่อ ความคิดเห็น ที่แตกต่าง ผู้ปกครองบ้านเมืองต้องปฏิบัติต่อผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับตนอย่างเท่าเทียมกันในเรื่องของการได้รับประโยชน์สาธารณะ
๓. การปฏิบัติตามกฎหมาย ของผู้ปกครองบ้านเมือง ผลของความอ่อนแอในการปฏิบัติตามกฎหมาย คือคอรัปชั่นระบาด อำนาจของการบังคับใช้กฎหมายอยู่ที่ความเป็นกลางและเป็นอิสระของศาล ประชาธิปไตยจะพิการ หากฝ่ายบริหาร ฝ่ายตุลาการ ฝ่ายนิติบัญญัติ ภาคธุรกิจ ตำรวจ และทหาร ต่างก็ทำเพื่อประโยชน์ของฝ่ายตน โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของสังคมภาพรวม ในกรณีเช่นนี้ จะมีการหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามกฎหมาย และคอรัปชั่นระบาด
๔. เสรีภาพในการแสดงออก ได้แก่เสรีภาพของบุคคลในการตีพิมพ์เผยแพร่ข้อคิดเห็น เสรีภาพของสื่อมวลชน และการที่รัฐไม่ควบคุมอินเทอร์เน็ต แต่ไม่ได้หมายถึงเสรีภาพไร้ขอบเขต หลักการก็คือประชาธิปไตยที่ดีประชาชนต้องมีโอกาสแสดงออกเพื่อควบคุมผู้ปกครอง
๕. ความรับผิดรับชอบตรวจสอบได้ และความโปร่งใส เพื่อป้องกันการปกครองบ้านเมืองเพื่อผลประโยชน์ตนและพวกพ้อง
๖. การกระจายอำนาจ เพื่อป้องกันอำนาจรวมศูนย์ และเพื่อใช้พลังของความเป็นชุมชน ต่อการอยู่ร่วมกันอย่างราบรื่น การกระจายอำนาจอย่างแท้จริงต้องกระจายเงิน วัตถุ ทรัพยากรมนุษย์ และความสามารถขององค์กร
๗. ประชาสังคม ซึ่งหมายถึงการที่ประชาชนทุกหมู่เหล่าเข้ามาร่วมกันทำกิจกรรมเพื่อสังคมหรือชุมชนในภาพรวม ไม่ยกธุระให้เป็นของฝ่ายปกครองบ้านเมืองทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในด้านการกำหนดนโยบายสาธารณะ และการที่กิจกรรมต่างๆ ของบ้านเมืองเปิดช่องให้ประชาคมเข้ามามีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง ซึ่งหมายความว่า จะไม่มีระบบอุปถัมภ์ทางการเมือง
๘. คุณภาพของผู้นำ ซึ่งหมายถึงผู้นำที่สร้างความเข้มแข็งของเสาหลักทั้ง ๗ ข้างบน ไม่ใช่ผู้นำที่ทำลายเสาหลักทั้ง ๗ อย่างในบางประเทศ
บันทึกเอามาเผยแพร่เพื่อจะบอกว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่แค่เลือกตั้ง ต้องมีองค์ประกอบอื่นอีกหลายตัว ที่บ้านเมืองเรายุ่งยากอยู่ในขณะนี้ก็เพราะความเข้าใจผิด หรือจงใจใช้อำนาจจากการเลือกตั้งครอบงำเสาหลักอื่น หรือเลือกตั้งแบบขี้โกง นี่แหละ
ประชาธิปไตยไม่ได้ประกันความราบรื่นของสังคม แต่ในระยะยาวมันดีกว่าระบอบอื่นๆ แต่ประชาธิปไตยในสังคมใด ก็ต้องได้มาจากการเรียนรู้ของสังคมนั้น และกว่าจะบรรลุประชาธิปไตยที่ดี ก็ต้องใช้เวลายาว เพราะว่าจะมีผู้นำที่ขี้โกง ต้องการรวบอำนาจในทางตรงหรือทางอ้อมเกิดขึ้นเสมอ ประชาชนทั้งสังคมจะต้องเรียนรู้และปรับระบบไปเรื่อยๆ จนถึงจุดที่ระบอบประชาธิปไตยของประเทศมีวุฒิภาวะ ก็จะเป็นประชาธิปไตยจริงๆ คืออำนาจอธิปไตยอยู่ที่ประชาชน โดยมีหลายอำนาจคานกันอย่างได้ดุลยภาพ
ท่านนายกฯ อานันท์ สรุปว่า ระบอบประชาธิปไตยที่ยั่งยืนต้อง empower ประชาชนไม่ใช่แค่ให้สิทธิ์เลือกตั้ง แต่ต้อง empower ผ่านการสร้างระบบคุณค่า วิถีปฏิบัติในสังคม และระบบสถาบัน ที่ส่งเสริมสิทธิ์นั้น และมีแนวโน้มว่าประชาธิปไตยในโลกจะมีลักษณะที่ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมตัดสินใจโดยตรงมากขึ้น ปล่อยให้นักการเมืองตัดสินใจเอง น้อยลง
ประชาธิปไตยเป็นเรื่องของการต่อสู้กันระหว่างฝ่ายที่ต้องการประชาธิปไตยแท้ กับฝ่ายประชาธิปไตยลวง
วิจารณ์ พานิช
๖ ส.ค. ๕๑
การเมืองภาคประชาชน น่าเป็น การ empower ได้ หาก ภาคการเมืองยอมรับ หาก ภาคประชาชนแข็งแรง ภาคการเมืองต้องเปลี่ยนตัวเอง
เห็นด้วยค่ะ
ประเทศไทย อีกกี่ปีจะบรรลุเป้าหมายคะ
ขอบพระคุณอาจารย์มากครับ ที่เอามาเผยแพร่ น่าจะนำไปสอดแทรกในชั้นเรียนทุกระดับตั้งแต่อนุบาลยันปริญญาเอกเลยนะครับ
ความสำคัญอยู่ที่คนเข้าไปมีอำนาจทางการเมือง
นำอำนาจนั้นไปทำประโยชน์เพื่อคนส่วนรวมอย่างแท้จริง
ฉะนั้น ระบบตรวจสอบของผู้เข้าไปทำงานทางการเมืองเป็นเรื่องสำคัญ
ซึ่งสังคมไทยได้ละเลย ไม่สนใจเรื่องนี้มานานหรือสนใจแต่ทำอะไรไม่ได้ เนื่องจากกลัวอิทธิพล
ขอบคุณอา่จารย์สำหรับบทความดี ๆ ครับ
สวัสดีครับอาจารย์
หากเราเห็นว่าบทความนี้ถูกต้องเกี่ยวเกี่ยวประชาธิปไตยจริง...
ผมยังอยากให้ห้าแกนนำในม็อบได้อ่านครับ...
แล้วเขาจะรู้ว่า พวกเขากำลังทำในสิ่งที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย...
ขอบคุณอาจารย์ เราจะต้องร่วมกันเผยแพร่ให้ความรู้ ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องให้กับผู้คนทั่วไปได้รับทราบ การทำความจริงให้ปรากฎ อดทนและให้เวลาซึ่งกันและกัน บ้านเมืองเรายังมีผู้ด้อยโอกาสอีกเยอะ เป็นกำลังใจให้กับคนดีทุกคน
แม้ผมจะด้อยความรู้ในระบบการเมืองการปกครอง แต่เห็นบทความนี้แล้วก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ
การยอมรับให้ีมีการเลืองตั้งไม่ใช่องค์ประกอบอย่างเดียวของระบอบประชาธิปไตย นอกจากจะต้องให้ประชาชนมีสิทธิในการเลือกผู้นำที่เป็นที่ยอมรับของคนหมู่มากแล้ว ยังต้องเคารพความคิดเห็นของผู้อื่น ยอมรับความแตกต่าง และต้องไม่ดูถูกความเห็นของคนทุกสถานะ ต้องปฏิบัติภายใต้กฎหมายแม้ว่ากฎหมายบางข้อไม่ชอบด้วยเหตุผลก็ต้องต่อสู้กันภายใต้กฎระเบียบ และต้องมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นการเก็บข้อมูลในอินเตอร์เน็ต การปิดกั้นอินเตอร์เน็ตและสื่อต่างๆ นับเป็นการทำลายเสรีภาพและสิทธิของประชาชนอย่างรุนแรง และไม่เคารพในการเป็นปัจเจกชนของบุคคลด้วย ที่สำคัญคือสิ่งที่เป็นจุดเด่นของระบอบประชาธิปไตยคือทุกองค์กรต้องตรวจสอบและวิจารณ์ได้ เพื่อเป็นการคานอำนวจไม่ให้แต่ละองค์กรประพฤติมิชอบ และอำนาจต้องไปตกอยู่ในกลุ่มคนเพียงคนหนึ่งคน หรือต่อให้เป็น ห้าคน สิบคน ก็เป็นสิ่งที่ไม่ชอบ ประชาชนทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการปกครอง (และเลือกผู้แทนของตน)
ประชาสังคัมเป็นคำที่ผมไม่ค่อยเข้าใจความหมายกระจ่างนัก แต่ผมเห็นว่าการดำเนินงานทุกด้านควรให้ประชาชนมีส่วนร่วมไม่ทางใดทางหนึ่ง และต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามาดำเนินงานสาูธารณะและเปิดให้มีการแข่งขัน ไม่ใช่การผูกขาดโดยรัฐซึ่งทำให้หน่วยงานรัฐเอาเปรียบประชาชนได้
และผู้ที่จะมาเป็นผู้ปกครองก็ต้องรักษาสภาพทั้ง 7 อย่างข้างบนไว้ ถึงจะสมควรเป็นผู้นำประชาชนในระบอบประชาธิปไตย
แม้ผมจะด้อยความรู้ในระบบการเมืองการปกครอง แต่เห็นบทความนี้แล้วก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ
การยอมรับให้ีมีการเลืองตั้งไม่ใช่องค์ประกอบอย่างเดียวของระบอบประชาธิปไตย นอกจากจะต้องให้ประชาชนมีสิทธิในการเลือกผู้นำที่เป็นที่ยอมรับของคนหมู่มากแล้ว ยังต้องเคารพความคิดเห็นของผู้อื่น ยอมรับความแตกต่าง และต้องไม่ดูถูกความเห็นของคนทุกสถานะ ต้องปฏิบัติภายใต้กฎหมายแม้ว่ากฎหมายบางข้อไม่ชอบด้วยเหตุผลก็ต้องต่อสู้กันภายใต้กฎระเบียบ และต้องมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นการเก็บข้อมูลในอินเตอร์เน็ต การปิดกั้นอินเตอร์เน็ตและสื่อต่างๆ นับเป็นการทำลายเสรีภาพและสิทธิของประชาชนอย่างรุนแรง และไม่เคารพในการเป็นปัจเจกชนของบุคคลด้วย ที่สำคัญคือสิ่งที่เป็นจุดเด่นของระบอบประชาธิปไตยคือทุกองค์กรต้องตรวจสอบและวิจารณ์ได้ เพื่อเป็นการคานอำนวจไม่ให้แต่ละองค์กรประพฤติมิชอบ และอำนาจต้องไปตกอยู่ในกลุ่มคนเพียงคนหนึ่งคน หรือต่อให้เป็น ห้าคน สิบคน ก็เป็นสิ่งที่ไม่ชอบ ประชาชนทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการปกครอง (และเลือกผู้แทนของตน)
ประชาสังคัมเป็นคำที่ผมไม่ค่อยเข้าใจความหมายกระจ่างนัก แต่ผมเห็นว่าการดำเนินงานทุกด้านควรให้ประชาชนมีส่วนร่วมไม่ทางใดทางหนึ่ง และต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามาดำเนินงานสาูธารณะและเปิดให้มีการแข่งขัน ไม่ใช่การผูกขาดโดยรัฐซึ่งทำให้หน่วยงานรัฐเอาเปรียบประชาชนได้
และผู้ที่จะมาเป็นผู้ปกครองก็ต้องรักษาสภาพทั้ง 7 อย่างข้างบนไว้ ถึงจะสมควรเป็นผู้นำประชาชนในระบอบประชาธิปไตย
ต้องขอโทษด้วยครับผมกด back มาหน้าเดิมทำให้ข้อความขึ้นสองครั้ง