ชีวิตที่พอเพียง : 638. เที่ยวคุนหมิง (๒)


ตอนที่ ๑

๗ พ.ย. ๕๑

เราตื่นเช้าตามนิสัย   พอสว่างผมก็ออกไปวิ่งในสวนสาธารณะ ทะเลสาบเขียว    ซึ่งมีคนมาออกกำลังมากมายหลากหลายรูปแบบ หลากหลายกว่าที่สวนลุมมาก   แถมยังมีชมรมนกเสียงระฆังเงิน (ผมตั้งให้เอง)    และนักเดินหมาอีกด้วย

ทั้งวิ่งทั้งถ่ายรูปเสร็จ ผมกลับไปรับหมออมราไปเดินเล่น และถ่ายรูปดารา ในสวนสาธารณะ อีกรอบหนึ่ง   แล้วจึงกลับมากินอาหารเช้าที่โรงแรม    ซึ่งมีอาหารหลากหลายชนิดและอร่อย

 

อ. เจีย มาก่อนเวลานัดและมาคุยกับหมออมรา แล้วจึงออกไปชมหมู่บ้านชนเผ่าในยูนนาน (Yunnan Nationalities Village)   โดยออกจากโรงแรม ๑๐.๔๐ น.   เมื่อไปถึงเราก็ตื่นเต้นกับพุ่มไทรที่สวยงามมาก   แต่คุณจรรยาพิสูจน์ตอนขาออกว่าเป็นต้นปลอม (ทำด้วยซีเมนต์) แต่ใบจริง   ที่จริงเราน่าจะเอะใจแล้วว่าใบไม่เหมือนไทร    ผ่านประตู (ค่าผ่าน ๗๐ หยวน) เข้าไปแล้วก็เช่ารถกอล์ฟมีคนขับและกึ่งไกด์นาไปชมสถานที่ต่างๆ ๒ ช.ม.   เราเลือกชมบางชนชาติที่เราสนใจ   เพราะในยูนนานมีถึง ๒๕ ชนชาติกลุ่มน้อย จาก ๕๕ ชนชาติที่มีในประเทศจีน  

ชนเผ่าที่มีสีสันมากคือว้า เขาเอาประตูว้ามาสร้างไว้หน้าทางเข้า    สังเกตง่ายตรงมีเขาควายประดับ   และมีเกราะไม้ (ตีเกราะเคาะไม้) กับสากไว้ให้ตี   คนว้าผิวสองสี เป็นผิวสองสีที่งาม คือผิวดำแดง จมูกค่อนข้างโด่ง    ชุดประจำชาติสีดำกับแดง  เมืองว้าอยู่ในยูนนานติดกับพม่า    คือว้ากลุ่มหนึ่งอยู่ในพม่า อีกกลุ่มหนึ่งอยู่ในยูนนาน    ประวัติชนชาติว้ามีสีสันมากตรงที่นานมาแล้วมีว้าบางกลุ่มเป็นนักล่าหัวมนุษย์  

เราแวะชมบริเวณหมู่บ้านของชนเผ่าทิเบต   ว้า   มองโกล   โลโล

มองโกลอยู่เต๊นท์    มีเต๊นท์ใหญ่มากตั้งอยู่บนเลื่อนกว้างยาวราว ๒๐ เมตร มีล้อข้างละ ๓ ล้อ สำหรับลากไป    มีบริเวณให้ยิงธนู   ภายในเต๊นท์มีเหล้านมม้าขาย   มองโกลที่ติดอยู่ที่คุนหมิงออกจากเต๊นท์มาอยู่บ้าน   เขาจำลองบ้านมองโกลมาให้ดู   เป็นบ้านไม้      

ชนชาติโลโล เดิมเรียกหยี   แต่เวลานี้คำว่าหยีถือเป็นคำดูถูกเหยียดหยาม    จึงใช้คำโลโล   แต่ที่ป้ายชื่อชนชาติเขายังใช้ Yi   ชนชาตินี้นับถือเสือ    และมีนาฬิกาแดด ๑๒ จักรราศรี   มีเสาหินสลักตั้งเด่นอยู่ตรงศูนย์กลางให้แดดส่องเกิดเงาไปทาบ   มีรูปหัวเสือใหญ่อยู่ด้านหลัง   เขาเป็นนักหมักเหล้า หน้าบ้านมีไหเหล้าขนาดใหญ่วางเต็ม   ได้กลิ่นอบอวล   มีเหล้าให้ชิมราคา ๑ หยวน   มี ๒ อย่าง เหล้าข้าวเหนียว กับเหล้าข้าวโพด   ผมลองชิมเหล้าข้าวโพด ใส่ในจอกเครื่องเขินสวยงาม รสเหมือนเตกีล่า    

 

เรากินอาหารเที่ยงที่ภัตตาคารภายในหมู่บ้านชนเผ่า    อาจารย์เจียเป็นผู้สั่งอาหารตามเคย   จุดเด่นคือมีข้าวหลามที่ไม่ใส่กระทิเป็นข้าว   เรากินแกงจืดเต้าหู้อ่อนกับซี้ไช่   ผักจอไทยใหญ่ (ผักดองต้ม)   เนื้อหมูหั่นเป็นเส้นผัดเต้าเจี้ยว   มะเขือเผา   และปลาย่างจิ้มพริกป่น

 

กินอาหารเสร็จ รถพา อ. เจีย  หมออมรา  และผม ไปยังพิพิธภัณฑ์ชนชาติส่วนน้อยในยูนนาน (Yunnan Museum of Minority Nationalities)   ซึ่งอยู่ตรงข้ามถนน นั่นเอง   แต่เงียบเหงา ไม่มีคน ต่างจากหมู่บ้านชนส่วนน้อยอย่างฟ้ากับดิน    ส่วน อ. ฉัตรทิพย์กับคุณจรรยากลับไปพักผ่อนที่โรงแรม

 

พิพิธภัณฑ์ชนชาติส่วนน้อยใหญ่โตและจัดดีมาก   โดยเฉพาะส่วนที่เป็นพิพิธภัณฑ์ภาษาเขียน  มีเอกสารโบราณ ๘๐๐ ปีขึ้นไป   เขียนบนกระดาษสา    มีตัวอย่างตัวอักษรของทิเบต  ลื้อ  ไทใหญ่  มีนิทรรศการวิธีทำกระดาษสา  

บางชนเผ่าไม่มีภาษาเขียน  แต่มีภาษาสัญญลักษณ์ หรือภาษาที่ไม่เป็นถ้อยคำ    เช่น ใบเกาลัด ๒ ใบเคียงกัน หมายความว่า อยากเคียงคู่กับเธอ   ในเกาลัด ๒ ใบซ้อนกัน หมายความว่า ขอคู่กับเธอตลอดไป   เขารวบรวมมาไว้หลายสิบสัญญลักษณ์ เป็นของหลากหลายชนเผ่า    บางสัญญลักษณ์ ต้องทำขึ้นโดยเอากิ่งไม้เล็กๆ มามัดเข้าด้วยกัน  

ค่าเข้าชมคนละ ๑๐ หยวน   เขาแจกเอกสารคู่มือเข้าชม   แต่เรามีไกด์ กิตติมศักดิ์ คือ อ. เจีย เป็นพจนานุกรมเดินได้ อธิบายอย่างดี   ถ้าไม่ได้ท่านอธิบายเราก็ไม่เข้าใจภาพ เพราะคำอธิบายเป็นภาษาจีนเป็นส่วนใหญ่    เช่นภาพเขียนแสดงความเชื่อในศาสนาตุงปา ของชนเผ่านะซี ที่เมืองลี่เจียงใกล้ทีเบต   เป็นศาสนาพุทธปนผี   (ที่จริงไทยเราก็ถือพุทธผสมผี)

พิพิธภัณฑ์ มี ๒ ชั้น  แบ่งออกเป็น ๘ ห้องจัดแสดง   เราดูได้ไม่ทั่วเขาก็มาไล่ เพราะได้เวลาปิด ๑๖.๓๐ น.   และเราก็เมื่อยขาด้วย โดยเฉพาะหมออมราผู้ไม่ชอบดูพิพิธภัณฑ์   อ. เจียดูจะแข็งแรงกว่าเพื่อน ทั้งๆ ที่ท่านแก่กว่าผม ๑ รอบ   เราดูผ่านๆ ที่ห้องศิลปะชนเผ่า   ห้องเครื่องประดับ  ห้องเครื่องมืออุตสาหกรรมโบราณ (เช่นเครื่องหีบอ้อยควายลาก  ครกกระเดื่อง)

 

เรากลับมาพักแล้ว ๑ ทุ่ม อ. เจียนัดหมอหลิวมารู้จักและกินข้าวด้วยกัน   โดยเดินไปประมาณ ๔๐๐ เมตร ไปที่ภัตตาคารไทยชื่อ Moon Light เจ้าของชื่อคุณสุริยะ อายุ ๓๖   มาอยู่คุนหมิงได้ ๖ ปีแล้ว   อาหารอร่อยมาก โดยเฉพาะปลาช่อนทอดกับตะไคร้หั่นฝอย   กรอบและหอม   ลงท้ายกลายเป็นว่าหมอหลิวเป็นเจ้าภาพเลี้ยงเรา

 

หมอหลิว เป็นแพทย์แผนจีนประยุกต์ ที่เคยมาอยู่ที่ รพ. แพทย์ปัญญา ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๔๓ ๒๕๔๖)   รักษาสาวไทยจนแต่งงานกัน มีลูกชายอายุ ๗ ขวบแล้ว   อยู่กับแม่ที่ปากน้ำสมุทรปราการ    ภรรยาเป็นนักบัญชีบริษัทญี่ปุ่นทำงานที่สีลม

หมอหลิว (Lui Zi Li - หลิวซื่อลี่) อายุ ๔๓   จบหมอตั้งแต่อายุ ๒๐ จากเซี่ยงไฮ้   เวลานี้เป็นรองศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัย Yunnan Traditional Chinese Medical University   เป็นหมอทางคลินิก   บอกว่าเป็น รศ. มา ๑๒ ปีแล้ว มัวแต่ไปทำงานต่างประเทศและทำคลินิกหาเงิน   ไม่ค่อยได้เขียนตำราหรือลงวารสาร   แกเคยไปทำงานที่ปารีส และที่สเปน   ได้เอาตำราที่แกเขียน ตีพิมพ์ปีที่แล้ว เป็นภาษาจีนมามอบให้   ผมถามว่าแกเคยตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษบ้างไหม   ได้คำตอบว่าไม่เคย   แต่แกพูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก และรู้ภาษาไทยพอสมควร   

หมอหลิวมี นศ. ป. โท ๑๒ คน   งานวิจัยที่ทำเป็นการวิจัยทางคลินิก และค้นทาง informatics   แกมีวิธีรักษา Bell Palsy ด้วยยา ว่าได้ผลดีภายใน ๒ สัปดาห์    กำลังทำวิจัยในผู้ป่วยจำนวนมาก   นอกจากนั้นยังมีการวิจัยใช้ยารัษามะเร็ง    แกบอกว่างานวิจัยการรักษาด้วยสมุนไพรไทยที่ตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษและแกค้นได้ เป็นงานที่ตื้น ไม่ก้าวหน้า

วันที่ ๑๒ พ.ย. ผมไปหา รศ. นพ. ทวี เลาหพันธ์ หัวหน้าสถานการแพทย์แผนไทยประยุกต์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล แนะนำให้รู้จักหมอหลิว เอาหนังสือที่หมอหลิวแต่งมอบให้ อ. หมอทวี   และส่ง อี-เมล์ ถึงหมอหลิวให้รู้จักกับ อ. หมอทวี และหลักสูตรการแพทย์แผนไทยประยุกต์ที่ศิริราช   สิ่งที่น่าจะร่วมมือกันคือเน้นด้านการวิจัย   และการส่ง นศ. มาฝึกงานที่นี่    หมอหลิวเล่าว่า ที่ Yunnan TCM University มี นศ. ไทยมาเรียนภาษาจีนมาก จากหลายมหาวิทยาลัย รวมทั้ง มอ. ภูเก็ต  และ มอ. หาดใหญ่ 

ผมได้ความรู้จากหมอหลิวว่า แกมีรายได้ ๓ ทาง    คือเงินเดือนจากรัฐบาลในฐานะอาจารย์  เงินเดือนจากโรงพยาบาล จากการดูแลผู้ป่วย   และรายได้จากการดูแลผู้ป่วยส่วนตัว    แกรับไปรักษาตามบ้านด้วย   พรุ่งนี้มีนัดไปดูแลคนมีเงินที่บ้าน เขาส่งรถมารับ-ส่ง ไปใช้เวลารักษา ๑ ชม.   ค่าหมอ ๑,๒๐๐ บาท (คงจะ ๒๐๐ หยวน)    แกบอกว่ารายได้จาก private practice สูงกว่าเงินเดือนจากรัฐบาลหลายเท่า  

 

วิจารณ์ พานิช

๙ ต.ค. ๕๑   ปรับปรุง ๑๐ พ.ย. ๕๑  และ ๑๕ พ.ย. ๕๑

โรงแรม Green Lake, คุนหมิง

 

1.ในสวนสาธารณะมีกลุ่มรำมวยจีนเป็นฉากหลัง

2.ต้นไทรปลอมหน้าหมู่บ้านชนกลุ่มน้อย

3.นั่งรถชมบริเวณหมู่บ้านชนส่วนน้อย

4.หน้าวัดทิเบตจำลอง

5.บันไดมีดที่หมู่บ้านลีซอ

6.หมู่บ้านไทใหญ่

7.เกราะไม้แกะสลักรูปเขาควาย หมู่บ้านว้า

8.สาวว้า จมูกโด่ง ตาโต ผิวดำแดง สวย

9.หนุ่ม -สาวและบ้านว้า
10.กระโจมจำบองที่หมู่บ้านมองโกล ขนาดใหญ่มากและมีล้อให้วัวลาก

11.หนุ่มมองโกลขายเหล้านมม้า

12.รูปเจงกิสข่านกับกระถางธูป ประดับเขาแพะภูเขา

13.บ้านมองโกลที่เมืองคุนหมิง

14.ปฏิทินเงาดวงอาทิตย์ที่หมู่บ้าน ชนเผ่าโลโล(หยี)

15.เผ่าโลโลนักหมักเหล้า ผมชิมเหล้าข้าวโพดจากจอกเครื่องเขินนี้

16.สาวไตจากเมืองติ่ง

17.พิพิธภัณฑ์ชนกลุ่มน้อย

18.เอกสารโบราณอายุกว่า 800 ปีของชนเผ่าต่างๆ

19.การสื่อสารที่ไม่ใช้ถ้อยคำ ใบเกาลัด 2 ใบคู่กัน พร้อมคู่ครองกับเธอ

20.ไตเมืองมาวที่ร้านขายหนังสือ

 

 

หมายเลขบันทึก: 225752เขียนเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2008 08:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:55 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

กระผมมีเพื่อนป่วยเป็นมะเร็งปอด อยากไปหาหมอจีน ที่ คุนหมิง ยูนนาน พอมีใครทราบรายละเอียดบ้างครับ

ติดต่อ จอห์น081-9394085 [email protected]

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท