นี่คือรายการที่กรรมการรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลฯ รอคอย รายการของปีที่แล้วอ่านได้ที่นี่ ๑, ๒
ปีนี้การเดินทางถูกเปลี่ยนกระทันหัน จากที่วางแผนมากว่าปี ว่าจะลงไปนราธิวาสและหาดใหญ่ มาเป็นไปภาคกลางใกล้ๆ แทน เพราะทางใต้พายุเข้า ฝนตกและน้ำท่วม และเวลาก็ต้องหดสั้นลง จากเดิมเริ่มบ่ายวันที่ ๑๓ พ.ย. เป็นเริ่มออกเดินทางเช้าวันที่ ๑๔ และใช้เวลาเพียงวันครึ่ง แต่กำหนดการก็แน่นมาก ได้ไปชมกิจการต่างๆ มากมาย
แม้จะกระทันหัน ทีมจัดการเดินทางก็จัดได้ดี คือใน ๑ ๑/๒ วัน จัดไป ๖ ที่ วันที่ ๑๔ พ.ย. เช้าไป ๒ ที่ บ่ายไป ๒ ที่ และวันที่ ๑๕ เช้า ไป ๒ ที่ เราได้ไปเห็นสถานที่น่าสนใจในหลากหลายด้าน และได้ไปเห็นในมิติหรือสภาพที่ยากจะได้ไปเห็น หากเราไปเอง ปัญหาที่เราเผชิญคือดินฟ้าอากาศ ที่อากาศร้อนอบอ้าวมาก แต่ก็โชคดีที่เราไม่โดนฝนเลย ทั้งๆ ที่ช่วงนั้นในกรุงเทพฝนตก
เช้าวันที่ ๑๔ พ.ย. ๕๒ เราไปรวมกันที่โรงแรมโอเรียนเตล นั่งรถตู้ไปยังวังสระปทุม แล้วเข้าไปนั่งรอในห้องรับแขก ก่อนเวลา ๘.๓๐ น. เล็กน้อยสมเด็จพระเทพรัตน์ก็เสด็จมาขึ้นรถ ซึ่งเป็นรถบัสของทหารบก ด้วยความสะดวกที่เขาปิดถนนและมีรถตำรวจนำ เพียงไม่ถึง ๒๐ นาทีเราก็มาถึงท่าน้ำปากเกร็ด มีคนมาเฝ้ารับเสด็จเนืองแน่น ทางจังหวัดนนทบุรีจัดเรือข้ามฟากถวาย มีทั้งทหารเรือและตำรวจน้ำมาอารักขามากมาย
เนื่องจากในคณะมีภรรยาของกรรมการที่เดินไม่สะดวก ๒ คน และคนอื่นๆ อีกหลายคนก็อายุมาก ทางสำนักพระราชวังจึงเตรียมรถเข็นไปบริการ ผมลงเรือลำที่ขนของรวมทั้งรถเข็น ซึ่งจะไปเทียบท่าหนึ่ง และแม้จะออกทีหลัง ก็ไปถึงก่อน เพื่อเอารถเข็นไปบริการ
พอขึ้นไปบนเกาะ ก็มีรายการแสดงวัฒนธรรมขนมมอญหลากหลายชนิด ขนมที่มีที่นี่แห่งเดียว คือขนมหัวผักกาด กับขนมหันตรา ขนมหัวผักกาดทำจากหัวผักกาดเค็ม เขาบอกว่ากวนด้วยมือถึง ๓ ชั่วโมง ส่วนขนมหันตราก็คือเม็ดขนุนนั่งเอง แต่โรยหน้าด้วยน้ำค้างไข่ ที่ทำด้วยไข่ขาวผสมน้ำตาลทำให้เป็นเส้นแบบเดียวกันกับฝอยทอง เราได้ชิมขนมกันถ้วนหน้า
แล้วจึงไปที่หอไทยนิทัศน์เครื่องปั้นดินเผา มีการแกะลายที่ประณีต และการคิดค้นวิธีเผาที่ทำให้หม้อดินเผามีสีแตกต่างกัน ช่างคนหนึ่งชื่อคุณธวัชชัย เชื้อเต็ง บอกว่าเพิ่งคิดค้นวิธีเผาให้ได้สีเทาดำเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขายเครื่องปั้นดินเผาที่เป็นถ้วยมีฝาปิด แกะลายเป็นลายไทย ชุดหนึ่งมี ๙ ชิ้น ราคา ๒๐,๐๐๐ บาท คุณธวัชชัยกำลังค้นคว้าวิธีเผาให้เครื่องดินเผาชิ้นเดียวกัน มีสีแตกต่างกัน ผมให้ความเห็นต่อคุณธวัชชัยว่า ให้ขายของที่ทำอย่างสุดฝีมืออย่างนี้ในฐานะศิลปะ ไม่ใช่ในฐานะภาชนะ
ที่อาคารเดียวกัน ชั้นบนเป็นพิพิธภัณฑ์รัชกาลที่ ๕ ผมได้ความรู้ว่าชาวมอญอพยพมาอยู่ที่เกาะเกร็ด พ.ศ. ๒๓๑๗ สมัยพระเจ้าตากสินมหาราช ชุมชนเกาะเกร็ดใกล้ชิดกับราชวงศ์มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ เพราะทรงเสด็จมาทอดกฐินที่วัดมอญทั้ง ๔ วัด และทรงโปรดให้บูรณะวัดปากอ่าวแล้วเปลี่ยนชื่อเป็นวัดปรมัยยิกาวาส ในความหมายว่าเป็นวัดที่สร้างอุทิศถวายยาย ที่นี่จึงมีของเก่าที่เกี่ยวข้องกับ ร. ๕ เก็บสะสมอยู่ แต่น่าเสียดายที่อยู่ในสภาพรกรุงรังและแคบ ไม่มีการจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ที่สวยงามและให้ความรู้แก่ผู้มาชม คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี ซึ่งตามเสด็จสมเด็จพระเทพรัตน์ฯ ครั้งนี้ด้วย มาปรารภกับผมว่า จะบริจาคเงินสร้างพิพิธภัณฑ์ให้เป็นหลักเป็นฐาน ซึ่งน่าอนุโมทนาเป็นอย่างยิ่ง
ศ. นพ. ปิยะสกล สกลสัตยาทร ชี้ให้ผมดูตะเกียงโบราณ ที่เรียกว่าตะเกียงหลอด ที่มีหลอดแก้วจารึกว่าเป็นของที่ระลึกงานพระบรมศพพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ และบอกว่า ถ้าใครทำแตกเสียดายแย่ ตะเกียงนี้เก็บไว้รวมๆ กับของอื่นอีกหลายอย่าง โดยไม่มีแผ่นป้ายอธิบายความสำคัญ
เราเข้าไปกราบพระและชมจิตรกรรมฝาผนังภายในโบสถ์วัดปรมัยยิกาวาส ที่โบสถ์อายุ ๑๓๖ ปี ส่วนภาพเขียนมีการบูรณะในปี ๒๕๔๑ – ๔๗ พอเสร็จก็พอดีน้ำท่วมใหญ่ในปี ๒๕๔๙ ความชื้นทำให้ภาพหลุดลอกต้องซ่อมใหม่อีก เราจึงไปพบนั่งร้านสำหรับซ่อมภาพอยู่
แล้วเราเดินชมบรรยากาศของชุมชนไปยังโรงงานเครื่องปั้นดินเผา ซึ่งทำงานแบบโรงงาน ซึ้อดินมาจากจังหวัดปทุมธานี เอามาหมักไว้ ๑ คืนก็ผสมกับทราย มีเครื่องผสมและนวดออกมาเป็นก้อน แล้วนวดกับน้ำอีก ออกมาเป็นก้อนขนาดพอเหมาะที่จะปั้นขึ้นรูปเป็นภาชนะที่ต้องการ เมื่อแห้งแล้วจึงนำไปเผา
ตัวเตาเผาเป็นแบบจีน ขนาดใหญ่มาก ใช้การเผาฟืนเป็นแหล่งความร้อน เขามีป้ายเขียนรูปและคำอธิบายไว้ให้ น่าจะถือได้ว่าเป็นเตาเผาโบราณที่ยังใช้มาจนถึงปัจจุบัน
เป็นพระตำหนักส่วนพระองค์ อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงกันข้ามกับวัดบางพังที่ผมไปเที่ยวบ่อยๆ และองค์สมเด็จพระเทพรัตน์ฯ ก็ทรงบรรยายเล่าว่าทางวัดมีการกระจายเสียงสร้างมลภาวะทางเสียงมายังวังของพระองค์ท่านด้วย
เมื่อไปถึงทรงนำพวกเราไปยังเรือนกระจกปลูกต้นมะเดื่อ (fig) ที่ทรงรวบรวมมาจากทั่วโลกถึง ๔๕ สายพันธุ์ เป็นเรือนกระจกขนาดใหญ่มาก สูงกว่า ๑๐ เมตร ยาวประมาณ ๕๐ เมตร มีเครื่องฉีดละอองน้ำออกมาจากหลังคา เพื่อให้ความชื้น นอกจากนั้นที่พื้นดินโคนต้น ยังคลุมด้วยแผ่นพลาสติกเพื่อป้องกันความชื้นระเหย
ก่อนจะเข้าไปในเรือนกระจก เขามีผลมะเดื่อวางไว้ในจานให้หยิบชิม มีทั้งชนิดสดและชนิดแห้ง เมื่อกินชนิดแห้งผมก็จำได้ทันทีว่าเคยกินเมื่อหลายเดือนมาแล้ว โดยเพื่อนของลูกสาวซื้อมาฝากจากญี่ปุ่น
เมื่อเข้าไปในแปลง ท่านผู้นำชมบอกว่าลูกที่สุกแล้วปลิดชิมได้ ผมจึงช่วยปลิดให้แขกชาวต่างประเทศ และสุดท้ายให้แก่ตัวเอง ๑ ลูก ท่านอธิการบดี ศ. นพ. ปิยะสกล บอกว่า ราคาลูกละ ๒๕ บาท
บ้านสวนปทุมเริ่มสร้างปี ๒๕๓๔ เวลานี้มี พระตำหนัก และอาคารพิพิธภัณฑ์ ๖ อาคาร เราไปรับประทานอาหารเที่ยงที่พระตำหนัก แล้วทรงบรรยายเรื่องบ้านสวนปทุมย่อๆ ว่าเวลานี้ใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ส่วนพระองค์ ที่มีการจัดหมวดหมู่และแสดงรายละเอียดของสิ่งของไว้อย่างเป็นระบบ ใช้เวลาประมาณ ๑๐ นาที แล้วเดินทางต่อ
สาวน้อยเขาไม่ได้ร่วมโต๊ะเสวย เขาเลยโชคดีได้ไปชมพิพิธภัณฑ์ ๒ อาคาร บอกว่าของสวยมาก
วิจารณ์ พานิช
๑๕ พ.ย. ๕๒
เรือพระที่นั่งอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยา เห็นเจดีย์มอญวัดปรมัยยิกาวาสเด่นเป็นสง่า |
ขนมหันตรา
|
ขนมผักกาด |
เครื่องปั้นดินเผาต่างสี |
ภายในพิพิธภัณฑ์ ร. ๕ รกอย่างนี้ |
ภายในโบสถ์วัดปรมัยยิกาวาส |
ภาพฝาผนังโบสถ์ |
บานประตูหน้าต่างโบสถ์อันงดงาม |
บรรยากาศภายในโรงงานปั้นหม้อ |
ผลมะเดื่อสดและแห้ง |
ภายในเรือนกระจกปลูกต้นมะเดื่อ |
ผลมะเดื่อ |
สิ่งของในพิพิธภัณฑ์บ้านสวนปทุม |
เครื่องเซรามิกส์ในพิพิธภัณ์บ้านสวนปทุม |
ขอบคุณค่ะ สำหรับข้อมูล ทำให้รู้จักขนมหันตรา ส่วนผลมะเดื่อผลละ 25 บาท อยากเห็นรูปค่ะ ดิฉันรู้จักแต่มะเดื่อผลเล็ก ๆ สีเขียว ผลเป็นช่อ ที่ทางใต้ใช้จิ้มน้ำพริก
ท่านคะถ้าจะไปเที่ยวเกาะเกร็ดฟดูไหนจะสดวกที่สุดช่วยแนะนำด้วยค่ะ
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณมากค่ะสำหรับความรู้ที่ได้รับจากท่าน
ศิริวรรณค่ะ
ขอบคุณค่ะที่ได้รับการแบ่งปันความรู้..เป็นที่น่าเที่ยวอีกแห่งหนึ่งนะคะ..