ทบทวนชีวิตใน ๑ เดือน


จะว่ายุ่งก็ยุ่ง จะว่าสนุกก็สนุก ที่ดีที่สุดคือได้เรียนรู้อย่างไม่หยุดหย่อน

ทบทวนชีวิตใน ๑ เดือน  

         ชีวิตมันหมุนเร็วเสียจนไม่มีเวลาทบทวน     วันนี้ (๙ กค. ๔๙) เป็นวันแรกที่ได้อยู่บ้านหลังจากไม่มีโอกาสพักผ่อนหย่อนใจอยู่กับบ้านมานานหลายสัปดาห์  

         เดือนมิถุนายน มีเหตุการณ์ใหญ่ๆ คือ
            ๑. ไปงานรับปริญญาลูกสาวที่บอสตัน   และได้เที่ยว ๓ วัน
            ๒. รับหน้าที่นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล    ซึ่งจะทำให้ผมต้องปรับชีวิตการทำงาน    กว่าจะลงตัวคงจะใช้เวลา ๖ เดือน
            ๓. สคส. เกิด Externship Program ที่มีแนวโน้มว่าจะก่อผลดีต่อระบบ KM ของบ้านเมืองขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง
            ๔. ระบบ บล็อก Gotoknow ทำท่าว่าจะกลายเป็น KM Platform ที่ยิ่งใหญ่สำหรับสังคมไทยในระดับที่เราไม่คาดคิดมาก่อน    ต้องขอบคุณ ดร. จันทวรรณ และ ดร. ธวัชชัยแทนประเทศไทย
           ๕. ที่ สคส. เราพบเครื่องมือ ที่จะว่าใหม่ก็ใหม่ จะว่าไม่ใหม่ก็ไม่ใหม่ คือ Appreciative Inquiry    ที่จะช่วยให้การทำ KM มีพลังมากอย่างไม่คาดคิด    ที่จริงเราใช้ AI มานานแล้ว    แต่ใช้แบบไม่เข้าใจทฤษฎี    ตอนนี้เรากำลังขมักเขม้นเรียนรู้ทฤษฎี
           ๖. จะมีงานใหม่ที่ท้าทายให้ผมทำอีกชิ้นหนึ่ง ที่ทำให้ผมต้องปรับตัวและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อีก    งานนี้จะมาจริงในเดือนตุลาคม
           ๗. เรากำลังเตรียม "มหกรรม KM ราชการไทย สู่ LO" ซึ่งจะจัดในวันที่ ๒๑ กค. ๔๙    เป็น Workshop ปิด ไม่รับผู้สนใจเข้าฟังเป็นรายบุคคล    เราหวังว่าน่าจะเกิดคุณูปการต่อราชการไทยอย่างใหญ่หลวง     หลักการของเราคือจัดเป็นเวที ลปรร.    ให้หน่วยราชการที่เราไป "จับภาพ" ได้ว่าทำ KM ของแท้ และได้ผลดีในระดับหนึ่งมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับหน่วยราชการอื่นๆ รวม ๒๒๗ หน่วยทั่วประเทศ    สคส. ทำหน้าที่ "คุณอำนวย" ไม่ใช่ทำหน้าที่ "ผู้รู้" 

         ๘. ได้ทดลองวิธีการให้คนได้เรียนรู้แบบ "ไม่สอน" ในหลายสถานการณ์     น่าจะใช้ได้ในระดับหนึ่ง 

วิจารณ์ พานิช
๙ กค. ๔๙

หมายเลขบันทึก: 37890เขียนเมื่อ 9 กรกฎาคม 2006 10:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:19 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
Appreciative Inquiry คืออะไรคะอาจารย์
เข้าไปใน gotoknow.org   คลิกที่ค้นหา    แล้วใช้ Google ค้นด้วยคำหลัก "Appreciative Inquiry" จะได้คำตอบ    เราเขียนบันทึกเรื่องนี้ไว้มากมายครับ
    ขอบพระคุณครับ อ่านแล้วทำให้ได้สติว่า น่าจะทำการทบทวนตัวเองบ้าง ว่าที่วุ่นๆอยู่นั้น คัดกรองแล้วมีอะไรเหลือเป็นแก่นสารจริงๆแค่ไหน ปกติก็ลุยไปเรื่อยๆ  ไม่ค่อยได้นั่งทบทวนอย่างจริงจัง
    "สอนแบบไม่สอน" ชอบใจครับ  ตรงกับสิ่งที่ทำอยู่เลย  และก็สนุกกว่า "สอนแบบสอน" แต่ความเหนื่อยยากดูจะมากกว่าการสอนแบบเดิมๆ เพราะต้องเตรียมการ ดูแล ช่วยเหลือ ติดตาม ไปตามความหลากหลายของผู้เรียน การเรียนรู้ดูจะมีความหมายและมีชีวิตชีวาขึ้นมาก  ในกลุ่มนักศึกษาสายครูผมเคยใช้ประโยคเตือนใจให้เขาคิดว่า " ถ้าไม่อยากให้เด็กโง่ ก็อย่าสอนเขามากนักเลย " ... ให้โอกาสเขาได้เรียนรู้มากๆดีกว่า !
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท