อ่าน เรียนรู้ชีวิตกลางคืน...ผ่านบาร์อะโกโก ้ ของคุณจตุพร แล้วรู้สึกอยากจะส่งความผ่านไปยังผู้หญิงอีกมากมายที่อาจกำลังหลงผิดกับชีวิต
ดิฉันฝากความเห็นไว้ว่า
ดิฉันมองว่าผู้หญิงหลายคนตกเป็นทาสของวัตถุนิยม และการยึดถือในคุณค่าของความเป็นหญิงนั้นถดถอยลงไป เห็นง่ายๆ ชุดนักศึกษาหญิงที่โป๊มากขึ้นทุกๆ วัน เสื้อบาง กระดุมปริ กระโปรงสั้นและผ่า ผู้หญิงด้วยกันเห็นแล้วยังรู้สึกอายแทน
อยากฝากบอกผู้หญิงที่กำลังท้อถอยในชีวิตที่บังเอิญเข้ามาอ่านบันทึกนี้ว่า หนทางดีๆ ยังมีอีกมากมาย ถ้ายังไม่สิ้นหวัง และ ไม่เปรียบเทียบชีวิตกับคนอื่นที่เราสู้เขาไม่ได้ตั้งแต่กำเนิดแล้ว
ชีวิตคนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกได้ว่าจะมีชีวิตอย่างไร และโดยเฉพาะลูกผู้หญิง คุณค่าของความเป็นหญิงจะเป็นตัวช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพและความมั่นใจได้เป็นอย่างดี ดิฉันเชื่ออย่างนี้ค่ะ
ขอฝากบทเพลงนี้แก่ผู้หญิงหลายๆ คน
เพลง ดอกไม้ใกล้มือ
คำร้อง แก้ว อัจฉริยะกุล ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน
มวลเหล่าดอกไม้ใกล้มือ
เป็นสื่อให้คนเด็ดถือชมเชย
เจ้าอยู่ในที่เปิดเผย
เขาใคร่เชยเห็นเจ้าก็เลยเด็ดมา
คนเด็ดก็เพราะมันใกล้
ใครใกล้เด็ดไปสมอุรา
บานล่อใจใครจะรู้ว่า
ต่างปรารถนาจะได้ชม
ทิ้งไว้หมองไหม้เสียเปล่า
ขืนปล่อยเจ้าผึ้งไม่เคล้าก็เฉาด้วยลม
ทิ้งไปให้ตรมเหยื่อผึ้งเหยื่อลม
ให้คนเขาชมดีกว่า
ดีกว่าจะทิ้งคาต้น
โรยหล่นผู้คนไม่เห็นราคา
เจ้าใกล้มือเจ้าต้องถือว่า
ไม่ใช่ดอกฟ้าที่อยู่ไกล
อาจารย์ตีความหมายบทเพลงนั้นอย่างไรครับ ผมไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าใดนัก อาจเพราะความหมายของเพลงหรือเปล่าจึงทำให้นิสิตานักศึกษา แต่งตัวยั่วยวนสายตาและอารมณ์มากขึ้น ปัญหาของคำที่ต้องตีความก็คือ "ทิ้งไปให้ตรม เหยื่อผึ้งเหยื่อลม ให้คนเขาชมดีกว่า" นี่แหละครับ
วันนี้ยังมีการวิจัยพบว่า เด็กหญิงระดับมัธยม ถูกเพื่อนชายฟันครึ่งต่อครึ่ง นี่คืออะไรครับ
ขอบคุณอาจารย์มากค่ะที่เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นในบล็อกนี้ค่ะ
ดิฉันชอบเพลงนี้มากค่ะ ทั้งเนื้อร้องและทำนอง ในเนื้อร้องซึ่งแต่งโดยครูแก้ว อัจฉริยะกุล ดิฉันมองว่าท่านเขียนออกมาในลักษณะที่สื่อถึงความคิดของผู้ชายที่เห็นผู้หญิงเป็นเหมือนดอกไม้ริมทาง ดังในตอนที่ว่า
"ทิ้งไว้หมองไหม้เสียเปล่า
ขืนปล่อยเจ้าผึ้งไม่เคล้าก็เฉาด้วยลม
ทิ้งไปให้ตรมเหยื่อผึ้งเหยื่อลม
ให้คนเขาชมดีกว่า
ดีกว่าจะทิ้งคาต้น
โรยหล่นผู้คนไม่เห็นราคา
เจ้าใกล้มือเจ้าต้องถือว่า
ไม่ใช่ดอกฟ้าที่อยู่ไกล"
ซึ่งเป็นการเตือนให้ผู้หญิงระวังผู้ชายเหล่านี้ แม้เพลงนี้จะเป็นเพลงเก่ามากแล้ว แต่ดิฉันคิดว่าเนื้อหาเหมาะสำหรับยุคปัจจุบันมากๆ ด้วยว่า วัตถุนิยมเข้ามาครอบงำผู้คนมากเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็น หรือการใช้เงินด่วนเพื่อถอยมือถือราคาแพงๆ หรือ ใช้รถใหม่ยี่ห้อดีๆ เกินกำลังทรัพย์ เพื่อมาเสริมความมั่นให้ตนเอง เป็นต้นค่ะ
และโดยเฉพาะผู้หญิงในสมัย "นิยมกิ๊ก" ที่หลงไปกับการแต่งตัวล่อแหลมเพื่อสร้างความมั่นใจให้เป็นชวนมองแก่คนทั่วไป ต้องระวังตนอย่างยิ่งค่ะ เพราะผู้ชายที่มีแนวคิดอย่างในเพลงนี้ที่สื่อออกมามีให้ผ่านเข้ามาในชีวิตแน่ๆ ค่ะ
สวัสดีคะอาจารย์
กะปุ๋มเข้ามาอ่านถึงกับยิ้มเลยคะ...
กะปุ๋มเขียนบันทึกถึงเรื่องทำนองนี้ไว้หลายบันทึกเหมือนกัน...เกี่ยวกับผู้หญิงให้หันกลับมาทำสิ่งที่ดีงาม..
เพราะในเวทีเสมือนนี้ทำให้กะปุ๋มเรียนรู้อะไรหลายอย่าง...ในคราบของเกียรติยศที่บังหน้า...แต่ตัวตนจริงหามีแก่นแท้ไม่..คอยหลอกหล่อผู้หญิงไปเรื่อย...และผู้หญิงเองก็มีเช่นกันที่ถลำไปทำผิดศีลธรรมทำร้ายผู้หญิงด้วยกัน...ทั้งที่เขาเป็นเจ้าของครอบครัวและมีลูก...แต่ผู้หญิงก็ยังเพลี้ยงพลำอำนาจมืดของตนเองไปทำร้ายครอบครัวคนอื่น...
เดี๋ยวมา ลปรร.ใหม่นะคะ...ไปขึ้นเครื่องก่อนคะ
- คุณบวรค่ะ ขอบคุณมากสำหรับเพลงประกอบ
- กะปุ๋มค่ะ งานที่กะปุ๋มทำอยู่ คงได้เจอกับผู้หญิงที่เพลี่ยงพล่ำกันไปแล้วหลายต่อหลายคน ส่วนงานที่ดิฉันทำอยู่นั้นกลับได้เห็นผู้หญิงที่กำลังจะมีโอกาสเพลี่ยงพล่ำสูงค่ะ หรืออาจจะเพลี่ยงพล่ำไปแล้วก็คงจะมีบ้าง บ่อยครั้งที่ดิฉันเตือนผู้หญิงเหล่านี้ แต่ก็เท่านั้นล่ะค่ะ สู่ค่านิยมไม่ไหว
ดิฉันอยากให้มหาวิทยาลัยทั้งหมดยกเลิกเครื่องแบบนักศึกษาหญิงในปัจจุบัน แล้วให้หันมาใส่กางเกงแทนกระโปรง ส่วนเสื้อผ้าก็ให้เป็นเชิ้ตปกติสีเข้มหน่อยและห้ามรัดติ้ว
แล้วก็อยากให้นักศึกษาที่เรียนด้านการออกแบบเสื้อผ้าช่วยหันมานำเสนอออกแบบเสื้อผ้านักศึกษากันใหม่ตาม concept ของการสร้างเสริมคุณค่าความเป็นหญิงให้นักศึกษาหญิงค่ะ
ถ้าเมื่อไรว่างกะจะนำเสนอเป็นโครงการวิจัยแบบ experiment ถ้าเสนอให้เปลี่ยนกันเฉยๆ คงกระทำยาก มหาวิทยาลัยก็อาจจะไม่เอาด้วยกระมัง คงต้องประมาณว่าต้องมีโครงการวิจัยประกอบ และออกมาเป็น papers บางอย่างนะดิฉันว่า ก็เห็นกันอยู่จะๆ ว่ามันเป็นปัญหา ทางแก้ก็มีอยู่ชัดๆ ก็น่าจะทำกันไปได้เลย แต่ก็ไม่ทำ
อาจารย์ จันทวรรณครับ
ผมเห็นด้วยที่จะต้องเปลี่ยนลักษณะเครื่องแต่งกายนิสิตนักศึกษา กางเกงก็น่าหวาดเสียวครับ บางคนสวมกางเกงเอวต่ำไปถึงไหน ๆ แต่มันก็คือยุคสมัยครับ ไปกำหนดกฎเกณฑ์มากเขาก็บอกว่าเป็นสิทธิเสรีภาพของเขา
ถ้าไม่ให้สวมเครื่องแบบเลย ก็เป็นการสิ้นเปลืองมากเลยครับ หลายคนก็จะประกวดประขันกัน และเมื่อผมต้องไปสอนในมหาวิทยาลัยที่นักศึกษาไม่ได้สวมเครื่องแบบ ผมก็ไม่รู้ว่าใครเป็นนักศึกษาบ้าง หรือเวลาไปตามบริษัทที่มีเครื่องแบบ ผมว่าดีออกครับ คือรู้ว่าใครเป็นใคร
นี่ยังดีนะครับที่พระภิกษุ หรือ แม่ชี ในเมืองไทยยังมีเครื่องแบบอยู่ ถ้าไม่มีคงวุ่นวายพิลึก มีคำทำนายว่าต่อไปในอนาคต พระภิกษุนั้นจะมีแค่ผ้าเหลืองคล้องคอ คงเป็นแบบเดียวกับเนคไท แหละครับ
เมื่อผมเป็นเด็ก อาจารย์สอนว่า การแต่งกายนั้นไม่ใช่เพื่อตัวเรา แต่เพื่อคนอื่น หรือ เพื่อสังคม คนสมัยนี้อาจจะลืมไปน่ะครับ
ขอบคุณอาจารย์ครรชิตมากค่ะ
ดิฉันก็คิดว่า ถ้าได้เริ่มทำการเปลี่ยนแปลงเรื่องเครื่องแบบนักศึกษาหญิง รับรองได้ว่า ต้องมีนศ.มาเรียกร้องขออิสรภาพแน่ๆ ค่ะ แต่หากทางมหาวิทยาลัยสื่อสารพูดคุยกับนักศึกษาให้ตระหนักถึงเรื่องอันตรายจากการแต่งตัวแบบค่อนข้างหวาบหวิวอย่างที่เห็นกันทั่วไปในปัจจุบัน และหันมาเน้นเรื่องการแต่งกายอย่างทะมัดทะแมงเพื่อเสริมสร้างบุคลิกภาพและความมั่นใจและปลอดภัย อาจจะต้องเอา fasion designer คนดังๆ มาออกแบบให้ค่ะ น่าจะมีส่วนช่วยให้เกิดการยอมรับในหมู่นักศึกษาขึ้นได้ไม่ยากค่ะ
ปล. วันก่อนดิฉันเห็นนศ.หญิงเลี้ยวรถล้มเพราะสาเหตุกระโปรงแคบเกินไป ดีที่ไม่ได้เป็นอะไรมาก และหลายต่อหลายครั้งที่ดิฉันสังเกตุเห็นนักศึกษาใส่ค่อนข้างบางมาก แล้วใส่บราสีดำหรือบางครั้งก็บราเป็นลูกไม้ตกแต่งสวยงามน่ามอง ไม่ต้องบอกก็รู้ได้ไม่อยากว่า กลุ่มนักศึกษาชายจึงคิดอย่างไรกับผู้หญิงเหล่านี้
ผมอ่านบทเพลง แต่ผมแปลความหมายว่า
ตอนแรกเหมือนการบรรยายว่าหญิงที่อยู่ใกล้ผู้ชายจะเป็นที่ปราถนาของผู้ชายและจะถูกล่วงละเมิดทางเพศได้ แต่ตอนต่อมา เนื้อหาเหมือนว่า
จะปล่อยความสาวความสวยใ้ห้เฉาไปกับกาลเวลาลมแดด ควรจะมีคู่เถอะ ประมาณนี้
เนื้อหาไม่ได้มีคำแนะนำหรืออะไรที่โดดเด่นมากมายนัก
อ่านอีกครั้ง หรือจะเป็นการบรรยายความรู้สึกของผู้ชายที่ต้องการจะเด็ดดอกไม้ว่า หากปล่อยไปก็จะไร้ค่า ความหมาย
- เพลงนี้เพราะและให้ความหมายเปรียบเทียบดี
- นอกจากเพลงนี้แล้ว เมื่อ วันพบปะชาวบล็อก( 8 ต.ค.) พี่หญิงใหญ่ คุณทิพวรรณ ก็ร้องเพลงที่มีความหมายเปรียบเทียบผู้หญิงกับดอกไม้ เหมือนกันค่ะ ให้ความหมายดี แต่ไม่แน่ใจว่าเด็กสาวสมัยนี้จะรู้จักเพลงนี้หรือเปล่า
ดอกไม้กับแมลง ...
ดอกไม้แรกบานรูปสราญหอมยวนใจ
กลิ่นจรุงฟุ้งไกลหอมอวลอบพื้นดิน
กลิ่นหอมปานใดย่อมยั่วใจฝูงภุมรินทร์
ว่อนเวียนวกบินอย่างยินดี ...
ชมชิมลิ้มเลมจนอิ่มเอมน่าเปรมปรีด์
ชิมลองของดีพอเสื่อมศรีก็หนีเลย
สิ้นรสสิ้นชมสิ้นอารมณ์สมใจเชย
บินไปลับเลยเจ้าไม่เคยคิดอาลัย
ห่างเหินเมินจากไกลทอดทิ้งไปไม่กลับมา ...
ดอกไม้แรกบานเปรียบก็ปานสาวแรกรุ่น
ผลินวลละมุนเนื้อนวลนุ่มโสภา
แรกสาวแรกงามแรกก่อความ เย้าอุรา
เหล่าชายหมายตาอยากจะลอง ...
แมลงเหมือนชายคอยกล้ำกลาย ใคร่ครอบครอง
พอชมสมปองชายก็มองข้ามหัวไป
สิ้นสาวซูบโซมถูกลูบโลมสาวเศร้าใจ
พรหมจรรย์เสียไปไม่มีใคร เขานิยม
สิ้นสาวก็สิ้นชมสิ้นภิรมย์ตรมอยู่เดียว