ภารกิจอย่างหนึ่งของผู้เขียนคือการบันทึกเรื่องราวของอะไรก็ตามที่ควรบันทึกหรือมีคุณค่าพอที่จะเล่าสู่กันฟังในวันหน้าวันหลังเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่จะทำให้คนเข้ามาดูมากหรือน้อยแต่ประการใด

บันทึกนี้จึงขออนุญาตเขียนถึง “เพื่อน(ร่วม)เดินทาง” โดยได้รับการติดต่อจากเพื่อนสมัยเรียน โทรศัพท์มาสอบถามว่าวันอาทิตย์ที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ว่างเปล่า ถ้าว่างจะชวนไปทำบุญผ้าป่าสามัคคีที่โคราช ตรวจดูสมุด Monthly Diary 2009 เอ...วันอาทิตย์นี้ว่างนี่ ตอบตกลงในบัดดล วางแผนกันว่าจะขออาศัยรถยนต์เพื่อนไป สารถีขับรถยนต์คือ เพื่อนเอ้บ ส่วนคณะร่วมเดินทางมี เพื่อนอิ๋ว เพื่อนม้า น้องอุ่นและน้องไอ นัดหมายกันเวลาประมาณบ่ายสองโมงครึ่ง แต่กว่าจะฝ่าการจราจรที่คับคั่งออกมาได้ ก็ปาเข้าไปประมาณบ่ายสามโมงครึ่ง หกโมงเย็นกว่าๆ เดินทางถึงบ้านมาบกราด อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากคุณพ่อ-คุณแม่ ของเพื่อนแหม่ม เพื่อนบิ๊ก(เพื่อนเขย) น้องเปอร์ และน้องปูเป้

กลางคืนเที่ยวงานวัด ชมมหรสพสมโภชน์ อาทิ ลิเก รำวง และมวย ดื่มด่ำกับบรรยากาศพอประมาณ ก็กลับบ้านนอนเพราะเหนื่อยกับการเดินทาง

รุ่งเช้าถวายผ้าป่าสามัคคีที่วัดบ้านมาบกราด อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา หลังจากนั้นร่วมรับประทานอาหารเช้าที่วัด ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ไปกราบนมัสการพระศรีศากยมุนี ปิดทอง เพื่อเป็นสิริมงคล ตามความเชื่อ

แวะรับประทานอาหารเที่ยงที่ร้านสวนเมืองพร ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรและอนุรักษ์ ตั้งอยู่ เลขที่ ๒๐๔/๔๔ หมู่ที่ ๑ ถนนมิตรภาพ ตำบลคลองไผ่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา โดยการโทรศัพท์จองโต๊ะล่วงหน้าและแนะนำของเพื่อนอิ๋ว บอกว่าอาหารเขาใช้ได้นะ บรรยายให้ฟังซะ...แหม..แหม..ชักหิวข้าวแล้วซิ นอกจากนั้นยังสาธยายว่าให้นึกจินตนาการถึงบรรยากาศการมานั่งทานข้าวยามเย็นสองต่อสอง ฟังดนตรีบรรเลงสดสด Style Modern Acoustic อากาศเย็นสบาย ช่วงเย็นๆ ชมพระอาทิตย์ตกดิน หลังพระอาทิตย์ตกพนักงานของร้านจะเอาโคมไฟมาจุดแล้ววางแต่ละจุด โอ้ย!!!...บรรยาศดีมาก มีวงดนตรีเฉพาะวันศุกร์และเสาร์เท่านั้น เริ่มตั้งแต่เวลา ๑๘.๓๐ น.เป็นต้นไปนะ นั่นเป็นคำบอกเล่าของเพื่อนอิ๋ว

ถึงร้านสวนเมืองพร เวลาประมาณบ่ายสามโมงครึ่ง ขณะที่ทุกคนเดินไปที่โต๊ะอาหาร ส่วนตัวขอแว๊บไปเก็บภาพบรรยากาศมาฝากชาว G2K ชมไม้ดอก ไม้ประดับ เมืองหนาวและเมืองร้อน ไม้ผล ไม้ยืนต้น ไม้ไทยในวรรณคดี จำนวนไม่น้อยกว่า ๔๐๐ สายพันธุ์ จัดอยู่ในรูปแบบเป็น “ซุปเปอร์มาเก็ตต้นไม้” แห่งแรกของเมืองไทย บันทึกภาพบรรยากาศเสร็จกลับมาที่โต๊ะอาหาร ร่วมรับประทานอาหารมื้ออร่อยกับเพื่อนๆ ร่วมก๊วน โดยสั่งอาหารมารับประทานกันเยอะแยะมากมาย ดื่มด่ำกับอาหารทางปากพร้อมกับอาหารตา ชมวิวอ่างเก็บน้ำลำตะคองที่สามารถทัศนาได้เป็นแนวกว้างตรงจุดนี้ สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศได้ให้การยกย่องว่าเป็น “Switzerland เมืองไทย” เสียดายไม่ได้ชมพระอาทิตย์ตกดินลับสันเขาในยามเย็น หากแต่มองทัศนีย์ภาพที่งดงามมาก เบื้องหน้าคือโต๊ะอาหาร เบื้องล่างคืออ่างเก็บน้ำลำตะคอง สวยงามจับใจยิ่ง งานนี้ไม่มีเจ้าภาพ ไทยแลนด์แชร์ เพื่อนๆ ช่วยกันออกเงินเฉลี่ยคนละประมาณสามร้อยกว่าบาท ราคาถือว่าโอเคเมื่อเทียบกับคุณค่าทางโภชนาการและปริมาณอาหาร ก่อนเดินทางกลับขอบันทึกภาพเป็นที่ระลึกเพื่อบอกกับตัวเองว่า ณ ที่นี่ กาลครั้งหนึ่งเคยแวะมาทักทายแล้วนะ

ขณะเดินทางกลับ(จอม)วางแผนร่วมกันอีกว่าไหนๆ ก็ทางผ่านและมีเวลาเหลือพอ พวกเราควรแวะเยี่ยมเยียนคุณพ่อ-คุณแม่ของเพื่อนสนิทของเพื่อนอิ๋ว นั่นคือ เพื่อนตุ๊กนั่นเอง พิกัดอยู่แถวๆ อำเภอปากช่อง โดยก่อนถึงที่นัดหมายได้แวะร้านขายต้นไม้ริมทางชมดอกไม้ ไม้ประดับสวยๆ และแวะร้านขายของกลางดงเพื่อซื้อของฝากเพื่อนร่วมงานที่กรุงเทพฯ เป็นข้าวโพดสดๆ และอีกชุดฝากคุณพ่อ-คุณแม่เพื่อนตุ๊ก

ขณะเดินทางเพื่อนอิ๋วได้โทรศัพท์แจ้งกับเพื่อนตุ๊กว่าจะมีเพื่อนๆ ไปเยี่ยมคุณพ่อ-คุณแม่นะ โดยบอกชื่อแซ่เสร็จว่ามีใครไปบ้าง รถเลี้ยวเข้า “ไร่ฉัตรแก้วชัย” ขณะประตูทางเข้าเปิดรออยู่ก่อนแล้ว ลงจากรถเข้าบ้านกราบสวัสดีคุณพ่อพร้อมมอบของฝาก ดื่มน้ำเย็นๆ จากเจ้าของบ้าน เย็นชื่นใจครับ มีเจ้าของบ้านตัวน้อยๆ อีกคนมาคอยต้อนรับนั่นคือน้องนนท์ อายุประมาณ ๒ ขวบกว่า เป็นเด็กช่างพูด ช่างเจรจา น่ารัก ทำหน้าที่เป็นไกด์กิติมศักดิ์พาเที่ยวชมไร่มะเขือเทศยามเย็น พร้อมกับได้รับอนุญาตจากคุณแม่ให้เก็บมะเขือเทศได้ตามต้องการ ก็เลยสนุกสนานกันใหญ่ มีทั้งพันธุ์ท้อ(ลักษณะคล้ายลูกท้อ)และพันธุ์สีดา เพราะความสงสัยจึงได้ถามผู้รู้ได้ความว่า พันธุ์ท้อคือพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่นิยมใส่ข้าวผัดหรือที่มีใน 7-eleven นั่นเอง ส่วนพันธุ์สีดาขนาดจะเล็กกว่านิยมใส่ส้มตำ ก็เลยถึงบางอ้อ..เข้าใจ ทำให้นึกถึงส้มตำใส่มะเขือเทศ มะนาว ..โอ้ย!..น้ำลายไหล พอทุกคนเก็บมะเขือเทศได้เต็มถุง(ขนาดเล็ก) ก็เดินทางกลับบ้านซึ่งไม่ห่างกันมากนัก คุณแม่ยังแนะนำอีกว่ามีต้นหอมกับผักชีฝรั่งช่วยกันเก็บได้เลยไม่ต้องเกรงใจ เก็บได้พอประมาณก็เดินชมบรรยากาศรอบบ้านอีกครั้ง สังเกตเห็นลิ้นจี่กำลังออกผลเล็กๆ ดกดีจัง

เนื้อที่สวนรอบบ้าน ประมาณ ๑๐ ไร่ ชม “ตู้เย็นธรรมชาติ” ใช้ในการเก็บพืชผักปลอดสารพิษที่ปลูกรอบๆ บริเวณบ้าน อาทิ ต้นหอม สระแหน่ พริก มะเขือ ผักชีจีน ฯลฯ อากาศวันนั้นเย็นสบาย เห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ แอบอิจฉาคุณพ่อ(อายุ ๗๐ ปีแล้ว)-คุณแม่นิดๆ สุขภาพร่างกายทั้งสองท่านแข็งแรง ทานผัก ผลไม้ ปลอดสารพิษ ที่ปลูกเองรอบบ้าน สูดอากาศบริสุทธิ์เต็มปอด มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ก่อนเดินทางกลับร่วมรับประทานอาหารเย็นกับคุณพ่อ-คุณแม่ และสมาชิกภายในครอบครัว มีข้าวต้มข้าวกล้องเพื่อสุขภาพ ไข่เจียวร้อนๆ ปลาทอด ฯลฯ อร่อยอย่าบอกใครเชียว ขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงไว้ที่นี้ด้วยครับ

เดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ ขอขอบคุณ เจ้าภาพที่บ้านมาบกราดโคราช การเดินทางอย่างปลอดภัยของ “เพื่อน(ร่วม)เดินทาง” หนุ่มสารถี ข้าวโพดของฝากจากเพื่อนม้า ขอบคุณ ขอบคุณ โอกาสหน้าคงได้ร่วมเดินทางกันอีกนะ..สัญญาซิ..

สุเทพ ธุระพันธ์

๗ มีนาคม ๒๕๕๒