เมื่อช่วงหนาวจัดๆ หรือหนาวสุดท้ายของปีนี้(13 มกราคม 2552) ผมสอนวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐานให้กับนักเรียนชั้น ม.1/4 เรื่องที่สอนคือ โมเมนต์ของแรง ผมให้นักเรียนเตรียมไม้บรรทัด เหรียญบาทขนาดเท่าๆกัน ยางวง ไม้ลูกชิ้น พอถึงเวลาผมแจกกั้นลมให้ พร้อมๆกับตีตารางบันทึกผลให้ดูเป็นตัวอย่างบนกระดานดำ
ผมบอกนักเรียนว่า เรื่องที่ครูจะให้เล่นหรือให้ทดลองต่อไปนี้ เขาเรียกกันว่า โมเมนต์ “ลองดูนะ อย่างที่เรากำลังทำกันนี้เป็นโมเมนต์ได้อย่างไร โมเมนต์คืออะไร” ผมตั้งใจว่าจะมาสรุปถึงเนื้อหาสาระตามทฤษฎีในชั่วโมงหน้า ชั่วโมงนี้รู้แค่นี้พอ เผื่อนักเรียนสงสัย ไปหาอ่านเองมาก่อนบ้าง
ผมอธิบายเพื่อทำความเข้าใจเป็นเบื้องต้น พร้อมลองๆติดตั้งเครื่องไม้เครื่องมือ ให้นักเรียนดูเป็นตัวอย่าง และบอกเงื่อนไขในการทดลองว่า ให้วางเหรียญบาทบนไม้บรรทัดทั้งสองข้าง จะกี่เหรียญก็ได้ วางอย่างไรก็ได้ แต่ทุกครั้งไม้บรรทัดต้องอยู่ในภาวะสมดุลเสมอ ใครวางเหรียญจำนวนมากกว่า แสดงว่าคิดมากกว่า ใช้ความสามารถมากกว่า คะแนนก็น่าจะได้ดีกว่าใช่มั้ย? “เอาคะแนนขู่นักเรียนอีกแล้ว ตามประสาครู” ผมนึก
จากนั้นให้บันทึกจำนวนเหรียญ ทุกเหรียญ ทีละเหรียญ แต่แยกข้างบันทึก เพราะจะมีเหรียญวางบนไม้บรรทัดทั้งทางซ้ายและทางขวา บันทึกระยะห่างจากเหรียญถึงกึ่งกลางไม้บรรทัด(ไม้ลูกชิ้น)ของเหรียญทุกๆเหรียญด้วย เสร็จแล้วให้นำจำนวนเหรียญคูณกับระยะห่างแต่ละเหรียญ แล้วนำผลคูณดังกล่าวของแต่ละข้างมารวมกัน ซ้ายรวมเฉพาะซ้าย ขวารวมเฉพาะขวา...นักเรียนเริ่มเอะใจ เมื่อพบว่าผลลัพธ์ทั้งสองข้าง หมายถึงทางซ้ายและขวาจะเท่ากัน หรือใกล้เคียงกันมาก
นักเรียนตั้งใจดีมากครับ ช่วยกันคิด ช่วยกันวาง ช่วยกันบันทึก จิตใจจดจ่ออยู่กับการทดลอง “เอ! หรือจะจดจ่อที่คะแนน” ผมฉุกคิด(ฮา) ชอบสอนนักเรียน ม.1 ครับ ตั้งใจดี น่ารักดี ไม่ดื้อ ไม่เกเร มีอย่างเดียวครับ...ซน
การสอนเรื่องโมเมนต์ของผมในชั่วโมงถัดมา รู้สึกได้ว่าการสรุปสาระสำคัญเรื่องโมเมนต์ให้นักเรียนฟัง เป็นเรื่องง่ายเลยทีเดียว ไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะดูนักเรียนเข้าใจเร็ว เพราะเข้าใจมาก่อนแล้ว ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า ความรู้ในตัวนักเรียนจะคงทนเพียงใด
ต้องพิสูจน์กันอีกครั้งช่วงสอบปลายภาคครับ
(ภาพจาก : กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง โมเมนต์ของแรง ของนักเรียนชั้น ม.1/4 โรงเรียนบ้านกร่างวิทยาคม เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2552 เวลา 08.30-10.10 น.)
ไอเดียเจ๋งมากครับ นับถือๆๆๆ
แต่ถ้าจะให้ดี ควรสอนให้น้องๆ ได้รู้จักการนำโมเมนต์ไปใช้ประโยคในชีวิตประจำวัน เช่น เรื่องการใช้คานไปผ่อนแรง ประมาณนั้น ไม่รู้ยากไปหรือเปล่า? อิอิ
ไงก็สู้ๆ ครับ
มาเรียนรูด้วยคนค่ะ
เด็กๆเรียนรู้จากการปฏิบัติเอง
ย่อมดีกว่าการท่องจำ ค่ะ
ระหว่างการทดลอง
และทำความรูจักกัยบโมเม้นต์ของแรง
เชื่อว่าเด็กได้เรียนรู้การทำงานร่วมกัน
และมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
หายเหนื่อยแล้วชวนแม่บ้านไปสปาเท้ากับครูต้อยที่นี่ค่ะ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีคะคุณครู ดูท่าทางนักเรียนตังใจมาก ๆ
ครูสอนดี นักเรียนตั้งใจ
ดีใจกับนักเรียนที่มีคุณที่ดี
สวัสดีความรักค่ะ
ขอให้มีความรักที่สดชื่น สมหวัง กับเทศกาลความรัก ...
ทุกเดือน ....ทุกเดือน นะคะ
ปลายฟ้านำความรักมาฝาก
และอยากชวนไปอ่านนิทานกล่อมฝัน
ตำนานวันวาเลนไทน์ด้วยกันค่ะ
อยากให้รู้จัก และเข้าใจคำว่ารัก... ที่แท้จริง
http://gotoknow.org/blog/childendream/239440?page=2#
จะชวนนำรูป เกี่ยวกับความรักของตัวเอง และนิยามรัก
มาแลกเปลี่ยนกันด้วยนะค่ะ
"รักคือ การเข้าใจในรัก"
อ่านบันทึกนี้แล้วชื่นใจจริง ๆ ค่ะ...น่าจะได้ตำแหน่ง "ครูวิทย์ในดวงใจ" ไปด้วยนะเนี่ย...โชคดีของเด็กบ้านกร่างวิทยาคม จริง ๆ ... มีเทคนิคอะไรในการสอนอีก...เล่าสู่กันฟังด้วยนะคะ
อ่านแล้ว ถึงแม้ไม่ใช่วิชาชีพเดียวกันแต่ทำให้อิจฉาที่นักเรียนมีครูที่มีความตั้งใจสอนเช่นนี้ จะมีซักกี่คนในประเทศไทย
ขอให้ทำดี นะจ๊ะ
ชอบการเรียนการสอนของอาจารย์คะ...ทำให้ผู้เรียนเข้าใจง่ายดีคะ
สวัสดีค่ะ อาจารย์
มาอ่านอีกครั้งค่ะ
ทำให้นึกได้ว่าเด็กแรกเกิด
สมัยก่อนมีเครื่องมือชั่งน้ำหนักเด็ก
คล้ายๆลักษณะที่อ.สอนเด็ก
แล้วก็เลยนึกไปถึงกระสอบข้าว
ที่เขายกขึ้นไปชั่งบนเครื่องชั่งใหญ่ๆ
นึกเลยเถิดไปถึงโมบานสวยๆทีแขวนให้ใจแกว่งไปมาและขึ้นลง
แต่มีสมดุล
เอ ถ้าอ่านอีกสงสัยว่าคืนนี้ วันใหม่แล้วนี่
ครูต้อยก็จะระลึกชาติเมื่อหลายสิบปีได้เรื่อยๆ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณครูธนิตย์
วิธีสอนของคุณครูบรรเจิดจริงๆค่ะ ใช้วัสดุสิ่งของที่อยู่ใกล้ตัวเรา นักเรียนได้ปฏิบัติจริง แถมมีกระบวนการกลุ่ม เหลือการนำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวัน ซึ่งจะเป็นโอกาสต่อไป น่าชื่นใจมากๆค่ะคุณครู..เพชรแท้แห่งวงการศึกษาไทย
ใช้สื่อการสอนง่ายๆ และเด็กเข้าใจง่ายด้วย
เยี่ยมครับ ^^