บ่ายวันนี้ครูโทรมาหาหนูแล้วถามว่า
“แรก ๆ ที่เรามารู้จักพี่ เราไม่มีความจริงใจเลย เรารู้ว่าพี่รู้ไหม”
หนูตอบว่า “ใช่ค่ะ”
ครูถามต่อ “แล้วจริงใจ กับไม่จริงใจต่างกันยังไง อาการมันต่างกันยังไง” หนูมองเข้าไปในใจตนเอง มันอึ้ง ไม่มีคำตอบ
หนูกำลังจะอ้าปากตอบ ครูดักคอว่า “เอาใจ ไม่ใช่สมอง” หนูอึ้งไป หนูกลับมาที่ลมหายใจเข้าลึก ๆ ผ่อนลมหายใจออก “บอกไม่ถูกค่ะ ความรู้สึกที่สัมผัสเข้าไปมันรู้เลยว่า ใช่ นี่แหละจริงใจ” ตั้งแต่รู้จักครู “หนูก็เห็นว่าครูจริงใจกับหนูมาตลอด ไม่ว่าครูจะดีใจ หรือ เสียใจ” ครูเบรกหนูว่า “เดี๋ยว ๆ เอางี้”
"มีคนมากมายเข้ามาหาพี่ เข้ามาสัมพันธ์กับพี่ เพื่อจะไปเติมเต็มในใจเขา เติมเต็มความ-เห็น-แก่-ตัว ในใจเขา ใช่ไหม”
“ค่ะ” หนูแว๊บ “ใช่ ๆ หนูก็เป็นคนหนึ่งที่มาเสพอารมณ์นี้เช่นกัน”
“อะกลับมาที่เรา ใจเราเชื่อว่า พี่รู้ไหม ว่าเราไม่จริงใจ”
“อืม ใจมันยังอึ้ง ๆ อยู่ค่ะ ไม่ลงใจ”
"แต่สมองมันตอบรับและเชื่อในเหตุผลแล้วค่ะ แต่ใจยังไม่รับอยู่”
“เอางี้ถ้าเราไปเจอคนไม่จริงใจ เราทำยังไง”
“หลบค่ะ หลีกเลี่ยง”
“แล้วทำไมพี่เจอเรา ไม่จริงใจแล้วพี่ถึงไม่หลบหรือว่าเลี่ยงไปหล่ะ” หนูอึ้งไม่มีคำตอบแต่พยายามคิด พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ
“จากประสบการณ์เดิมของเราใจเรามันเป็นแบบนี้ เจอคนไม่จริงใจ หนี หลบ แต่เราไม่เคยเรียนรู้ที่จะปฏิบัติต่อเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข เรามัวแต่มองว่าใจของคนอื่นตอบสนองอย่างไร ไปยึดไปสนใจแต่ใจคนอื่น แต่เราไม่เคยที่จะหันมาให้ความสำคัญกับใจของตนเอง แต่พี่ไม่ พี่ให้ความสำคัญกับใจตนเอง ให้ความสำคัญกับความจริงใจของตนประมาณว่า
อืม พูดง่าย ๆ ก็ คือ
ครูเอ่ยพลางหัวเราะอย่างเบิกบาน
หนูฟังจบแล้วน้ำตาร่วงเลย
“ใช่เลย ลงใจ หนูไม่เคยให้ความสำคัญกับความจริงใจของตนเอง คอยเพ่งดูแต่การตอบสนองของคนอื่นแล้วเอามากลุ้มใจ”
ครูพูดต่อ
วันนี้เป็นบทเรียนที่ครูใช้เวลาสั้นมาก แต่มีค่าสำหรับหนู
กราบขอบพระคุณครูค่ะ
ความดีความงามในใจ แตกต่างกับ ความในใจ ครับ