จ้างทำวิทยานิพนธ์ : การคอร์รัปชันทางปัญญา ... (ว.วชิรเมธี)


การศึกษาเพื่อการมีปัญญา เพื่อใช้เป็นคู่มือในการดำเนินชีวิตอยู่ในโลกอย่างรู้เท่าทันนั้น เป็นกิจกรรมอันประเสริฐยิ่งของมนุษยชาติอยู่แล้วด้วยตัวของมันเอง เพราะหากปราศจากการศึกษา มนุษย์ก็ไม่ดีไปกว่าสัตว์ดิรัจฉานสักเท่าไรนัก

เมื่อค่านิยมของสังคมไทยบอกว่า "เรียนแค่ปริญญาตรี" มันไม่พอหรอก มันต้องเรียนสูงกว่านั้น ดังนั้น เราจึงความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยในเรื่องค่านิยมการเรียนสูง ๆ ปริญญาโท ปริญญาเอก เพื่อเป็นการยกระดับตนเองให้ขึ้นสู่ฐานะทางสังคม อีกทั้งหวังในเรื่องของค่าจ้างงานทีสูงขึ้น แต่หลาย ๆ คนไม่ได้ทำเพื่อเสาะแสวงหาปัญญาหรือความรู้ใหม่ที่ใช้สำหรับพัฒนาตนเองให้มากขึ้น

ค่านิยมของสังคมเริ่มบิดเบี้ยวขึ้น จนเกิดมีการจ้างทำวิทยานิพนธ์ขึ้น เพื่อให้ตนเองสำเร็จการศึกษาได้ใบปริญญานั้น หากแต่ปัญญาก็ไม่ได้พัฒนาให้มากขึ้น

"การจ้างทำวิทยานิพนธ์" นั้น เราทราบกันอยู่แล้วว่า มันเป็นการทุจริต ขี้โกง คดโกงในสิ่งที่ไม่สมควรทำ แต่จะมีใครทราบไหมว่า มันผิดหลักธรรมข้อใดบ้าง

วันนี้ ผมพบแล้วครับ พบผู้ไขข้อข้องใจที่อยู่กับผมมานานว่า การจ้างทำวิทยานิพนธ์ ผิดหลักธรรมในข้อใดบ้าง ท่าน ว.วชิรเมธี ได้แสดงเอาไว้ในหนังสือ "ธรรมะน้ำเอก" ในตอน "จ้างทำวิทยานิพนธ์ : การคอร์รัปชันทางปัญญา"

 

เปิดดวงตารับแสงสว่างแห่งแสงธรรมนี้ไปพร้อมกัน

 

 

จ้างทำวิทยานิพนธ์ : การคอร์รัปชันทางปัญญา

 

 

ปุจฉา

การจ้างทำวิทยานิพนธ์ถือว่าเป็นการผิดศีลธรรม จริยธรรมหรือไม่ กิเลสตัวไหนที่ชักใยอยู่เบื้องหลังคนที่นิยมจ้างทำวิทยานิพนธ์

นักศึกษาปริญญาโท/มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

 

 

วิสัชชนา

การจ้างทำวิทยานิพนธ์ถือว่า ผิดศีลธรรม คือ ผิดศีลข้อที่ ๒ ที่ว่าด้วย การขโมยสิ่งของซึ่งไม่สมควรเป็นของตนนำมาเป็นของตน (ข้ออทินนาทาน) ซึ่งในกรณีนี้ คือ การขโมยสิทธิแห่งความเป็นมหาบัณฑิต ดุษฎีบัณฑิต จากมหาวิทยาลัย หรือ สถาบันทางวิชาการชั้นสูง ซึ่งตนไม่มีสิทธิอันชอบธรรมท่จะได้ครอบครองมาแต่ต้น นำมาแอบอ้างว่าเป็นของตน หรือนำมาอวดอ้างต่อสังคมว่า ตนมีความเป็นมหาบัณฑิต ดุษฎีบัณฑิต จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงนั้นตนก็รู้อยู่แก่ใจว่า สถานภาพทางวิชาการเช่นนี้ตนใช้วิธีขโมยเขามา

และผิดศีลข้อที่ ๔ (ข้อมุสาวาท) ที่ว่าด้วยการโกหกหลอกหลวงผู้อื่นด้วยความเท็จ หลอกลวงสังคมหรือลวงโลกว่าตนมีคุณสมบัติอย่างดี มหาวิทยาลัยหรือสถาบันทางวิชาการชั้นสูงรับรอง ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริง ตนมีเพียง "ปริญญา" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของคุณสมบัติทางวิชาการอันจอมปลอมใบหนึ่งเท่านั้น หาได้มีคุณสมบัติแท้จริงอย่างที่เที่ยวอวดอ้างกับใครต่อใครแต่อย่างใดไม่

ผิดจริยธรรมตรงที่ไม่มีความซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ต่อธรรมะ ต่อคณาจารย์ ต่อสถาบันทางวิชาการที่ตนสังกัด และต่อสังคม หรือ ต่อโลก ซึ่งตนแสดงตัวให้เขาเห็นว่า ฉันสำเร็จการศึกษาด้านนี้มา หรือ มีคุณสมบัติอย่างที่ใบปริญญารับรอง

การจ้างทำวิทยานิพนธ์นั้น กล่าวอีกนัยหนึ่งก็เป็นการคอร์รัปชันทางปัญญา หรือการคอร์รัปชันทางวิชาการ เป็นการผิดศีลข้อที่ ๔ ในระดับที่เรียกได้ว่าเป็น "มหามุสาวาท" หรือ การ "โกหกคำโตระดับชาติ"

 

เหตุปัจจัยที่ส่งเสริมให้มีการจ้างทำวิทยานิพนธ์นั้นมีหลายประการ ลองวิเคราะห์หยาบ ๆ ดูก็น่าจะได้แก่

๑. ความยากของการทำวิจัย ซึ่งนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา (ปริญญาโท-เอก) ทุกคนย่อมรู้อยู่แก่ใจเป็นอย่างดี

๒. ความด้อยความสามารถในด้านการสืบค้นข้อมูล การเขียน การวิเคราะห์ ไม่รู้จะค้นอย่างไร จะเขียน จะวิเคราะห์อย่างไร มองทางไหนก็มืดไปหมด

๓. ความไม่มีเวลา เพราะมีภารกิจมากมายให้รับผิดชอบ

๔. ความท้อแท้ที่เกิดจากความยุ่งยากของกระบวนการทำวิจัย

๕. ความไม่พร้อมของอาจารย์ที่ปรึกษา ของแหล่งข้อมูล / ประชากร / ตัวแปรต่าง ๆ ที่จะต้องใช้ในงานวิจัย

๖. ความไม่มีเงินค่าหน่วยกิตหรือค่าเทอมซึ่งแพงมาก จึงต้องรีบจบให้เร็วที่สุด

๗. ความมีบาปมิตร คือ มีคนชักจูงในทางที่เลวคอยเป็นที่ปรึกษาในลักษณะ "รุ่นพี่" ก็ใช้วิธีนี้กันทั้งนั้น

๘. ความตั้งใจที่จะโกงมาแต่ต้น หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ความเลวโดยสันดาน สามารถทำผิดได้โดยที่ตนไม่รู้สึกผิด

๙. การได้รับข้อเสนอจากคณาจารย์ (หัวหมอ - บางคน - บางกลุ่ม) หรือจากมือปืนที่รับจ้างทำวิทยานิพนธ์เป็นอาชีพ

๑๐. สถานการณ์บีบบังคับ เช่น สร้างภาพใหญ่และใหม่ให้ตัวเองด้วยการคุยไว้ก่อนว่าจะจบ แต่เมื่อเรียนไป ๆ แล้วก็ไม่มีทีท่าว่าจะจบอย่างที่เคยคุยไว้ จึงต้องหาวิธีจบทางลัดให้ได้ เพื่อรักษา "หน้า/อัตตา" ของตัวเองไว้ไม่ให้มัวหมอง

๑๑. ความเหลวแหลกของกระบวนการบริหารจัดการการศึกษาของชาติ ที่ปล่อยให้มีหลักสูตรพิเศษสำหรับ "หาเงิน" โดยเฉพาะผุดพรายมากมายยิ่งกว่าดอกเห็ด และจบง่ายได้เป็นมหาบัณฑิต ดุษฎีบัณฑิตเร็วเหมือนลวกก๋วยเตี๋ยวขาย มหาบัณฑิตถั่วงอกจึงมากมายทั่วไปหมด อันเป็นเหตุให้เดี๋ยวนี้มีคนได้ปริญญาเอกมาก ทว่าคนมีปัญญากลับน้อยลง

 

 

ส่วนกิเลสที่เป็น "คลื่นใต้น้ำ" ซึ่งคอยปั่นหัวให้คนต้องจ้างทำวิทยานิพนธ์นั้นน่าจะได้แก่

 

๑. อวิชชา ความเขลา ความโง่ ความไม่รู้อย่างถ่องแท้ว่า สิ่งที่ตนกำลังทำอยู่นั้นเป็นความผิดบาปอย่างมหันต์ทั้งต่อตนเองและต่อสังคม หรือความไม่มีวิจารณญาณเป็นของตนเอง ถึงรู้ว่าผิด ก็เป็นความรู้ในระดับ "สัญญา" (ความจำ) พื้น ๆ แต่ไม่ได้เกิดจากความรอบรู้ด้วยปัญญา เมื่อไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนกำลังทำนั้นเป็นความผิดบาปด้วยปัญญาจากภายในของตนอย่างถ่องแท้ ก็เลยยินดีที่จะทำผิด (ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าผิด) นั้นต่อไปโดยไม่มีความละอายใจแก่ใจแต่อย่างใดทั้งสิ้น

พึงสังเกตว่า คนที่จ้างเขาทำวิทยานิพนธ์โดยที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนฝืนทำนั้นไม่ชอบธรรม ไม่ถูกต้องนั้นคงไม่มี คนที่ทำอย่างนี้ได้ หากมองอย่างผิวเผิน คนเหล่านี้เป็นคนฉลาดทั้งนั้น แต่เป็นความฉลาดที่ยังขาด "เฉลียว" คือขาดปัญญาที่ไร้สติควบคุม สังคมของเรากำลังมากไปคนประเภทนี้ คือทำอย่างไรก็ได้ให้ตนประสบความสำเร็จ โดยไม่ต้องคำนึงถึงความชอบธรรมคือความสง่างาม

 

๒. ตัณหา ความอยากได้ (ปริญญา) อยากมี (เงิน + สถานภาพในทางสังคม) และอยากเป็น (คนดัง อยากได้ชื่อว่าเป็นปัญญาชนคนแถวหน้า รวมทั้งอยากนำมาต่อยอดไปสู่การเป็น ดร. ผศ. รศ. หรือ ศ. ซึ่งแม้จะเป็นสิ่งที่ดี เพราะเป็นความก้าวหน้าทางวิชาการอย่างหนึ่ง แต่ถ้าใช้วิธีการที่ไม่ชอบธรรมมาตั้งแต่ต้น ก็ต้องถือว่า เป็นความก้าวหน้าที่ยังล้าหลังอยู่นั่นเอง

 

๓. โลภะ ความโลภมาก อยากมีเงิน จึงทำให้เกิดอาชีพมือปืนรับจ้างทำวิทยานิพนธ์ทั้งในและนอกมหาวิทยาลัย คนที่ทำอาชีพอันเป็นมิจฉาอาชีวะเช่นนี้ได้ นอกจากเห็นแก่เงินแก่อามิสเป็นพื้นฐานแล้ว ยังขาดธรรมะที่สำคัญอีกคือ ขาด "หิริ - โอตัปปะ" ความไม่รู้จักละอายชั่วกลัวบาปอีกด้วย

 

๔. มานะ ความอยากเด่น อยากได้ชื่อว่าเป็นชนชั้นปัญญาชนหรืออยากลบปมด้อยในทางกำพืดหรือในทางสังคม เพราะการมีปริญญาหลายใบย่อมหมายถึงโอกาสในการเลื่อนสถานภาพทางสังคมได้อย่างรวดเร็วและอย่างได้ผลชะงัด ด้วยเหตุนี้จึงมีคนเรียกใบปริญญาด้วยน้ำเสียงประชดประเทียดว่า "ปริญญาคือไม้กันหมา" หรือ "ปริญญาคือวีซ่าแห่งโอกาส"

 

๕. ทิฐิ คือ ความเชื่ออย่างผิด ๆ โดยเฉพาะในสังคมไทยซึ่งถูกฝังหัวมานานว่า การมีใบปริญญาหรือการสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก คือ เครื่องหมายของการมีปัญญา หรือสัญลักษณ์ของการมีสถานภาพอันสูงส่งในทางสังคม ความเชื่อเช่นนี้พลอยทำให้คนไทยที่ไม่ได้รับการศึกษาสูงจากสถาบันหรือจากในระบบรู้สึกดูถูกตนเอง และทำให้เกิดค่านิยมวัดคุณค่าของคนกันด้วยการประเมินจากปริญญาหรือจากวิทยฐานะ ซึ่งท่าทีเช่นนี้นับว่า ไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง ดังจะเห็นว่า ผู้คนจำนวนมากที่ประสบความสำเร็จในการครองชีพ ในหน้าที่การงาน ถึงขั้นที่สามารถอยู่ในสังคมไทยได้อย่างสุขสบายและมีเกียรติโดยไม่มีใบปริญญาเลยมีอยู่ทั่วไป แต่เพราะถูกฝังหัวมาตลอดว่า การมีใบปริญญาต่อท้ายชื่อ นั่นคือความประเสริฐ หรือคือคุณค่าของความเป็นคนในสังคมไทย บุคคลเหล่านี้ ซึ่งตามความจริงแล้วมีความรู้ มีปัญญาสูงส่งกว่าใบปริญญาหลายเท่าตัว จึงต้องพยายามขวนขวายหาที่เรียนหนังสือเพิ่มเติมกันอีกไม่ได้หยุดหย่อน

 

สิ่งที่คนเหล่านี้หวังไม่ใช่ปัญญาจากการศึกษา  หากแต่คือ "หน้าตา / อัตตา" หรือที่อยู่ที่ยืนที่โดดเด่นทางสังคมต่างหาก

ก็ในเมื่อเราเริ่มต้นกระบวนการทางการศึกษากันด้วยอวิชชาเสียอย่างนี้แล้ว ปริญญาที่ได้มาจะมีคุณค่าอย่างแท้จริงได้อย่างไร ปริญญาที่มีที่มาจากพฤติกรรมอันสกปรกนั้น ทำได้อย่างดีก็แค่หลอกคนสายตาสั้นที่ชอบวัดคุณค่าของคนกันจากภายนอกเท่านั้น แต่จะไม่มีความหมายอะไรเลยสำหรับปัญญาชนที่แท้ ซึ่งรู้ดีว่า คุณค่าของคนเป็นคนกับใบปริญญานั้น บางทีแทบไม่เกี่ยวกันเลยด้วยซ้ำ

ที่พูดนี้ว่าเฉพาะบางคนเท่านั้น ส่วนคนที่ตั้งใจศึกษาเพื่อแสวงหาปัญญาจริง ๆ ด้วยความใฝ่รู้จริง ๆ ก็มีอยู่ และมีอยู่เป็นจำนวนมากด้วย ใครก็ตามที่สนใจใฝ่รู้ด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์เช่นนี้ จึงเป็นคนที่ควรได้รับคำสรรเสริญ ควรยกให้เป็นบุคคลตัวอย่าง เพราะการศึกษาเพื่อการมีปัญญา เพื่อใช้เป็นคู่มือในการดำเนินชีวิตอยู่ในโลกอย่างรู้เท่าทันนั้น เป็นกิจกรรมอันประเสริฐยิ่งของมนุษยชาติอยู่แล้วด้วยตัวของมันเอง เพราะหากปราศจากการศึกษา มนุษย์ก็ไม่ดีไปกว่าสัตว์ดิรัจฉานสักเท่าไรนัก

 

เรียนสูง ใจต่ำ

เรียน ศิลปศาสตร์ซึ้ง แก่นสาร
สูง เฉพาะวิชาชาญ เชี่ยวใช้
ใจ หากมืดบอดปาน ปวงเปรต
ต่ำ ติดนรกใบ้ บอดบ้าบัดสี

 

....................................................................................................................................

เราจะเห็นว่า การจ้างทำวิทยานิพนธ์นั้น ผิดหลักธรรมอยู่หลายข้อ โดยเฉพาะศีล ๕ ที่เรานับถือกันโดยปกติ ไม่ว่าจะเป็นการลักขโมย หรือ การโกหก

การคัดลอก การ Copy แล้ว Paste ก็ไม่ต่างจากกรณีนี้สักเท่าไหร่ ...

ถึงแม้ว่าบทความนี้แสดงนี้ จะพูดถึงเฉพาะ "วิทยานิพนธ์" ก็ตาม แต่ผมคิดว่า เรารวมถึง "ผลงานวิชาการ" "การทำวิทยฐานะของครู" ได้ด้วยแน่นอน เพราะมีกรณีศึกษาไม่ได้ต่างกันนัก ... คัดลอก ขโมย สารพัดกลโกงที่แสดงถึงการทำความชั่วให้เกิดขึ้น

เคยเขียนบันทึกไว้ที่ "ครู" ว่าจ้างคนอื่นทำผลงานวิชาการ เพื่อเลื่อนวิทยฐานะของตัวเอง ... ถูกต้องใช่ไหม ?

โปรดลองพิจารณาดูเถิดว่า ผิดหลักธรรมจริงหรือไม่

บุญรักษา คนดี

 

....................................................................................................................................

แหล่งอ้างอิง

ว.วชิรเมธี (นามแฝง).  ธรรมะน้ำเอก.  พิมพ์ครั้งที่ ๖.  กรุงเทพฯ: อมรินทร์, ๒๕๕๑.

 

หมายเลขบันทึก: 257988เขียนเมื่อ 28 เมษายน 2009 17:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (23)

เรียนอ.เสือ

ไม่ทำเองแล้วจะเกิดองค์ความรู้ได้อย่างไรเน้อะ

ต้องพยายามทำเอง ผิดเป็นครู ยืนตรงไหน นั่งตรงไหน ให้เหมือนห้องสมุดเคลื่อนที่เพราะมันเรียนเองทำเอง เข้าใจหมดว่าถูกผิดพลาดหรือถูกต้องยันได้ อย่างนี้ถึงจะสนุก

อิอิ ครูต้อยก็ยังฝึกว่ายอยู่ค่ะ ช้าเร็วก็คือตัวเรา หนีไม่พ้นหรอกค่ะ ตัวเรานี้ อันที่จริงก็ยืมเขามานะคะ เดี๋ยวใช้หมดเขาก็เอาคืนแล้ว

ไปออกกำลังกายก่อนนะคะ ไปด้วยกันไหม วิ่งไปคิดไป ดูลมหายใจ ดูท่าวิ่งดูการเคลื่อนไหวของกายนี้สนุกนะคะ  สติมาปัญญาเกิด 

สวัสดีค่ะอาจารย์

เรื่องนี้เป็นหนึ่งในหลายเรื่องที่รับไม่ได้ค่ะ

เหตุเนื่องจากปัจจัยเกี่ยวกับการยอมรับของสังคม สังคมยอมรับคนเรียนสูง ให้เกียรติคนเรียนสูง

แต่การเรียนสูงๆ ไม่สามารถบอกได้ถึงจิตใจของคนได้เลยค่ะ

อยากให้จิตใจของคนสูงขึ้นพอๆ กับวุฒิทางการศึกษาด้วยค่ะ

ขอบคุณค่ะ

ทุกเรื่องที่อาจารย์กล่าวตอนนี้เป็นธุรกิจไปหมดแล้วค่ะ

ทำทุกวิถีทางให้ได้มาตามความต้องการ

มีใบปริญญาที่ กำกับระดับความรู้ แต่ไม่มีความรู้ที่เหมาะสมเลย

ตลอดจนได้ค่าตอบแทนที่สูงขึ้น ที่ได้มาจากการละทิ้งความรับผิดชอบให้กับผู้ที่อยู่ข้างหลัง

ต่อจากนั้นก็ทำงานแบบสบายๆ  ไม่มีการพัฒนาตนเองและองค์กร  ให้ก้าวหน้าขึ้นเลยค่ะ

ขอบคุณค่ะที่จี้จุด เหอ ๆ ๆ ๆ

 

 

 

ฝูงชนกำเนิดคล้าย คลึงกัน

ใหญ่ย่อมเพศผิวพันธุ์ แผกบ้าง

ความรู้อาจเรียนทัน กันหมด

เว้นแต่ชั่วดีกระด้าง ห่อนแก้ฤาไหว

พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕

สวัสดีครับ คุณ krutoi ครูในดวงใจ :)

ผมเชื่อว่า "ความเพียร" สร้างปัญญาได้ ไม่จำเป็นต้องอ้างว่า ไม่มีพรสวรรค์ ครับ

มนุษย์ หากมี "ความเพียร" ที่จะทำสิ่งใดด้วยความตั้งใจแล้วไซร้ เหตุใดจึงจะทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จ

ยกเว้น ความมักง่าย ... ที่อยากทำอะไรให้มันเร็ว ๆ ได้เร็ว ๆ เลยออกลีลาขี้โกง เหยียบคนอื่นเอา

ไข้หวัดใหญ่เชื้อสายเม็กซิโก เลยมาไวทีเดียวเชียวล่ะครับ

ฝากสูดอากาศอันบริสุทธิ์ สำหรับคนที่บริสุทธิ์ใจอย่างคุณ krutoi ด้วยนะครับ

ขอบคุณครับ :)

สวัสดีครับ น้อง สี่ซี่ :)

กลายเป็นแฟนพันธุ์แทะของผมไปแล้วมั้งเนี่ย อิ อิ

"ปริญญาสูง" มิได้บ่งบอกว่าคนผู้นั้น "มีจิตใจสูง" เช่นใบปริญญา ครับ

ผมไม่เคยนับถือคนที่ใบปริญญาเลย ไม่เคยนับถือคนที่มีตำแหน่งวิชาการสูง ๆ ... ผมพบว่า บางคนไม่สมควรได้รับสิทธิ์นั้น เท่าปัญญาที่มี ณ ปัจจุบัน ครับ อย่างที่อาจารย์ ว.วชิรเมธี ได้เขียนไว้

คงไม่ได้หยิ่ง ยะโส เกินไป ... ผมอยู่ในแวดลงอุดมศึกษามาค่อนชีวิต

อยากให้คำวิงวอนของน้อง สี่ซี่  เป็นจริงครับ

ขอบคุณมาก :)

สวัสดีครับ คุณครูจุฑารัตน์ NU 11 :)

เดี๋ยวนี้ต้องถามว่า "ใบปริญญา" ที่ทำให้เราก้าวหน้าในการงานมีขายที่ไหนและเท่าไหร่ ...

สะท้อนใจชะมัด

เอาใกล้ ๆ แค่วงการการศึกษาของเรานะครับ ... ลองไปแอบดูกึ๋นผู้บริหารโรงเรียน สพท. ศน. ดูครับ ... ใครควรได้รับสิทธิ์นั้นจริงบ้าง มีกี่คน แต่นั่นไม่ใช่แปลว่าไม่มี แต่มีน้อย

เวลามาเรียนต่อ ข้ออ้างดั่งเช่นท่าน ว.วชิรเมธี กล่าวไว้นั่นแหละครับ เป็นจริงทุกเรื่อง

หน้าห้องทำงานผมยังมีเลย บริหารการศึกษามหาบัณฑิต ... ทำอะไรก็ไม่เป็น มาเร่งไม่กี่วันเสร็จ บ้าดี

ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมครับ :)

ขอบพระคุณท่าน ผอ.บวร ที่ได้อัญเชิญบทกวีพระราชนิพนธ์ของล้นเกล้า ร.๖ มาทำให้บันทึกนี้สมบูรณ์มากขึ้น :)

สวัสดีค่ะ

  • เคยได้ยินค่ะ
  • แต่..เมื่อไปแก้เขาไม่ได้..ก็ยังมีโอกาสแก้ที่ตัวเด็กตัวน้อย ๆ
  • เรื่องการเห็นคุณค่าของตนเองและคุณค่าความเป็นมนุษย์
  • ความรู้ ความดี ความสามารถ จิตใจสูงอยู่ในตัวคนค่ะ
  • ไม่ได้อยู่ในใบปริญญา
  • ไม่เช่นนั้นจะมีข่าวคนที่มีความรู้ฆ่ากันตาย รวมทั้งเรื่องการผิดศีลธรรม ประเพณีมากมาย
  • ขอขอบคุณค่ะอาจารย์

ขอบคุณครับ คุณ ครูคิม :) ...

ตามหลักความจริงของชีวิตแล้ว "เราไม่สามารถเปลี่ยนใครได้ นอกจากเขาต้องเปลี่ยนตัวเอง"

ลงความดีที่บริสุทธิ์ไปยังเด็ก ๆ ของพวกเรา ครับ ... เห็นด้วยอย่างยิ่งที่สุด

อย่าไปนับถือคนที่ปริญญาบัตร ให้นับถือที่จิตใจดีกว่าครับ ... เพราะหลักการศึกษาเพื่อความงอกงามของจิตใจ เกือบจะไม่เหลือในประเทศไทยอีกแล้วครับ

มีแต่ของขาย ของซื้อ แม้กระทั่งปริญญา

ขอบคุณเช่นกันครับ :)

ครูชอบอ่านแต่ไม่ชอบเขียน

จะแก้ที่จุดไหนดี ถ้ามนุษย์ยังเห็นเรื่องเงินเป็นกิเลสกองใหญ่ที่ทุกคนก็พร้อมจะมีกิเลส เพราะคนจ้างทำ...ก็เพื่อตนเอง คนรับจ้าง...ก็ทำเพื่อตนเอง มันต้องมีเรื่องเงินเข้าไปทำให้เกิดปัญหาได้ทุกเรื่อง แม้แต่ปัญหาของคนในชาติขณะนี้...ใช่ไหมคะ จะแก้ตรงจุดไหนดี คน...ธรรมะ...หลักสูตร...

คุณ ครูชอบอ่านแต่ไม่ชอบเขียน มีประเด็นที่จะเขียนแล้วล่ะ ... สำหรับความคิดผมอันมีน้อย ... หาทางเพิ่มความตระหนักในด้านศีลธรรม จริยธรรม พร้อม ๆ กับการใช้หลักกฎหมายให้มีผลที่แท้จริงครับ เช่น มีการสืบว่าใครทำผิด ก็มีบทลงโทษหนักสำหรับผู้ที่ทำผิด แล้วแจ้งให้สังคมทราบ เป็นต้น

รอครูเขียนครับ :)

ถ้าคนเรามีจิตที่จะสำนึกบ้าง...รู้จักคิดเอง ...รู้จักแบ่งปัน(เช่นสังคมG2K)และที่สำคัญรู้จักให้อภัย และสามัคคี

ประเทศชาติเราคงไม่เป็นเช่นนี้เป็นแน่แท้ครับ

ขอบพระคุณ ท่านอาจารย์ ajarnnum ครับ :)

ผมเคยเข้าประชุมเรื่อง การลอกผลงานทางวิชาการ Plagiarism ซึ่งเกิดจากความเป็นห่วงในระดับชาติว่า ปัญหานี้หนักหนาสาหัสกว่าที่คิด เพราะในวันนั้น วิทยากรยกตัวอย่าง ผลงานเพื่อขอปรับวิทยฐานะของครู ๒ คน ที่เหมือนกันทุกประการยกเว้นชื่อจังหวัด และผลงานของศาสตราจารย์ท่านหนึ่งที่เหมือนรายงานของต่างประเทศชนิดอะไรจะคิดเหมือนกันได้ระดับนั้น

แล้วเราจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไรครับ

  • เด็กลอกการบ้าน--นักศึกษาจ้างเขียนวิทยานิพนธ์--อาจารย์ลอกผลงานทางวิชาการ มันมีความสัมพันธ์กันหรือไม่ ต้องแสดงให้เด็กเห็นว่า สิ่งที่ทำนั้นผิด อย่าคิดแค่ว่า เป็นเรื่องเล็กน้อย
  • แจ้งบทลงโทษให้ทราบก่อนและเอาจริง เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องขอใบเสร็จมาดูได้มั๊ย แค่มีพฤติกรรมส่อเท่านั้น
  • มาตรการสุดท้าย แต่แรง คือ ประจานให้เสียหายทั้งตัวผู้กระทำ และ สถาบันที่ไม่มีระบบป้องกัน 

ขอบพระคุณ อาจารย์หมอ เต็มศักดิ์ พึ่งรัศมี ครับ :)...

ปัญหาเรื่องนี้ "ไม่เล็ก" แน่นอนครับ ตราบใดที่เรายังไม่สามารถจิตสำนึกให้เกิดขึ้นกับคนในชาติ นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการทำรายงาน วิจัย วิทยานิพนธ์ ผลงานวิชาการ วิทยฐานะ ฯลฯ ...  

เรื่องนี้ ... ควรเป็น "วาระแห่งมหาวิทยาลัย" ไปยัน "วาระแห่งชาติ" ไปเลยครับ เพื่อให้มีการรณรงค์ครั้งใหญ่

ควรมีบทลงโทษทางสังคมและกฎหมายอย่างหนัก พร้อมกับการสร้างจิตสำนึกให้ซึบซาบไปทุกสถานที่ ทุกครอบครัว

อาจารย์เคยเห็น "คนมีตังค์" ในสังคม ได้รับ ดุษฎีกิตติมศักดิ์ ไหมครับ แล้วใช้ ดร. เวลาออกงานสังคม งานการเมือง :)

พอเรียกว่า คอร์รัปชันทางปัญญา ได้ไหมครับ หรือคนละประเด็น :)

  • สวัสดีค่ะ
  • นักศึกษาจ้างทำวิทยานิพนธ์ น่าอายมาก
  •  สมัยที่เรียน ทำวิทยานิพนธ์จนหัวฟู โรคกระเพาะกำเริบ ผลออกมาภาคภูมิใจมากในสิ่งที่เราประสบผลสำเร็จ
  •  การจ้างทำน่าอาย การทำด้วยสติปัญญาของตนเองจะรู้สึกภาคภูมิใจที่สุด
  • ที่หนักไปกว่านั้น ครู (บางท่าน ) จ้างทำผลงานเลื่อนวิทยฐานะ
  • หากการสอบสวนยุติ โทษทางวินัยถึงขั้นไล่ออก (ผิดวินัยอย่างร้ายแรง)

ขอบคุณ ท่านอาจารย์ ศน.เอื้องแซะ ครับ ...

ท่านอาจารย์มีอุดมการณ์และจุดยืนอันน่ายกย่องครับ

จากการอยู่เขตพื้นที่ฯ ... อาจารย์มีเรื่องเล่าเป็นตัวอย่างการว่าจ้างการทำผลงานบ้างหรือไม่ครับ อยากให้อาจารย์เขียนบันทึกเป็นตัวอย่างให้ได้ทราบบ้าง

เพราะอยู่ในวงการนี้ ... เรารู้ ๆ กันอยู่ว่า มันมีจำนวนมาก แต่ชอบเงียบ ไม่ได้ทำอะไรในการลงโทษ ทำให้ครูดี ๆ เขาท้อใจกันครับ

:)

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับผม คุณ Why do you write? ;)

http://cometowrite.blogspot.com

ขออนุญาตเพื่อนๆสานงานวิทยานิพนธ์ให้สำเร็จค่ะ...ขอบคุณข้อมูลดีๆค่ะ..คิดดีทำเองจบช้าเร็วช่างมันเน๊าะ..ขอบคุณค่ะ..

ยินดีต้อนรับ คนคุณภาพดั่งเช่นคุณ อ้อยเล็ก ;)

เป็นเรื่องสำคัญมากครับ และดอกบัวงามมาก

ชอบบทความนี้มากๆ..เลยค่ะ สะใจดี

เรียนจบปริญญาโทแล้ว ทำ IS เองทุกขั้นตอน

เพื่อนๆที่เรียนด้วยกันไม่ถึง 10% ที่เขียน IS เอง (เรายังรับจ้างทำเลย)

ตอนนี้ก็ยังรับจ้างทำอยู่ ทั้งผลงานครู ทั้งวิทยานิพนธ์ สาระนิพนธ์และวิเคราะห์ข้อมูล

เพราะ...คิดเสมอว่า

สังคมเราทุกวันนี้มันต้องเป็นอย่างนี้และจะต้องมากขึ้นเรื่อยๆ

ดังนั้นจึงคิดว่า..อยากช่วยสังคม ช่วยสอนให้คนที่เค้ามาจ้างทำงานได้เรียนรู้ไปด้วยในตัว

และสำคัญที่สุดช่วยสอนให้เค้ารู้จักเคารพงานของคนอื่นๆ โดยไม่ใช้คำว่า Copy แล้วก็ Paste ช่วยสอนให้เค้ารู้จักคำว่า"ศึกษา" อ่านแล้วก็คิด ไม่ใช่ Copy งานของคนอื่นๆ

ถึงวันนี้จะเป็นแค่คนช่วยคิดและชี้ทาง

แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

จริงมั้ย..

ขอแสดงความนับถือการทำความดีของท่าน สุจิน ครับ ;)

ยินดีนักครับที่ยังเหลือคนดี ๆ อย่างท่านอยู่

ขอบคุณมากครับ ;)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท