เรื่องที่จะผมเขียนนี้ เป็นเรื่องจริงของลูกศิษย์วิชาเอกที่ผมสอนอยู่
เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ... บ้านอยู่แถว ๆ อุทยานแห่งชาติดอยภูคา (ไม่บอกจังหวัดนะครับ) เข้าเรียนมหาวิทยาลัยชายเขา ปี 2548 ปัจจุบันอยู่ปี 3
เป็นลูกสาวคนเดียวของแม่ ซึ่งมีอาชีพเป็นครูโรงเรียนมัธยมศึกษาประจำอำเภอที่อยู่ก่อนอำเภอบ่อเกลือ ส่วนพ่อเสียชีวิตไปนานแล้ว ครอบครัวนี้ จึงมีกันอยู่ 2 คนแม่ลูก
สมัยปี 1 ... เด็กผู้หญิงคนนี้ถือได้ว่า เป็นเด็กเรียนเก่งคนหนึ่ง เกรดเฉลี่ยอยู่ที่ 3 กว่า ๆ อีกทั้งเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี เรียบร้อย มีโลกส่วนตัวที่สดใส เป็นคนที่น่าจะมีอนาคตไกล
ปิดเทอมภาคฤดูร้อนจะกลับไปหาแม่ที่บ้าน ดูแลแม่
เริ่มเข้าสู่ปี 2 ... เริ่มการรู้จักแต่งตัวมากขึ้น ... จากวัยเด็กเข้าสู่วัยสาว เริ่มรู้จักเพื่อนฝูงมากขึ้น ... เริ่มรู้จักโลกของการเที่ยวกลางคืน ... เริ่มไม่เข้าเรียน หรือไม่ก็เข้าเรียนสาย วิชาไหนมีเรียนเช้า มักจะลุกมาไม่ไหว เพราะเมื่อคืนกว่าจะนอนก็เกือบเช้า ... รายงานที่อาจารย์สั่งไว้ ก็ทำไม่ทัน หรือไม่ทราบว่ามีงานต้องส่ง
เมื่อเกรดออก ก็เริ่มตกลงจาก 3 กว่า ๆ เหลือ 2 กว่า ๆ
ผมสงสัยในพฤติกรรม จึงเริ่มสอบถามเพื่อน รวมทั้งเรียกเจ้าตัวมาคุยว่า เกิดอะไรขึ้นกับเธอ
ผลที่ได้ คือ เด็กผู้หญิงคนนี้ เริ่มมีแฟน ... แล้วช่วงนี้ใช้เงินไม่ค่อยพอ จึงไป "ทำงานเป็นสาวเชียร์เบียร์" ยี่ห้อหนึ่งอยู่ ต้องทำงานกลางคืน เลิกงานประมาณ ตี 2 กว่าจะกลับถึงหอ ตี 3 ทุกวัน
ผมถามว่า แล้วแม่เธอรู้ไหม ก็ตอบผมว่า ไม่ได้บอกแม่ว่าทำงานพิเศษ กล้วแม่รู้
ผมก็บอกเค้าตรง ๆ ว่า ทำไมไม่เลือกทำงานอื่น เลือกทำงานนี้ทำไม เค้าตอบว่า เพื่อนชวน และเงินดี จะได้พอใช้ทุก ๆ เดือน
ผมก็ตักเตือนเขาไป แต่ไม่ทราบว่า ผลจะเป็นยังไง เพราะชีวิตของเขาเอง
เข้าสู่ปี 3 ... เค้าต้องเรียนวิชาที่ผมสอน ก็ยังเหมือนเดิม คือ ไม่เข้าเรียน มาเรียนสาย ไม่ส่งงานตามกำหนด และบางครั้งก็ไม่เคยเห็นหน้า ผมก็ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรต่อไป เพราะเค้าหลบหน้าผม จึงสอบถามจากอาจารย์ที่ปรึกษา ก็มีเรื่องที่น่าตกใจ คือ วิชาอื่นก็มีพฤติกรรมแบบนี้เหมือนกัน
และยิ่งไปกว่านั้น ... แฟนที่ว่านี้ คือ เป็นเสี่ยที่มาเลี้ยงดูเด็กคนนี้
ยิ่งไปกว่านั้นอีก ... แม่ที่ผมได้เล่าให้ฟังไว้นั้น เป็นคนพิการที่ไม่มีขาทั้งสองข้าง เหตุเกิดจาก "พวกเมาแล้วขับ" แต่เนื่องจากเป็นข้าราชการ จึงยังได้สอนอยู่
ผมรู้สึกเศร้าใจมาก นี่ถ้าแม่เค้ารู้ว่า ลูกทำตัวแบบนี้ แม่เค้าจะเสียใจแค่ไหน
จำได้ว่า ผมเคยเอาวีดิทัศน์ของอาจารย์ หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา ให้ดูในชั่วโมงเรียนด้วย เป็นเรื่องราวของความกตัญญูที่มีต่อพ่อกับแม่ แต่มันไม่ได้ช่วยให้เขาได้คิด และกลับตัวเลย ... คิดได้แต่ในชั่วโมงเรียน หลังจากออกมา ก็เหมือนเดิม
เรื่องยังคงไม่จบ ... คงต้องดูต่อไปว่า เด็กคนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อไหร่ที่เขาจะคิดได้ และกลับตัวกลับใจ กลับไปให้แม่เค้าได้ชื่นใจเหมือนเดิม
ผมยังคงทำหน้าที่ "ครู" ต่อไป ถ้ามีโอกาส ผมอยากให้เขาเรียนจบปริญญาตรีให้ได้ ส่วนชีวิตต่อไป เป็นสิ่งที่เขาจะเลือกเดินทาง ผมไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้
สะท้อนใจบ้างไหมครับ ... :(
ขอบคุณมากครับ ... อาจารย์ขจิต
"ขอให้อาจารย์มีความสุขกับอาชีพที่ประเสริฐนี้"
คำนี้ผมชอบมากครับ ของ อาจารย์หมอประเวศ วะสี ขอบคุณครับ นำวลีดี ๆ มาฝาก
จริง ๆ เด็กคนนี้มาเรียนวิชาเอกบังคับกับผมอยู่แล้ว ผมกะว่า ... ถ้าเธอทำคะแนนไม่ถึงเกณฑ์ผมล่ะก้อ ตกแน่ ๆ แต่ ... ผมดูแล้วว่า น่าจะรอดหวุดหวิด
ผมว่า ... เพชรก็คือเพชร ... รอให้หมดความหลงใหลได้ปลื้ม ก็น่าจะพอเข็นขึ้นอยู่ครับ
อาจารย์ไป Oregon State University โฮ้ ... มหาวิทยาลัยดีครับ หัวหน้าสาขาผมก็จบที่นั่น
ว่าแต่ อาจารย์ไม่แวะไปดับไฟจริง ๆ หรือครับ
คนไทย มีน้ำใจหนา :)
ฝากระลึกถึงคุณพ่อครูบาด้วยนะครับ ... ผมแทบจะไม่รู้จักท่านเลย
ขอบคุณมาก (นี่ว่าจะไม่เข้าแล้วนะ วันนี้ เข้ามาอีกจนได้)
ใช่ครับ อาจารย์รัตน์ชนก ...
โดยเฉพาะจังหวัดใหญ่ ๆ ที่ผมอยู่เนี่ย ...
วัฒนธรรมแบบเมืองหลวง และต้นแบบเมืองท่องเที่ยวกำลังถาโถมเข้ามา แบบถอนรากถอนโคนวัฒนธรรมเดิมหมดแล้ว
เป็นครูเค้า เหนื่อยทีเดียว
ขอบคุณนะครับ แวะมาให้กำลังใจ
เป็นอาจารย์ทั้งหน้าที่ และจิตใจ
เป็นโชคดีของลูกศิษย์นะคะ
ขอให้นักศึกษาของอาจารย์กลับมาจากแสงสลัวสู่แสงสว่างทันเวลานะคะ
เป็นกำลังใจด้วยคนคะ
---^.^---
ขอบคุณที่แวะไปให้กำลังใจคะ
ขอบคุณมากครับ คุณ พิมพ์ดีด
ตอนนี้ ครูยังจุดเทียนไขอยู่เลยครับ ไม่มีเงินซื้อไฟแช็ก ... เมื่อไหร่จะสว่างนะเนี่ย
:)
สวัสดีคะคุณครู
จุดเทียนไขก็สว่างได้คะ...แถมยังคลาสสิคอีกต่างหาก
---^.^---
คือว่าอย่างนี้ไง น้องพิมพ์ดีด ...
หน้ามันมืด คลาสสิค แต่มองไม่เห็นอ่ะ 555