ในบันทึก อยากให้ G2K เป็นอย่างไร ? ของคุณ เบิร์ด ... ผมเคยได้ย่องเข้าไปแสดงความคิดเห็น แต่ไม่สามารถตอบอะไรไปมากกว่า จะบอกคุณ เบิร์ด ว่า .. ผมอยากให้ Gotoknow เป็นคนดี
ทันใดนั้น คุณ เบิร์ด จึงได้ถามผมกลับมาโดยที่ผมไม่ได้ตั้งตัวว่า เราควรมีแนวทางอย่างไรบ้างคะเพื่อให้ G2K เป็นคนดีแบบที่เราอยากเห็น ?
ผมใช้เวลาหาคำตอบนี้หลายเดือน จนในที่สุด ... ไปพบข้อเขียนธรรม ข้อเขียนหนึ่งที่อ่านแล้ว จึงอยากจะกลับมาบอกคุณเบิร์ดว่า ผมคิดว่า ผมพบคำตอบแล้วล่ะ อาจจะไม่ตรงใจใคร ก็ตรงใจ ก็ไม่ทราบได้ครับ แต่ผมอยากบอกนี่
คุณเบิร์ด และท่านทั้งหลาย ลองอ่านดูนะครับ ..
คุณค่าแท้ คุณค่าเทียม
ชีวิตของคนเราที่กำลังเคลื่อนไหวไปมาแต่ละขณะ ล้วนตั้งอยู่บนพื้นฐานของการเกี่ยวข้องกันอยู่เนือง ๆ เริ่มตั้งแต่สถาบันครอบครัวที่เล็กสุด จนกระทั่งถึงสังคมโลกที่กว้างใหญ่ไพศาล
ทุกอย่างล้วนมีความสัมพันธ์ต่อกัน โดยมีเราเป็นผู้ขับเคลื่อนให้ก้าวต่อไปเรื่อย ๆ ซึ่งทำให้เกิดเป็นความคุ้นเคยหรือเป็นเพียงมารยาทที่ต้องปฏิบัติต่อกันอยู่เรื่อยมา
แต่เรื่องที่น่ากังวลในการคบค้าสมาคมต่อกัน ก็คือ "การทำทีว่ามีมารยาท แต่สุดท้ายกลายค่าเป็นมารยาที่มอบให้แก่กัน" เป็นภาวะที่ดูเหมือนเต็มใจแสดงกิริยาที่งดงาม แต่แท้จริงแล้วกลับซ่อนมิตรภาพที่จอมปลอมไว้อยู่ในนั้น
เพราะเรามักจะเข้าใจว่า คุณค่าจากสิ่งอื่น ไม่มีความจำเป็นต่อชีวิตแต่อย่างใด เราจึงเกี่ยวข้องกับสิ่งอื่นในรูปแบบของการจำใจที่จะต้องปฏิบัติให้เสร็จไปวัน ๆ เท่านั้น
เด็กทำทีท่าว่าเคารพผู้ใหญ่ เพียงเพราะถูกสอนมาว่า ต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตน มิเช่นนั้นจะถูกกล่าวหาว่า ไร้มารยาท
คนทำงานเกี่ยวกับการต้อนรับ พูดจาดี มีกิริยาที่สุภาพ เพียงเพราะต้องการเอาใจเจ้านาย ผู้จะให้เงินเป็นสินจ้างรางวัลแก่ตน
ผู้คนลุกขึ้นยืนทำความเคารพทุกครั้งที่เสียงเพลงชาติดังขึ้น เพียงเพราะคิดว่าเป็นมารยาทที่ต้องปฏิบัติให้ผ่านพ้นไปวัน ๆ
ผู้คนแสดงความเคารพศาสนา เพียงเพราะเกรงจะถูกดูแคลนว่าไม่มีวัฒนธรรม จึงกราบไหว้เพียงให้รู้ว่า ตนมียี่ห้อของศาสนาอะไร ฯลฯ
นี่คือ ดัชนีชี้วัดว่า ตัวเราและคนที่อยู่ร่วมกันจะแสดงออกเพียงเพื่อให้รู้ว่า มันเป็นเพียงมารยาทที่ต้องปฏิบัติต่อกันเท่านั้น
แต่ถ้ารู้จักทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น ด้วยใจที่มีความเอื้ออาทรในสิ่งที่เกี่ยวข้อง เราเริ่มมองเห็นการใช้ชีวิตที่สักว่าเป็นเพียงมารยาทที่พึงปฏิบัติต่อกันนั้น เป็นการลดคุณค่าในชีวิตลงด้วยตัวของเราเอง
เพราะชีวิตและสังคมที่งดงาม จะต้องอาศัยการขับเคลื่อนด้วยการร่วมมือ และมีไมตรีจิตที่แท้จริงมอบให้กัน มิใช่เป็นเพียงสักแต่ว่าทำลงไปแล้วก็จบลง ณ ตรงนั้นทันที
แต่ต้องเป็นมารยาทที่เกิดจากความงามที่จิตใจเป็นหลักเป็นความเต็มใจที่จะแสดงออกต่อกันและกัน ด้วยความรู้สึกเห็นค่าต่อสิ่งที่สัมพันธ์กับชีวิตของตนด้วยความเต็มใจ
แล้วเราจะเห็นว่าทุกชีวิตสามารถสัมพันธ์ต่อกัน และก่อให้เกิดความสุขตามที่ฝ่ายพึงประสงค์ ด้วยภาวะที่งดงามในความเป็นตัวของตัวเองของสิ่งนั้น ๆ ตามสถานะ
เราจะได้เห็นเด็กแสดงความเคารพผู้ใหญ่ ในขณะที่ผู้ใหญ่ก็ใจดีพอที่จะยิ้มรับการแสดงความนอบน้อมนั้น พร้อมกับการให้กำลังใจในสิ่งดี ๆ ที่พวกเขากำลังทำ
เราจะได้เห็นคนทำงานเกี่ยวกับการต้อนรับ ยิ้มรับผู้มาเยือน ด้วยรอยยิ้มที่ฉีกกว้างด้วยความเต็มใจ ในขณะที่ผู้มาเยือนก็พร้อมที่จะกล่าวคำว่าขอบคุณด้วยความชื่นชม
เราจะได้เห็นผู้คนลุกขึ้นยืนแสดงความเคารพเมื่อเสียงเพลงชาติดังขึ้น ด้วยความสำนึกต่อบรรพบุรุษ ผู้มีพระคุณ ที่ท่านอุตส่าห์รักษาแผ่นดินให้เราได้อยู่อาศัยตราบจนปัจจุบัน และทำให้ตัวเราเกิดความหวงแหนแผ่นดินนี้ตราบชีวีจะม้วยมรณา
เราจะได้เห็นภาพของผู้คนกราบไหว้ศาสนาของตน ด้วยความเคารพศรัทธาที่ออกมาจากใจ เห็นค่าสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่โดยการรู้จักปฏิบัติตนเป็นคนดี ให้สมกับที่ศาสดาของตนสอนไว้ และรู้จักแสดงความเคารพต่อศาสนาอื่น ด้วยจิตที่ยอมรับในความเป็นเขาด้วยความเข้าใจ
เมื่อทำได้เช่นนี้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะส่งผลเป็นคุณค่าของชีวิตให้มีความงามที่เปล่งประกายกว่าเดิม และทำให้สังคมที่เราอาศัยอยู่ก้าวไปสู่ความสงบสุขร่วมกัน
เพราะสิ่งที่เราได้ช่วยกันถักทอ มิใช่เป็นเพียงแค่มารยาทที่ตอ้งจำใจปฏิบัติ แต่เป็นภาวะที่ถูกยกระดับให้เกิดคุณค่าแท้ต่อสิ่งที่เราเกี่ยวข้อง โดยเราเองก็มีความรู้สึกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น คือ สิ่งที่ช่วยจรรโลงและโลกของเราให้งดงาม
มีชายคนหนึ่งได้ไปเยี่ยมพระที่รู้จักกันที่วัดแห่งหนึ่ง ทั้งสองได้สนทนากันจนถึงเวลาอาหารเพล พระผู้เป็นเจ้าของสถานที่จึงเชิญเขาให้อยู่รับประทานอาหารด้วยกัน ซึ่งฝ่ายชายผู้มาเยือนก็กล่าวน้อมรับด้วยความยินดี
อาหารเพลในวันนั้น คือ บะหมี่ ซึ่งคนครัวได้บรรจงทำด้วยความประณีต แต่ที่ทำให้เกิดความแตกต่างก็คือ คนครัวยกมาเพียง 2 ชามเท่านั้น ชามหนึ่งใหญ่ แต่อีกชามหนึ่งมีขนาดที่เล็กกว่า ทำให้ทั้งสองไม่รู้ว่า จะเลื่อนชามไหนให้ใครดี
ฝ่ายพระจึงได้แสดงน้ำใจ ด้วยการเลื่อนบะหมี่ชามที่ใหญ่กว่าไปให้ชายผู้มาเยือน ทว่าโดยมารยาทแล้ว ชายหนุ่มก็ควรแสดงน้ำใจ ด้วยการเชิญให้พระได้ฉันชามที่ใหญ่กว่า แต่ปรากฎว่า เขากลับลงมือรับประทานบะหมี่ชามใหญ่นั้นหน้าตาเฉย
เมื่อกินบะหมี่จนอิ่มแล้ว ชายผู้มาเยือนจึงได้มองดูพระคู่สนทนา แต่กลับเห็นท่านไม่ยอมแตะชามบะหมี่นั้น จึงหัวเราะในสิ่งที่เห็น พร้อมกับถามว่า
"ทำไมท่านไม่ยอมฉันล่ะครับ ?"
ฝ่ายพระก็ไม่ยอมพูดแม้สักคำเดียว ได้แต่นั่งนิ่งเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรสักอย่างอยู่ในใจ ชายผู้กินบะหมี่จึงหัวเราะขึ้นด้วยเสียงที่ดังกว่าครั้งแรก และพูดว่า
"ท่านไม่พอใจที่ผมไม่ยอมเลื่อนบะหมี่ชามที่ใหญ่กว่า คืนให้ใช่ไหมครับ"
ฝ่ายพระเองแทนที่จะตอบคืน กลับแสดงกิริยาที่นิ่งเงียบ โดยซ่อนความไม่พอใจไว้อยู่ข้างใน ชายคู่สนทนาจึงถามว่า
"ผมขอถามท่านหน่อยว่า การที่เราเลื่อนชามบะหมี่กลับไปกลับมาอยู่อย่างนี้ จุดมุ่งหมายคืออะไรครับ ?"
"เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามได้กินชามที่ใหญ่กว่า" พระกล่าวตอบ
เมื่อฝ่ายพระให้คำตอบเช่นนั้น ชายผู้มาเยือนจึงกล่าวเชิงให้ข้อคิดในเรื่องดังกล่าวว่า
"ถูกต้องแล้วครับ การที่เราเลื่อนชามบะหมี่ไปให้ผู้อื่นก็เพื่อต้องการให้เขาได้กินชามที่ใหญ่กว่า แต่ถ้ามัวแต่เกี่ยงกันไปมาอยู่อย่างนี้ เมื่อไรจะได้กินเสียที การที่ผมกินบะหมี่ชามที่ใหญ่กว่า แล้วทำให้ท่านไม่พอใจ ก็แสดงว่าการแสดงน้ำใจ หรือ การถ่อมตนนั้นไม่มีประโยชน์อะไร เพราะมันไม่ได้ออกมาจากใจ สิ่งที่ท่านทำอยู่นี้ จึงไม่ชื่อว่า เป็นการพัฒนาจิตใจให้ดีขึ้น เป็นเพียงมารยาทที่ต้องจำใจแสดงออกไปเท่านั้น"
เมื่อได้ฟังถ้อยคำดังกล่าว พระจึงได้รู้ว่า การที่ตนเองแสดงมารยาทออกไปเช่นนั้น ไม่ได้ชื่อว่าเป็นความงามของมารยาทที่แท้จริง เป็นแต่เพียงการแสดงกิริยาออกไป เพื่อให้คนอื่นรู้สึกว่า ตนมีน้ำใจเท่านั้น เมื่อคิดได้เช่นนี้ ท่านจึงมีสติกลับมาอยู่กับตัว พร้อมกับกล่าวขอบคุณคู่สนทนา
"ท่านพูดถูกแล้วล่ะ ขอบใจที่ให้ปัญญาแก่อาตมา"
เมื่อต้องการสร้างคุณค่าแท้ให้กับชีวิต เราต้องเรียนรู้ที่จะทำความเข้าใจในทุกรายละเอียดที่กำลังเกี่ยวข้องอย่างผู้ใช้ปัญญา แล้วจะรู้ว่าระหว่างคุณค่าแท้และคุณค่าเทียมนั้น เราควรเลือกสิ่งใดมอบให้กับชีวิตมากกว่ากัน
คุณเบิร์ดครับ ... ผมอยากให้ Gotoknow เป็นคนดีแบบนี้ครับ .. มีบรรยากาศของความมีมิตรไมตรี ไม่โกหก หลอกลวง มีความจริงใจต่อกัน เกิดปัญหาก็ช่วยกันแก้ไข ... ไม่มีมารยา กลลวงใด ๆ ... ไม่ใช้ Gotoknow เป็นเครื่องมือดำเนินกลยุทธ์ในทางที่มิชอบ เช่น หวังผลด้านตำแหน่ง ยศฐา บรรดาศักดิ์ ... เป็นสถานที่เอื้ออาทร ความมีเมตตาการุณ ฯลฯ
แบบนี้ พอเป็นคำตอบได้ไหมครับ คุณเบิร์ด
ขอบคุณครับ :)
แหล่งอ้างอิง
ชุติปัญโญ (นามแฝง). ชีวิตวันนี้ที่วุ่นวาย มีที่พักใจหรือยัง ?. พิมพ์ครั้งที่ 4.
กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ใยไหม, 2551.
ขอบพระคุณอาจารย์ เอื้องแซะ ครับผม :)
เป็นคนดีไม่เบียดเบียนใครครับ
อาจารย์ครับ อีกบันทึกครับ ฝากอาจารย์เยี่ยมครับ ข้อคิดของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ใน Gotoknow คือ "เรามิใช่คนสำคัญกว่าใครอื่น"
ได้ข่าวจากลูกศิษย์ว่า อาจารย์เป็นวิทยากรอบรม KM ... บันทึกนี้อาจจะมีประโยชน์ในมุมมองแปลก ๆ นะครับ :_
ขอบคุณครับอาจารย์ :)
สวัสดีครับ อาจารย์ Wasawat Deemarn
สวัสดีครับ อาจารย์ วัลลภ สุวรรณอาภา
ขอบคุณครับ :)
มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งมาฝากค่ะ...
บทสนทนาพระไตรปิฎก...
สุภาพสตรีท่านหนึ่ง...ท่านหยิบยกเรื่องแห่งคำสอนแห่งพระพุทธองค์มา...หากเป็นคำสอนที่ได้จากการปฏิบัติหาใช่ปริยัติ ที่ท่องพระสูตรต่างๆ ได้ขึ้นใจ เมื่อเทียบเคียง..มีกล่าวใน..บทคำสอนแห่งพระพุทธองค์ แต่ไม่ใช่โดยตรง...หรือจะเรียกได้ว่าเป็น "ความรู้" จากการปฏิบัติ..
เมื่อเธอเล่าขึ้นมาให้เพื่อนได้ฟัง...เธอได้ถูกทักท้วงจากนักบวชรูปหนึ่ง ผู้ได้ชื่อว่า...แตกฉานและได้อ่าน ร่ำเรียนพระไตรปิฏก...มามากกว่าสุภาพสตรีท่านี้...ว่า "สิ่งที่สุภาพสตรีท่านนี้เอ่ย ...ไม่ไดมีพูดไว้ในพระไตรปิฎก"...เพราะท่านไม่เคยได้อ่านเจอ...
....
ฉันใดก็ฉันนั้น...
จากเรื่องเล่าของคุณทำให้กะปุ๋มนึกถึงเรื่องนี้...
ขอบคุณค่ะ
(^____^)
กะปุ๋ม
ขอบคุณครับ :) คุณ Ka-Poom :)
สวัสดีค่ะ อ.วสวัตดีมาร
เข้ามารับคำตอบที่เยื่ยมที่สุดคำตอบหนึ่งจากกัลยาณมิตรที่ตั้งใจมอบให้ด้วยความสุขใจเป็นล้นพ้นเชียวค่ะ ^ ^
เบิร์ดเชื่อว่าความปรารถนาที่อาจารย์อยากเห็นนั้นเป็นจริงได้แน่ค่ะ เพราะสิ่งดีๆจะดึงดูดสิ่งดีๆเสมอเพียงแต่เราต้องใส่สิ่งดีๆหรือขยายสิ่งดีๆในตัวของเราให้มากขึ้นๆ เพื่อเป็นปริมณฑลแห่งความดีที่เป็นความดีงามจากภายในแบบที่อาจารย์ยกมาไงคะ ..
ขอบพระคุณอีกครั้งกับคำตอบที่ทำให้เบิร์ดยิ้มตาปิดด้วยความสุขใจค่ะ ^ ^
สวัสดีค่ะอาจารย์วสวัต
ครูแอนเป็นอีกคนหนึ่งค่ะที่ประทับใจกับ G2K ในตอนแรกเข้ามาในสถานที่นี้
ในครั้งแรกๆ ที่เพิ่งจะเริ่มหัดเขียน เมื่อเข้ามาก็เจอะเจอกับมิตรภาพ โดยได้รับความช่วยเหลือเป็นคำแนะนำดีๆ จากคุณหมอมาโนช หล่อตระกูล ที่ทำให้ครูแอนนำไปใช้ในการแนะนำ, แก้ไขปัญหาให้เด็กๆ ,อบรมสั่งสอนลูกศิษย์ได้เป็นอย่างดี จึงทำให้มีความรู้สึกดีๆ เกิดขึ้นจนกลายเป็นบันทึกที่ 2 (ครูครับ..ครูว่าผมเป็นเกย์มั๊ย),3,4.....และต่อๆ มาน่ะค่ะ และต่อจากนั้นมาก็พบเจอกับมิตรภาพจากบล็อกเกอร์อีกหลายๆ ท่าน แม้ไม่เคยเจอะเจอหน้าตา แต่ทว่าเหมือนใจตรงกัน คิดดีต่อกัน ....สิ่งเหล่านี้คือคุณค่าแท้ที่ดิฉันสัมผัสได้จากที่นี่ค่ะ และที่ไม่อยากให้ที่นี่เป็นและไม่อยากเห็นหรือพบเจอคือการสร้างภาพ...คุณค่าเทียมเช่นที่อาจารย์นำเสนอมาน่ะค่ะ...
เพราะฉะนั้น...จึงประทับใจและขอมายกมือเห็นชอบในคำตอบของอาจารย์ด้วยเช่นกันค่ะ
ขอบคุณค่ะอาจารย์
สวัสดีครับ คุณ เบิร์ด
บุญรักษา ครับ :)
สวัสดีครับ คุณครูแอน Lioness_ann :)
ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงนะครับ คุณครูแอน ... ขอบคุณสำหรับมิตรภาพและความเห็นที่สวยงามและมาจากเช่นนี้ :)
ชอบประเด็นและเรื่องที่นำมาให้อ่านค่ะ
นี่ไม่ใช่กล่าวโดยมารยาทนะคะ คิดอย่างนี้จริงๆ ด้วยความจริงใจค่ะ :)
ของพระคุณ พี่ jaewjingjing ครับ
มารยาท หรือ ไม่มารยาท ผมว่าเราวัดกันด้วยความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันครับพี่ ... พูดคุยแลกเปลี่ยนกันบ่อย ๆ จะทำให้เราเข้าใจในความมีตัวตนของกัลยาณมิตรที่เราคุยด้วย
เชื่ออย่างนั้นไหมครับ :)
อ่านบันทึกของอาจารย์ Wasawat Deemarn จบแล้ว ค่อยรู้สึกเบาใจขึ้น เพราะกำลังเขียนเรื่องที่ต้องทำงานเป็นคุณประสานในที่ทำงานค่ะ เพราะว่าอยากเป็นคนดี แต่ปากกาเขียนออกจะตรงมากเกินไป (ปากจัด)(ก็เรื่องจริง ๆ จะโกหกทำไม)จะละไว้ก็คงอ่านไม่รู้เรื่อง ถึงเขียนตามจริง กระทบใจใครบ้าง แต่อย่างน้อยไม่หลอก ไม่ทำให้ G2K เสื่อมเสียเป็นคนไม่ดี (เพราะว่าโกหกคำหวานคำโต)โล่งใจค่ะ (มาแบบขวาง ๆ ก็เป็นเหมือนกัน)ขอบคุณค่ะ
สวัสดีครับ พี่หม่อม ดาวลูกไก่ ชื่นชมยินดี
ขอบคุณพี่หม่อมนะครับ ขอให้ประสบความสำเร็จในเรื่อง "คุณประสาน" นะครับ :)
แหม ต้องมากวนประสาทอีกแล้ว
อยากได้แต่ไม่เป็นหรอกครับ ถ้าจะมีโอกาสเป็นต้องทำด้วย ทำแล้วไม่แน่ว่าจะเป็น แต่ถ้าไม่ทำนั้นไม่เป็นแน่ครับ
แวะมากินบะหมี่ชามโตค่ะ
เพื่อให้ผู้ที่ยื่นเกิดความปิติในการ "ทำดี"
^^
หุ หุ ขอบคุณครับ คุณ Conductor ... ตรรกะที่วกวน แต่มีเป้าหมายชัดเจนเหมือนเดิมครับ ยินดีให้แวะมา กวน ก๊วน กวน เสมอ ครับ :) ... มาด้วยประสงค์ดี ก็ต้อง <-- ต้อนรับ ครับ :) อิ อิ
ขอบคุณท่านอาจารย์ จันทรรัตน์ ... ครับ สงสัยอาจารย์จะหิว ครับ ... เชียงใหม่มีก๋วยเตี๋ยวเป็ดชามโตอยู่แถวคลองชลประทาน อร่อยมาก ครับ :)
นี่ขนาดยอกย้อนแล้ว อาจารย์ยังแยกแยะได้ ส่งสัยว่าคราวหน้าคงกวนไม่ได้ ต้องปั่นแทนแล้วล่ะครับ ;)
สวัสดีครับ คุณ Conductor ...
ความหวังดี แต่ประสงค์ร้าย <<-- มีเหตุมีผลหรือไม่ ?
ความหวังร้าย แต่ประสงค์ดี <<-- มีเหตุมีผลหรือไม่ ?
ความหวังร้าย และประสงค์ร้าย <<-- มีเหตุมีผลหรือไม่ ?
ความหวังดี และประสงค์ดี <<-- มีเหตุมีผลหรือไม่ ?
ขอบคุณนะครับ ... :) ... ต้อง <- ปั่นมาเลยหรือครับ คุณ Conductor ... เอาล่ะ สงสัยจะตั้งรับไม่ทันซะแล้วครับ ยิ่งหัวหมุน ๆ อยู่ด้วย ช่วงนี้
ถ้าเป็นเราก็คงกินทั้งสองชามเลย เพื่อแสดงความจริงใจเพราะเป็นคนที่ไม่เสแสร้งไง ไม่งักปุกคุ้ง (คำหลังนี่ถ้าไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องแปลกใจนะคะ เป็นศัพท์เทคนิคเฉพาะทางในวงการ) ^ ^
สวัสดีครับ คุณซูซาน Little Jazz \(^o^)/
ขอบคุณครับ :)
สวัสดีครับ พี่หม่อม ดาวลูกไก่ ชื่นชมยินดี
ขอบคุณครับ :)
อาจารย์ก็รู้จักสำนวนของผมดีนี่ครับ "ต้อง" แปลว่า "ควร" เพราะการจะไปบังคับกะเกณฑ์คนอื่นให้เขาเห็น/เป็นเหมือนเรานั้น คือการแสวงหาความทุกข์มาใส่ใจเราเอง -- ถ้าเขาเป็นก็เสมอตัว ถ้าไม่เป็นก็หงุดหงิดเปล่าๆ
ความจริงมีหลายแบบ ขึ้นกับมุมมอง [ความจริงแบบไหน ที่เป็นจริง] เช่นเดียวกับความปรารถนาดี ความหวังดี หรือบะหมี่ชามใหญ่ (ซึ่งพระอาจไม่ฉันเพราะเลยเพลแล้วก็ได้ มัวแต่รอคนครัวบรรจงทำด้วยความประณีต)
ใครจะเป็นอย่างไร เราเปลี่ยนเขาได้หรือครับ... อืม บางทีก็เปลี่ยนได้เหมือนกันแต่คงไม่ง่ายนัก ที่กระทบใจเราน้อยกว่าคือเลือกหน่อยครับ [มิตรเทียม] [มิตรแท้]
ขอบคุณ ... คุณพยาบาลสีตะวัน ครับ ... :)
ขอบคุณ ... คุณ Conductor อีกครั้งหนึ่งครับ ... คำว่า "ต้อง" นั้น ผมตั้งใจจะหยอดให้คุณ Conductor ได้เข้ามาอีกรอบครับ ... ผมเข้าใจในสิ่งที่คุณ Conductor ที่ได้สื่อสารออกมากับคำว่า "ต้อง" นะครับ ... เหมือนเอาหัวใจไปให้เขาเขย่าเล่น เวียนหัวแย่เลย ... ครับ ผมเลือกมิตรแน่นอนครับ ... ตอนนี้เลยมีเพื่อนอยู่ไม่กี่คนในชีวิตรจริง ณ แห่งนี้ ก็ไม่เยอะนัก เพราะความแท้ต้องใช้กาลเวลาพิสูจน์ ครับ ... ขอบคุณด้วยใจจริงเลยล่ะครับ และยินดีที่แวะเข้ามาอีกรอบ แต่ไม่นับรอบแล้วล่ะครับ สำหรับคุณ Conductor ... :) v--v