"การบริจาคหนังสือ" เป็นวิธีการหนึ่งของ "การลดความเหลื่อมล้ำต่ำสูง" สำหรับเด็กไทยที่ยังขาดแคลนโอกาส


อยากให้ลองเดินขึ้นดอยไปดูโรงเรียนที่ไม่มีอะไรเลย มีแต่กระดานดำที่ผุ ๆ อยู่แผ่นเดียว แต่สามารถสอนได้ ถึงมันจะเหลื่อมล้ำแค่ไหน แต่ "หัวใจ" ฉันยังดีอยู่ ... แล้วค่อยมาบอกผมว่า วันนี้เราจะกระจายความรู้โดยผ่านเทคโนโลยีให้ทั่วจุดของประเทศแล้ว

บันทึกที่ผ่านมา ได้มีโอกาสเขียนเรื่องราวของ "หนังสือ กับ ตัวเอง" ในบันทึก "การอ่านหนังสือ" ไม่ใช่ "งานอดิเรกของฉัน" แต่เป็น "ชีวิตของฉัน" ต่างหาก

การสะสมสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ในช่วงชีวิตที่ผ่านมาหลายสิบปี หนังสือแต่ละเล่มผ่านกระบวนการของการอ่านผ่านตาเข้าสมอง ผ่านตาแล้วผ่านเลยไป หรือไม่ยังมีการซื้อมาแล้วอ่านไม่ทัน ซื้อมาแล้วอ่านบางบท ซึ่งผมเชื่อว่า คนรักหนังสือหลายท่านในที่นี้คงจะเป็นเหมือนผมบ้าง ... ไม่มากก็น้อย

ผมกับหนังสือมักเดินทางไปด้วยกันเสมอ ... ผมย้ายไปอยู่จังหวัดไหน หนังสือก็ไปด้วยกัน จนถึงปัจจุบันว่า หนังสือล้นห้องเสียแล้ว แถมบางเล่มก็ให้ความสนใจน้อยลง หรือบางทีก็ไม่ได้อ่านเลยก็มี

ให้ผมลองกะประมาณว่า ผมน่าจะมีหนังสือไม่ต่ำกว่า ๑,๐๐๐ เล่ม นิตยสารคอมพิวเตอร์และนิตยสารอื่น ๆ ไม่ต่ำกว่า ๑,๐๐๐ เล่ม หนังสือที่ถ่ายเอกสาร หรือเอกสารรวมเล่ม ไม่ต่ำกว่า ๕๐๐ เล่ม

มีเพื่อนหลายคนแนะนำผมว่า "เอาไปขายที่ร้านรับซื้อหนังสือมือสอง" หรือไม่ "ก็เอาไปวางขายเองที่ตลาดนัดเสาร์-อาทิตย์"

ด้วยความรักหนังสือมากเกินทำใจได้ ผมจึงปฏิเสธแนวคิดนี้ หากแต่คิดว่า "ผมขอเลือกวิธีการบริจาคหนังสือที่ผมรักไปยังสถานที่ที่ผมคิดว่า เขาจะใช้ประโยชน์จากหนังสือของผมจริง ๆ ดีกว่าจะเอาไปขายทอดตลาด"

ผมไม่อยากได้เงิน (หยิ่ง ทั้ง ๆ ที่ไม่ค่อยมี) แต่ใจคิดอยากให้เป็นวิทยาทานแก่ผู้อื่นจะดีมากกว่า

เนื่องจากผมเป็นคนรักหนังสือทุกเล่มมาก ดังนั้นหนังสือทุก ๆ เล่ม ผมจึงห่อปกพลาสติกด้วยตัวเองทั้งหมด ทุก ๆ ครั้งที่หนังสือเข้ามาใหม่

ดังนั้น หนังสือแต่ละประเภท แต่ละเล่มที่ผมจะบริจาค ผมจึงต้องพยายามเสาะหาสถานที่ที่คิดว่า เหมาะสมแก่ผู้รับที่สุด อีกทั้งผมมักจะไปตะล่อมดูว่า สถานที่แห่งนั้น เจ้าหน้าที่คนนั้นจะสามารถดูแลหนังสือที่ผมบริจาคให้เป็นอย่างดีหรือเปล่า ดูเหมือนผมจะยึดติด คงเป็นนิสัยส่วนตัวน่ะครับ นิสัยนี้ยกเว้นไว้ให้ผมสักคนแล้วกันนะครับ

เคยมีคนบ่นว่า กับแค่การบริจาคหนังสือแค่นี้ ยังต้องมาเลือกสถานที่ที่จะบริจาคอีก ... ผมก็ทำหูทวนลมไป และคิดว่า ผมกำลังทำในสิ่งที่ดีที่สุดนี่นา เดือดร้อนนิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอก

เอะ ! ที่ไหนบ้างที่ผมได้บริจาค

 

๑.

ภาควิชาเทคโนโลยีทางการศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ในระหว่างการเรียนปริญญาโท ผมได้ถ่ายเอกสารวิทยานิพนธ์จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เอาไว้เป็นเล่ม ๆ จำนวนหลายร้อยเล่ม

ก่อนการจบการศึกษา ผมจึงตัดสินใจว่า อยากให้วิทยานิพนธ์เหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อไปกับรุ่นน้อง ๆ ที่มาเรียน ผมจึงบริจาคไว้ที่ภาควิชาฯ

 

๒.

โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย เชียงใหม่

ผมได้บริจาคนิตยสารการท่องเที่ยวไปประมาณ ๖๐ - ๗๐ เล่ม กับห้องสมุดของโรงเรียน เนื่องจากมีเพื่อนน้องเป็นบรรณารักษ์อยู่ที่นี่ ทำให้ผมไว้วางใจว่า จะมีคนดูแลหนังสือของผมแล้ว

 

๓.

โรงเรียนปายวิทยาคาร แม่ฮ่องสอน

สืบเนื่องจากผมได้มีโอกาสตามหัวหน้าสาขาวิชาไปเป็นวิทยากรอบรม "Macromedia Authorware" ที่นี่ ... ได้ทำความรู้จักและคุ้นเคยกับคุณครูหมวดคอมพิวเตอร์ และได้ทราบว่าที่นี่ยังขาดแคลนพวกหนังสือคอมพิวเตอร์อยู่ ... ผมจึงแอบบอกท่าน ผอ.ไปว่า ถ้าผมจะบริจาคนิตยสารคอมพิวเตอร์มาที่โรงเรียนนี้ จะมีคนดูแลหนังสือผมไหม ท่าน ผอ.บอกว่า ครูหมวดคอมพิวเตอร์น่าจะดูแลได้

ดังนั้น อีกไปถึงปี ผมจึงคัดนิตยสารคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่ จำนวนประมาณ ๕๐๐ เล่ม โดยฝากลูกศิษย์ที่อยู่ปายไปให้คุณครูกิ๊ก ซึ่งเป็นครูหมวดคอมพิวเตอร์ที่รู้จัก

คุณครูกิ๊กบอกว่า จะนำเก็บไว้ที่ห้องสมุดคอมพิวเตอร์ของหมวดวิชา ... ผมถือว่า ได้ประโยชน์ที่สุด

 

๔.

โครงการจิตอาสา Gotoknow ของคุณเอก จตุพร

เป็นโครงการที่ผมเชื่อมั่นในตัวของผู้ดำเนินโครงการ และกัลยาณมิตร Gotoknow ค่อนข้างมากครับ จึงได้ติดต่อคุณเอกว่า ผมจะฝากนิตยสารคอมพิวเตอร์ หนังสือ และสื่อการเรียนการสอนไปให้ก่อนวันเริ่มเดินทาง โดยฝากลูกศิษย์คนเดิมไปไว้ที่บ้านคุณเอกที่ปาย

จำได้ว่า หนังสือมีทั้งหมด 7 กล่อง (ประมาณ 300 - 400 เล่ม), สื่อการเรียนการสอนอีก 1 กล่อง (เป็นภาพผนึก เหมาะสำหรับเด็ก ๆ บนดอยอย่างมาก)

 

บันทึกที่เกี่ยวข้อง ...

 

ผมติดภารกิจไม่สามารถเดินทางไปร่วมได้ แต่ดีใจที่ได้มีส่วนร่วมบ้างเล็กน้อย

ขอบคุณ ... จิตอาสา Gotoknow ทุกท่าน ครับ

 

๕.

ห้องสมุดประชาชนประจำอำเภอหางดง เชียงใหม่

เป็นห้องสมุดที่อยู่ผมเคยผ่านไปผ่านมาระหว่างการนิเทศนักศึกษาฝึกสอน การมาเป็นวิทยากรในโรงเรียนต่าง ๆ ...

มีอยู่วันหนึ่งผมลองจอดรถแล้วเดินเข้าไปตะหล่อม ๆ ดูการทำงาน ดูหนังสือ คุยกับเจ้าหน้าที่ห้องสมุด ทราบว่า ห้องสมุดประชาชนได้งบซื้อหนังสือปีหนึ่งประมาณ ๕๐,๐๐๐ - ๖๐,๐๐๐ บาท ถือว่า น้อยมากนะครับ สวนกระแสกับราคาหนังสือที่ขึ้นเอา ๆ

การเดินเข้าไปในห้องสมุด ผมไม่ได้แต่งกายใส่สูท แต่ผมเหมือนชาวบ้านที่เข้าไปหาหนังสืออ่าน แถมยังเจอ ผอ.ศูนย์ กศน. ที่นี่อีกต่างหาก พอทราบว่า ผมอยากจะเอาหนังสือมาบริจาค ก็เชิญผมว่า เอามาเลย เดี๋ยวจะได้เอาไปไว้ตามศูนย์ กศน.ประจำตำบล ต่าง ๆ

ผมคิดว่า ท่าน ผอ.น่าจะดูความเหมาะสมก่อนว่า หนังสือที่นำมาเป็นประเภทไหน ควรแยกกันหรือไม่แยกกันอยู่ หากเป็นนิตยสารคอมฯ ก็ควรนำไปไว้ที่เดียวจะมีประโยชน์กว่า

ทำให้ผมคิดหนักว่า จะบริจาคหรือไม่บริจาคดี เพราะไม่มั่นใจถึงวิธีการคิด

 

 

 

ในที่สุด ผมก็เริ่มทยอยนำนิตยสารคอมพิวเตอร์ หนังสือ หนังสือที่ถ่ายเอกสารมาบริจาคให้ โดยผมทำใจล่วงหน้าในเรื่องการดูแลหนังสือที่บริจาค  หากมีประโยชน์เล็กน้อย ผมก็โอเคแล้ว

 

 

ในช่วงชีวิตของผม นอกจากหนังสือแล้ว ยังมีการบริจาค "สื่อการเรียนการสอน" ให้กับโรงเรียนที่ขาดแคลนอีกมากมาย โดยเฉพาะโรงเรียนบนดอยสูง ที่พอจำได้ เช่น โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ที่แม่อาย, โรงเรียนบนดอยอินทนนท์, โรงเรียนที่ลำพูน, โรงเรียนที่อมก๋อย ฯลฯ

 

ผมเชื่อว่า "การบริจาคหนังสือ" คือ การให้ปัญญาและความรู้แก่ผู้ที่ขาดโอกาส โดยเฉพาะโรงเรียนที่มีงบประมาณน้อย โรงเรียนบนดอยสูง ที่ไม่ได้รับการเหลียวแลจากรัฐ

ผมไม่ใช่คนมีตังค์ ... มนุษย์เงินเดือนที่ทำหน้าที่ครูคนหนึ่ง ... ผมมีความสุขที่จะทำแบบนี้

ผมเห็นครูหลายคนย้ายหนีจากดอยสูงลงสู่พื้นราบ ผมเห็นครูดอยหลายคนอดทนสู้เพื่อเด็กที่ขาดโอกาสเหล่านั้น "ความเหลื่อมล้ำต่ำสูง" ที่เราพูด ๆ กันในวันนี้ มันมีมานานแสนนานในประเทศนี้

มีโครงการหลายโครงการที่พยายามจะ "ลดความเหลื่อมล้ำต่ำสูง" ดังกล่าวให้หมดไปโดยเร็ววัน แต่ไม่มีทางหรอก หากเราทุกคนไม่ได้ช่วยกันอย่างจริง ๆ จัง ๆ

ผมไม่ยอมแปล Digital Divide เป็น "การลดความเหลื่อมล้ำทางความรู้" หรอก ... เพราะมันไม่ใช่ปัญหาจริง ๆ ของประเทศเรา โดยรากแท้เป็นแนวคิดของปัญหาประเทศที่เขาพัฒนาแล้วที่อยากให้เทคโนโลยีมันครอบคลุมทุกจุดของประเทศ

บ้านเรา "แค่สื่อการสอนที่สร้างจากกระดาษ หรือวัสดุราคาเยา" ยังมีไม่ครบทุกโรงเรียนเลย แล้วจะไปเอาเทคโนโลยีอันทันสมัยมาใช้ในตอนนี้ทำไม

แต่นั่นไม่ใช่หมายความว่า ผมไม่เห็นความสำคัญกับการกระจายเทคโนโลยีให้ทั่วถึง เพื่อเป็นกระจายความรู้ให้ทั่วถึง ... แต่ผมมองว่า ควรนิยามคำจำกัดความให้เป็นเหมาะกับประเทศไทยตอนนี้ไม่ดีกว่าหรือครับ

แนวคิดนี้อาจจะดูใจไม่กว้างพอ แต่อยากให้ลองเดินขึ้นดอยไปดูโรงเรียนที่ไม่มีอะไรเลย มีแต่กระดานดำที่ผุ ๆ อยู่แผ่นเดียว แต่สามารถสอนได้ ถึงมันจะเหลื่อมล้ำแค่ไหน แต่ "หัวใจ" ฉันยังดีอยู่ ... แล้วค่อยมาบอกผมว่า วันนี้เราจะกระจายความรู้โดยผ่านเทคโนโลยีให้ทั่วจุดของประเทศแล้ว

ขอบคุณที่แวะมาอ่านความคิดและรับฟังเหตุผล

ขอบคุณครับ :)

 

หมายเลขบันทึก: 257105เขียนเมื่อ 24 เมษายน 2009 16:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:38 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (26)

สวัสดีค่ะ

  • พี่คิมคุยกับน้องเอกว่า..อยากขอบ้างสัก ๑ เล่ม หนังสืออะไรก็ได้นะคะที่คิดว่าพี่คิมควรอ่าน
  • เดี๋ยวนี้พี่คิมเป็นคนชอบอ่านแล้วนะคะ
  • และถ้ามีที่เหมาะสมเห็นควรว่าโรงเรียนพี่คิมจะได้รับก็อยากจะขอให้โรงเรียนของพี่คิมอยู่ในสายตาบ้างนะคะ
  • ขอขอบคุณค่ะ

อ.Was จัดให้พี่ครูคิมแล้วครับ!!!

----------------------------------------------------

อ.Wasawat Deemarn

ส่วนจิตกุศลที่ อ.Was ร่วมด้วยช่วยกัน ใน จิตอาสา Gotoknow ครานั้น ผมได้นำหนังสือและภาพในหลวงทั้งหมดไปให้พี่น้องบนดอย ให้เด็กๆได้อ่านหนังสือ ตามประสงค์ของอาจารย์แล้วครับ

จิตอาสาโกทูโน เป็นกิจกรรมที่ผม ภาคภูมิใจมากที่สุด และ มีความสุขที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตผมครับ

 

ขอบคุณด้วยใจครับ

สวัสดีครับ คุณ ครูคิม :)

ได้รับหนังสืออะไรจากคุณเอกหรือครับ ?

คิดว่าเหมาะสมกับตัวตนของตัวเองไหมครับ ?

แหม คุณ ครูคิม ... ตัวผมต้องแอบดูสายตาที่ไปแวะเยี่ยมโรงเรียนของคุณเอกก่อนนะครับ อิ อิ

ขอบคุณครับ :)

ขอบคุณมากครับ คุณเอก จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร ... เป็นเรื่องที่มีความสุขและน่าชื่นใจครับ :)

สวัสดีค่ะอาจารย์

  • ขอบคุณค่ะกับบันทึกฉบับนี้
  • กิจกรรมง่ายๆ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำอย่างที่อาจารย์ว่าไว้ค่ะ
  • อยากเห็นบันทึกอื่นๆ อีกค่ะ ^__^
  • การเขียนบันทึกเพื่อบอกเล่ากิจกรรมง่ายๆ เหล่านี้เป็นเรื่องดีมากเลยนะค่ะ เพราะกิจกรรมต่างๆ ที่ทุกคนทำอยู่ก็อาจจะช่วยลดเรื่องความเหลื่อมล้ำนี้ได้
  • จริงๆ แล้วไม่อยากให้ยึดติดกับ digital divide หรือความหมายของคำนี้เลยค่ะ เพียงแต่ต้องใช้คำสำคัญ คำนี้เพื่อยึดโยงเนื้อหาเหล่านี้ไว้ด้วยกันค่ะ จะได้หาได้ง่ายๆ ค่ะ
  • สี่รักหนังสือมากค่ะ แต่ไม่ใจกว้างพออย่างอาจารย์ซะด้วยสิค่ะ เมื่อก่อน สี่นำหนังสือที่เก็บรวบรวมไว้มาเปิดร้านเช่าหนังสือ ถือว่าแลกเปลี่ยนกับคนที่รักการอ่านหนังสือ และจะได้ดูแลหนังสือไปด้วย เพราะรู้สึกว่าบางครั้งได้อะไรมาฟรีและง่ายไป เขาก็ไม่ดูแล
  • ขอบคุณปันทึกดีๆ ฉบับนี้นะค่ะ

การให้ที่เป็นวิทยาทานที่ดีที่สุด คือให้ความรู้ใช่ไหมค่ะ

หนังสือเป็นเพื่อน และสื่อที่ดีที่สุด

อยู่ที่ไหนก็อ่านได้  ง่ายต่อการพกพา

.... ขอบคุณทุกๆท่านที่ทำให้หนังสือทุกเล่มมีคุณค่า....

 

 

วี๊ดวิ้วววว!!!   ในที่สุดก็ปล่อยออกมาแล้วนะคะพี่อาจารย์ Wasawat Deemarn

กำลังรออ่านอยู่พอดีเชียว อิอิ

.................................................................................

"มีแต่กระดานดำที่ผุ ๆ อยู่แผ่นเดียว แต่สามารถสอนได้ ถึงมันจะเหลื่อมล้ำแค่ไหน แต่ "หัวใจ" ฉันยังดีอยู่"

โดนใจคนเป็นครู(อยู่บนดอย)มากค่ะ ;)

 

 

 

 

 

น้อง สี่ซี่ ว่าไว้ถูกต้องแล้วครับ ... บันทึกนี้ไม่ได้ยึดโยงกับคำว่า "Digital Divide" ตามเหตุผลที่ว่าไว้ครับ หากแต่ใช้ "Digital Divide" สำหรับการเชื่อมโยง TAG หรือ คำสำคัญ เท่านั้นครับ :)

บันทึกนี้ยังไม่ดีนักในกระบวนการเขียนที่ได้มาตรฐาน ... แต่เขียนมาจากใจ และทบทวนสิ่งที่ผ่านมาเท่านั้นครับ

ขอบคุณครับ :)

ขอบคุณครับ คุณ ครูเอ ที่ให้กำลังใจและเข้าใจในสิ่งที่กระทำลงไป ครับ :)

วิ้ววว อะไรมิทราบ น้องอาจารย์ หัวใจติดปีก :) ...

"มีแต่กระดานดำที่ผุ ๆ อยู่แผ่นเดียว แต่สามารถสอนได้ ถึงมันจะเหลื่อมล้ำแค่ไหน แต่ "หัวใจ" ฉันยังดีอยู่"

บรรทัดนี้สอนว่า ... "ไม่มีสื่อการสอนใดสำคัญมากเท่ากับครู" ครับ :)

คุณความดีคุ้มครองนะคะ

แวะมาทักทายค่ะ

สวัสดีครับ..

ผมใช้เวลามากเหลือเกินกับการอ่านบันทึกต่างๆ ที่เกี่ยวกับ "ความเหลื่อมล้ำทางความรู้"  แต่ก็ไม่มั่นใจเอาเสียเลยว่าที่ผมเองได้เขียนๆ มานั้น ใช่หรือไม่ใช่..และควรค่าต่อการนำมากล่าวถึงแค่ไหน...

บันทึกนี้ ช่วยให้มั่นใจขึ้น ...แต่ก็ยังคงต้องทำงานให้หนักขึ้นมากกว่าที่เป็นอยู่-ขอบคุณครับ

 

 

ฮืมม ถ้าคุณ แผ่นดิน ไม่มั่นใจ ดูเหมือนผมคงจะลำบากเสียแล้วครับ ... เพราะการเขียนบันทึกนี้ไม่ได้ผ่านกระบวนการคิดและวางแผนมาก่อนแต่อย่างใดครับ ... คิดสด เขียนสด ไปเลยครับ

รองานเขียนครับ :)

อยากทราบโรงเรียนที่ต้องการหนังสือการเรียน การ์ตูน เทคโนโลยี ครับ ขอที่อยู่และ เบอร์โทรด้วยนะครับ ที่จำเป็นสำหรับเด็กที่ด้อยโอกาสมากที่สุดนะครับ และไม่ไกลจากขอนแก่นมากด้วยนะครับ [email protected]

โรงเรียนใดต้องการรับบริจาคสื่อสิ่งพิมพ์ต่างจากคุณเคน (ใกล้ขอนแก่น) โปรดเมล์ที่  [email protected] ครับ :)

ตอนนี้พัชก็กำลังรวบรวมหนังสือจะไปบริจาคที่โรงเรียนบ้านโนน มีน้าเป็นคุณครูอยู่ได้มีโอกาสเห็นห้องสมุดที่มีหนังสือเเค่สิบกว่าเล่ม เลยทำให้พัชสงสารเด็ก ๆ

ขอรับบริจาคหนังสือให้ห้องสมุดโรงเรียน

“หากความฝันเป็นแรงขับดัน ให้ก้าวเดินไปบนเส้นทางชีวิต ความสุขที่ได้ระหว่างการเดินทาง ก็คือพละกำลังและแรงชุบชูใจ มิให้อ่อนล้าและท้อถอย”…. พัชเลยขอทำงานใหญ่จากใจคนตัวเล็ก ๆ พัชทำโครงการ ขอรับบริจาคหนังสือมือสองเพื่อน้อง ๆ ผู้ห่างไกลให้กับห้องสมุดโรงเรียนบ้านโนน

พัขขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการมอบหนังสือมือสองให้กับห้องสมุดโรงเรียนบ้านโนน

โรงเรียนบ้านโนน ตั้งอยู่ที่บ้านโนน ตำบลโพนเมือง อำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด รหัสไปรษณีย์ 45160

เนื่องจากห้องสมุดของโรงเรียนยังขาดแคลนหนังสืออยู่เป็นจำนวนมากและหนังสือส่งเสริมการอ่านไม่เพียงพอ ไม่หลากหลาย โดยเฉพาะหนังสืออ่านเสริมความรู้ต่างๆ นวนิยาย นิตยสาร การ์ตูน และหนังสืออื่นๆ ฯลฯ

จึงขอความอนุเคราะห์ ขอบริจาคหนังสือส่งเสริมการอ่านให้กับทางโรงเรียนด้วยค่ะ โดยส่งทางพัสดุไปรษณีย์ตามที่อยู่ข้างบนหรือเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายของท่านโทรมาให้พัชไปรับก็ได้นะค่ะ

(พัชจะรวบรวมและจัดส่งไปวันที่ 24/1/53) และส่งไปเรื่อย ๆ ค่ะ

ขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ สำหรับความมีน้ำใจอันมีค่ายิ่งที่ได้แบ่งปันแก่เด็กที่ด้อยโอกาส

ที่อยู่พัช เลขที่ 40 ซอยยงค์วัฒน์กิจ ถ.รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม 10240 โทร.083-010-4761

หรือส่งไปทางโรงเรียนก็ได้นะค่ะ

อาจารย์ลำพูน ไวยกรรณ์ โรงเรียนบ้านโนน ตำบลโพนเมือง อำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด 45160

ผมจะช่วยประชาสัมพันธ์ต่อให้นะครับ คุณพัช ;)

เพื่อให้บล็อกเกอร์ที่อยู่ใกล้ ๆ สามารถดำเนินการได้อย่างสะดวก

ขอบคุณในน้ำใจที่มีต่อสังคมไทยบ้านเราครับ

ขอบคุณมากๆๆ ค่ะ ที่พัชทำโครงการนี้เพราะช่วงปีใหม่กลับบ้านที่ต่างจังหวัดพัชซื้อหนังสือนิตยสารไปอ่านด้วยอ่านเสร็จไม่มีใครอ่านต่อพัชเลยเอาไปทิ้งถังขยะ น้าพัชที่เป็นครูมาเห็นเเกเลยหยิบขึ้นพูดว่าเอามาทิ้งทำไม เดี่ยวน้าเก็บไปให้เด็กๆ ที่โรงเรียนอ่านเพราะในห้องสมุดมีหนังสือไม่ถึงสิบเล่ม พัชเลยถามว่าโรงเรียนไม่มีงบประมาณหรือ น้าบอกไม่มี พัชเลยอยากจะทำอะไรดี ๆ เพื่อเด็กรุ่นน้องที่ไม่มีโอกาสเหมือนพัชบ้างค่ะ

พัชเป็นสมาชิกเเล้ว คงมีเรื่องราวดี ๆๆ มาเเบ่งปันค่ะ

ยินดีที่คุณ พัช เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ณ ชุมชนเสมือนแห่งนี้แล้ว

คุณ พัช ลองเข้าไปคุยกับทีมงานดูนะครับ เพื่อให้เกิดการประชาสัมพันธ์มากขึ้นกว่าเดิม ;)

สู้ สู้ ครับ

ขอบคุณค่ะ

หากมีเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตเเต่ละวัน เดี่ยวนำมาเล่า เเละปรึกษาค่ะ

ยินดีครับ คุณพัช ;) ... (อย่าลืม Login ก่อนนะครับ เดี๋ยวไม่มีลิงค์ที่ชื่อ)

ดีค่ะ พัชทำห้องสมุดว่างเปล่าให้เป็นห้องสมุด ที่เต็มไปด้วยหนังสือนานาชนิด พร้อมอุปกรณ์การเรียนการสอน

เเละยังได้เงินที่ทำโครงการผ้าป่าเพื่อการศึกษามอบให้ทางโรงเรียนบ้านโนนอีก 30,000 บาทค่ะ

ขอแสดงความยินดีกับคุณพัชนะครับ ในความสำเร็จและความตั้งใจที่มีให้กับสิ่งดี ๆ

เราคงได้คุยกันไปเรื่อย ๆ นะครับ ;)

หนังสือกำลังใจคงเหมาะกับฉันที่สุด ณ เวลานี้

ขอบคุณค่


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท