เพื่อนๆ GTW ที่รัก
ตามที่สัญญาไว้ว่าจะนำข้อมูลเชิงวิชาการเกี่ยวกับ
โนราบิกมานำเสนอสมาชิก GTW ขอนำเสนอด้วยเอกสารวิชาการ
ที่เพิ่งปรุงสุกใหม่ๆ ต้องขอขอบใจ คุณกาญจนา บัวเนียม
และ คุณอรทัย ซ้ายเส้ง นักศึกษาปริญญาโทสาขาการพยาบาลผู้สูงอายุ
จากแดนใต้ ที่ทำให้พวกเราได้รู้จัก ของดีศรีทักษิณ เชิญศึกษาได้จากเอกสาร นี้ค่ะ
โนราบิกภูมิปัญญาใต้เพื่อการส่งเสริมสุขภาพ
ความเป็นมา
โนราบิกเป็นนวัตกรรมทางด้านการออกกำลังกายและเป็นศิลปะการแสดงพื้นบ้าน ที่เกิดขึ้นแห่งแรกของประเทศไทยที่หมู่บ้านวัฒนธรรมถลาง จังหวัดภูเก็ต เมื่อปี 2543 ประกอบกับกระแสสังคมทางด้านการออกกำลังกาย ตามนโยบายสร้างเสริมสุขภาพ โดยการนำหลักการเคลื่อนไหวประกอบเสียงดนตรี มโนราห์มาผนวกกับหลักของโยคะที่เป็นการฝึกลมหายใจและการยืดกล้ามเนื้อ เอ็น รวมกับท่าหลักของการรำโนราห์มาผสมผสานออกมาในรูปโนราบิกซึ่งเริ่มต้นจากท่า พื้นฐาน บท ท่าและแปลงเป็นท่าออกกำลังกาย ขั้นต้น ท่าหลัก และพัฒนาปรับปรุงท่าต่างๆ เพื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มอายุ เช่นกลุ่มเยาวชน กลุ่มผู้สูงอายุ (ว่าที่ร้อยตรีบัญญัติ จริยะเลอพงษ์, 2543)
วัตถุประสงค์ของการออกกำลังกายด้วยวิธีโนราบิก
• เพื่อให้ร่างกาย และกล้ามเนื้อแข็งแรง สุขภาพสมบูรณ์
• เพื่อให้ร่างกายมีความต้านทานต่อโรคภัยไข้เจ็บ
• เพื่อให้มีสุขภาพจิตดี
• เพื่อให้ร่างกายสวยงามและอ่อนช้อย
• ช่วยชะลอความชรา โดยวิธีธรรมชาติ
• เพื่อสืบทอดท่าโนราศิลปวัฒนธรรมของชาวไทย (ภาคใต้)
ใครได้ประโยชน์จากโนราบิกบ้าง
1.โรคหัวใจ
การบริหารร่างกายแบบโนราบิกจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่มีโรคหัวใจมาก เพราะว่า ร่างกายได้ออกกำลังทุกส่วน หัวใจสูบฉีดโลหิต ทั่วร่างกาย ช่วยให้หัวใจ ปอดแข็งแรง ทำให้จิตใจสงบ และ มีความสุขจากการหลั่งของสารสุข (endorphines)
สรุปว่าสบายกายสบายใจ
2. โรคเกี่ยวกับข้อ
ปัจจุบันที่มีความเจริญทางด้านเทคโนโลยี และเครื่องทุ่นแรงต่างๆ ทำให้ ร่างกายออกกำลังกาย หรือใช้แรงน้อยลง โนราบิะทำให้ทุกส่วนของร่างกายได้เคลื่อนไหว ทำให้อาการขัดในข้อทุเลาลงและอาจหายขาดได้
3.โรคความดันโลหิตสูง
ความเครียด ความวิตกกังวล และพฤติกรรมการดูแลตนเองไม่เหมาะสมเช่นการรับประทานอาหาร ขาดการออกกำลังกาย การออกกำลังกายด้วยโนราบิกช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวล ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของความดันโลหิตสูง และ การที่ระบบไหลเวียนโลหิตดีจะช่วยให้ความยืดหยุ่นของหลอดเลือดดีขึ้นซึ่งลดต้นเหตุของ โรคความดันโลหิตสูง ได้อีกทางหนึ่ง
4. โรคเบาหวาน
ผู้ป่วยหลายคนที่เป็นเบาหวานและบริหารร่างกายแบบโนราบิก อาการต่างๆดีขึ้น และน้ำตาลในเลือดก็ลงลง สำหรับผู้ที่น้ำตาลในเลือดสูงการออกกำลังกายทุกชนิดช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้ กรณีที่น้ำตาลในเลือดยังสูงอยู่ น้ำตาลจะแปรรูปเป็นไขมันแล้วไปเกาะตามผนังหลอดเลือดนี่คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้ คนเป็นเบาหวานมีโรคความดันโลหิตสูง และ หัวใจขาดเลือด เพราะผนังหลอดเลือดที่มีความยืดหยุ่นลดลง หรือ แข็งตัวเลือดจะไม่สามารถไปเลี้ยงอวัยวะเหล่านั้นได้ เมื่อเกิดที่หลอดเลือดไปเลี้ยงหัวใจจึงเป็นอันตรายอย่างมาก
5.โรคอ้วน
โนราบิกช่วยให้น้ำหนักลด และอยู่ในสภาพปกติ เนื่องจากเป็นการบริหารร่างกายที่ต้องใช้การเผาผลาญอาหารที่สะสมในร่างกาย มีการกระตุ้นการทำงานของต่อมไทรอยด์ ทำให้น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว โนราบิกทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงผิวหนังตึงขึ้นและช่วยให้ผิวหนังกระชับขึ้น ทำให้ความย่อนยานหายไปด้วย
6. โรคหวัดและภูมิแพ้
การออกกำลังกายทุกชนิด ช่วยกระตุ้นภูมิต้านทานของร่างกาย การที่ปอดได้ขยายตัว อย่างเต็มที่ช่วยให้เซลส์ต่างๆในร่างกายได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ ระบบภูมิต้านทานโรคจะแข็งแรงขึ้น รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้จะนำเสนอต่อไป
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
ยังมีงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องโนราบิกค่อนข้างน้อย ส่วนหนึ่งเพราะเป็นองค์ความรู้เฉพาะถิ่นอีกส่วนหนึ่งเพราะขาดการเผยแพร่ จากงานวิจัยของ วิวัฒน์ และ สุรางค์ศรี ศีตมโนชญ์ (2548) เรื่อง ผลการออกกำลังกายด้วยโนราบิกต่อภาวะสุขภาพของสมาชิกชมรมออกกำลังกายชุมชนบ้านแขนน อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต
ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่าง อายุ 60 ปีขึ้นไป (ร้อยละ 46.4) ออกกำลังกายด้วยโนราบิกนานเฉลี่ย เดือน ส่วนใหญ่ออกกำลังกายทุกวัน (ร้อยละ 60.7)โดยกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุ อายุ 60 ปีขึ้นไป (ร้อยละ 91.7) มีชีพจรหลังการออกกำลังกายอยู่ในระดับมากกว่าร้อยละ 50 ของอัตราการเต้นสูงสุด ส่วนกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุน้อยกว่า ปี มีเพียงร้อยละ 7.7 ที่มีชีพจรหลังการออกกำลังกายอยู่ในระดับมากกว่าร้อยละ 60 ของอัตราการเต้นสูงสุด
การประเมินสุขภาพด้วยตนเองของกลุ่มตัวอย่างเปรียบเทียบก่อนและหลังการออกกำลังกายด้วยโนราบิก พบว่า ด้านความแข็งแรงของกล้ามเนื้อความทนทานต่อระบบไหลเวียนเลือดและความสมดุลของร่างกายดีขึ้น ร้อยละ92.9 ส่วนความอ่อนตัวดีขึ้นร้อยละ89.3โดยส่วนใหญ่สามารถดูแลตนเองได้ดีขึ้น (ร้อยละ 89.3) มีความอยากรับปรานอาหารเพิ่มขึ้นร้อยละ 78.6 ความวิตกกังวล/ซึมเศร้าน้อยลง (ร้อยละ 71.4) การนอนดีขึ้น (ร้อยละ85.7) และกลุ่มตัวอย่างเกือบทั้งหมด(ร้อยละ92.9) ประเมินว่าตนเองมีสุขภาพโดยรวมดีขึ้น
คุณวิวัฒน์ และ สุรางค์ศรี ศีตมโนชญ์ สรุปงานวิจัยไว้ว่า
การออกกำลังกายด้วยโนราบิก เป็นรูปแบบการออกกำลังกายที่สามารถสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ความสมดุล และความอ่อนตัวของร่างกายให้ดีขึ้นในทุกกลุ่มอายุ ส่วนการสร้างความแข็งแรงของระบบไหลเวียนเหมาะสำหรับผู้สูงอายุ แต่ไม่เพียงพอสำหรับกลุ่มที่มีอายุน้อยกว่า 60 ปีดังนั้นในกลุ่มนี้จึงควรเพิ่มความเร็วและระยะเวลาการออกกำลังกายด้วยโนราบิกให้มากขึ้น หรือร่วมกับการออกกำลังกายแบบแอโรบิกชนิดอื่น
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ปรับปรุงใหม่ตามคำแนะนำของ
และ เชิญชม 19 ท่าโนราบิกมาที่link นี้
http://gotoknow.org/file/paradee/view/224073
หวังว่าคงสนุกสนานกับโนราบิกนะคะ
สวัสดีค่ะ มาขอเรียนรู้ โนราบิก อิอิ... จะทำได้ไหมคะ พอลล่าอ่ะ
สวัสดีค่ะป้าแต๋ง
Thank you ค่ะน้องดาว ชวนคนมาชมเพิ่มนะคะ
ต้อมมาดูวิธีออกกำลังกายโนราบิกค่ะ เผื่อตัวกลมๆ จะยุบลงไปบ้าง ^^
จบนาฎศิลป์ มา ค่ะ ถ้าทำได้ ผอมแน่ เจ๊า
ขอบคุณ ต้อม และเชิญคุณครูนาฏศิลป์บ้านำจูนมารำด้วยกันค่ะ
ท่าทางคงคล้ายการรำมโนราห์ของคนใต้หรือเปล่าครับ
ขอบคุณครับ