วิชาของชีวิต


ไม่ว่าทะเลแห่งความทุกข์ จะเวิ้งว้างน่ากลัวสักเพียงใด...... ขอเพียงเรามีวิชาของชีวิตติดตัวไว้ เราย่อมจะปลอดภัยแน่นอน.......

พระอาจารย์ที่เราเคารพนับถือได้เล่านิทานที่เชื่อมโยงถึงเรื่อง วิชาของชีวิต ให้เราฟังนานมาแล้ว...เป็นเรื่องที่เราประทับใจมาก ฟังแล้วได้ข้อคิดและคติไว้เตือนใจ เราจึงมักเล่านิทานเรื่องนี้ให้ลูกศิษย์เราฟังในห้องเรียนเช่นกัน...เพื่อที่ว่าลูกศิษย์เราจะได้ คิด ...ได้ “ตั้งคำถาม ...ได้ ค้นหา ความหมายที่แท้จริงของการศึกษาและคุณค่าของการมีชีวิต....

 

ท่ามกลางทะเลแห่งถ้อยคำและคลื่นความรู้ที่ถาโถม แม้ลูกศิษย์ของเราอาจจะไม่เก่งทางด้านวิชาการนัก และอาจไม่มีทักษะในหลาย ๆ เรื่อง ...ทว่า เรามั่นใจว่าลูกศิษย์ของเราที่ได้เรียนรู้ วิชาของชีวิต นี้ จะเป็นคนหนึ่งที่มี ความภาคภูมิใจ ในตัวเอง และสามารถดำรงชีวิตอย่างมี ความสุข ในสังคมที่วุ่นวายและซับซ้อนนี้ได้

 

สมาชิกชาว G2Know หลายท่านที่ได้ติดต่อมาทางเมล์... บอกมาว่าสนใจในประเด็นของ การศึกษาเพื่อความสุข จึงขอนำเรื่อง วิชาของชีวิต นี้ มาเล่าผ่าน Blog เพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และจะพยายามจัดสรรเวลาเพื่อเขียนเล่าประสบการณ์ ตลอดจนความคิดที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องราวของ การศึกษาเพื่อความสุข ลงใน Blog นี้เป็นระยะ ๆ ในโอกาสต่อไปนะคะ

 

................

 

โลกนี้เป็นดังอาณาจักรแห่งวิชาความรู้ ที่รอให้มนุษย์มาศึกษาค้นคว้า ขึ้นชื่อว่า การศึกษา ย่อมเป็นสิ่งที่มีคุณค่าต่อชีวิต เพียงแต่....ใครจะรู้บ้างว่า สุดยอดของวิชาความรู้มีอยู่เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น นั่นคือ วิชชาชีวิต ...หากใครยังไม่ได้ศึกษา ต้องถือว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมานั้น ว่างเปล่า...น่าเสียดายเป็นที่สุด

 

มีศาสตราจารย์คนหนึ่ง เป็นผู้มีความรู้มาก รอบรู้ทุกอย่าง วันหนึ่งเขาต้องเดินทางโดยเรือเพื่อข้ามมหาสมุทรในขณะที่อยู่บนเรือ เวลาที่เขารู้สึกเหงา เขาก็จะไปคุยกับกัปตัน และด้วยความที่เขาเป็นคนรอบรู้ในทุกเรื่อง จึงทำให้กัปตันเลื่อมใสในตัวเขามาก

เย็นวันหนึ่งขณะที่คุยกัน ศาสตราจารย์ได้ถามกัปตันว่า

กัปตันคุณเคยเรียนวิชาอย่างหนึ่งไหม

วิชาอะไรครับ

ประวัติศาสตร์

ไม่เคยเรียนครับ

น่าเสียดายที่ไม่เคยเรียน เพราะวิชาประวัติศาสตร์นี้ บอกเรื่องราวของชีวิตได้หลายๆ อย่าง เขาถือกันว่าคนที่ไม่ได้เรียนวิชานี้ ต้องเสียเวลาไปเปล่าประโยชน์ ถึงหนึ่งในสี่ของชีวิตทีเดียว

กัปตันฟังแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจ เพราะเขาเชื่อถือในความรู้ของศาสตราจารย์มาก

เย็นวันต่อมา เขาก็คุยกันศาสตราจารย์เช่นเคย ด้วยหวังว่า ศาสตราจารย์จะแนะนำความรู้ใหม่ๆ ให้บ้าง

ศาสตราจารย์ก็ถามเขาอีกว่า

กัปตันคุณเคยเรียนวิชาอย่างหนึ่งไหม

วิชาอะไรครับ

ภูมิศาสตร์

ไม่เคยเรียนครับ

น่าเสียดายมากนะที่ไม่เคยเรียน เพราะวิชาภูมิศาสตร์นี้ ทำให้เรารู้จักโลกได้กว้างขึ้น เขาถือกันว่าคนที่ไม่ได้เรียนวิชานี้ต้องเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ถึงครึ่งหนึ่งของชีวิตทีเดียว

วันต่อมาเมื่อคุยกัน กัปตันก็ถูกถามอีกเช่นเคยว่า

กัปตันคุณเคยเรียนวิชาอย่างหนึ่งไหม

วิชาอะไรครับ

ปรัชญา

ไม่เคยเรียนครับ แค่ฟังชื่อก็ไม่รู้เรื่องแล้วครับ

โอ....น่าเสียดายที่ไม่เคยเรียน เพราะวิชาปรัชญานี้เป็นวิชาชั้นสูง เป็นต้นกำเนิดของทุกๆ วิชา เขาถือกันว่าคนที่ไม่ได้เรียนวิชานี้ ต้องเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ถึงสามในสี่ของชีวิตทีเดียว

กัปตันบ่นเสียดาย และเสียใจที่มีชีวิตสูญเปล่าไปมากมายขนาดนั้น เขาไม่สบายใจ จนนอนไม่หลับ จึงขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ เฝ้าครุ่นคิดถึงชีวิตที่ผ่านมาด้วยความเศร้า แต่แล้วทันใดนั้นเอง เขากลับพรวดพราดวิ่งลงมาเคาะประตูเรียกศาสตราจารย์

ศาสตราจารย์ๆ ตื่นหน่อยครับ ท่านศาสตราจารย์

เรียกผมทำไม นี่มันดึกมาแล้วนะ

ผมอยากทราบว่า ท่านเคยเรียนวิชาหนึ่งไหม

วิชาอะไร

ว่ายน้ำครับ ท่านเคยเรียนไหม

ไม่เคยเลย แล้วฉันก็ว่ายน้ำไม่เป็นด้วย

แย่เลยครับท่าน ผมไม่ได้เรียนวิชาที่ท่านถามมานับว่าเสียเวลาไปค่อนชีวิต แต่ท่านไม่ได้เรียนวิชาว่ายน้ำมาท่านคงต้องเสียทั้งชีวิต

ทำไมล่ะ

เรือของเรารั่ว และมันกำลังจะจมครับ

.....................................................

 

เภทภัยทั้งหลายที่เกิดขึ้นในชีวิต จึงเป็นดั่งบททดสอบว่าในบรรดาวิชาความรู้ที่มีให้ศึกษาอย่างมากมายนั้น วิชาใดที่ "จำเป็น" ต่อชีวิตเราอย่างแท้จริง ดังเช่น กัปตันผู้ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีความรู้สักเท่าใด แต่วิชาว่ายน้ำที่เขามี กลับเป็นสิ่งที่ช่วยเขาได้ ในยามในเรืออับปาง

 

เมื่อเราทุกคนต่างก็เป็นผู้เดินทางไกลในวัฏสงสาร อันเป็นการเวียนว่ายในทะเลแห่งความทุกข์ เราจะไปถึงฝั่งแห่งความสุขได้นั้น จำเป็นต้องวิชาติดตัว ที่เรียกว่า วิชาของชีวิต

 

วิชาของชีวิต

จึงเป็นวิชาที่เราต้องใส่ใจขวนขวาย

เรียนรู้ให้ได้เป็นอันดับแรก

เพราะวิชานี้ คือ

วิชาเพื่อการดับทุกข์

ไม่ว่าทะเลแห่งความทุกข์

จะเวิ้งว้างน่ากลัวสักเพียงใด

ขอเพียงเรามีวิชาของชีวิตติดตัวไว้

เราย่อมจะปลอดภัยแน่นอน.......

หมายเลขบันทึก: 208683เขียนเมื่อ 14 กันยายน 2008 20:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 มิถุนายน 2012 16:11 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ถ้าเราค้นพบเหตุแห่งทุกข์และดับมันที่ต้นตอได้ย่อมไม่เกิดทุกข์ แต่น้อยคนนักจะทำได้ ทุกข์บางครั้งเราเป็นผู้สร้างย่อมหาทางดับได้ แต่เมื่อทุกข์ที่เกิดจากผู้อื่นมากระทำ บางครั้งก็ยากเกินกว่าจะดับนะคะ เช่น เดินอยู่ดีๆ มีคนเมาขับรถมาชน เราพิการก็ทุกข์กายทุกข์ใจ คนในครอบครัวก็เกิดความทุกข์เศร้าสลด แบบนี้ไม่รู้จะทำยังไง ถึงทำใจให้อภัยได้ ไม่ทุกข์ใจแต่ก็ยังทุกข์กายอยู่ดี อาจารย์ว่าไงคะ ลองมาแลกเปลี่ยนแบบงูๆ ปลาๆ ดู ^ ^

สวัสดีค่ะ อาจารย์

  • วิชาชีวิต  คือ  การอยู่รอดด้วยปัญญา  ที่มารถนำพาชีวิต ของตนเอง และคนรอบข้างอยู่รอดปลอดภัยด้วยความสุข
  • ในความคิดของครูอ้อย  ใช่ไหมคะ
  • สบายดีนะคะอาจารย์  ครูอ้อยคิดถึงเสมอค่ะ

สวัสดีค่ะอ.พี่ตุ้ม

คล้ายๆ กับเรื่องนี้เลยค่ะ ทีใคร....ทีมัน....

เห็นด้วยกับพี่มากๆ ค่ะ ว่าเราควรเรียนวิชาแห่งชีวิต และทำความเข้าใจในสัจธรรม

ธรรมรักษาค่ะ ^ ^

สวัสดีคะอ.ตุ้ม

อ่านแล้วรู้สึกว่าคิดอะไรออกขึ้นมาอีกหลายอย่างคะ โดยเฉพาะกับการจัดการชีวิตตัวเอง อาจจะต้องนั่งใคร่ครวญว่าตัวเองอยู่ในเรือลำไหน สภาพเรือเป็นอย่างไรและลักษณะคลื่นเป็นอย่างไรคะ

อ่านแล้วค่อยคลายคิดถึง อ.ตุ้มหน่อยค่ะ

ช่วงหลังไม่ค่อยได้เข้ามาเท่าไร พอเห็นบันทึก อ.เลยรีบแวะเข้ามาอ่าน

ได้อะไรดีๆ ให้เก็บไปคิด สำหรับนักเดินทางอย่าง "pilgrim" เยอะเลยค่ะ

ขอบคุณ อ.มากค่ะ รักษาสุขภาพนะคะ คิดถึงอ.อยู่เสมอค่ะ

สวัสดีค่ะหนูซูซาน/ครูอ้อย/อาจารย์น้องตุ๋ย /หนูรัช violet และหนู pilgrim

ขอบคุณทุกท่านที่ได้เข้ามาทักทายและให้ข้อคิดเห็นนะคะ ต้องขออภัยด้วยค่ะที่ไม่ได้ส่งข่าวคราว ...ช่วงที่ผ่านมาภารกิจรัดตัวมากค่ะ จึงไม่มีโอกาสได้เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผ่าน blog เท่าที่ควร...อย่างไรก็ยังคิดถึงทุกคนเสมอนะคะ บุญรักษาค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท