๒๑. จอห์น เลนนอน กับบางวิถีทรรศนะในเพลงของเขา


".....เป็นการผสมผสานหาความลงตัวกันของโลกทางวัตถุกับจิตใจ โลกตะวันออกกับตะวันตก ซึ่งแทนด้วยเสียงกีตาร์กับเสียงชีตาร์ การลองทำให้เกิดความลงตัวในงานสร้างสรรค์ระดับแก่นความคิดได้ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่นำไปสู่การผสมผสานของสังคมต่างขั้วที่ลงตัวได้อีกต่อไปในหลายเรื่อง..."

หากเราวางมุมมองเหมือนกับทำความรู้จักนักร้องและวงดนตรีแบบทั่วๆไปนั้นอาจจะไม่พอสำหรับใช้ทำความรู้จักจอห์น เลนนอนกับวง The Beatleครับ เพราะเขายิ่งใหญ่ระดับที่ต้องเรียกว่าเป็นปรากฏการณ์ทางสังคม ที่สร้างมวลมหาชนให้เคลื่อนไหวหลายสิ่งไปด้วยกันได้ในขอบเขตทั่วโลก เรียกว่ามีเรื่องราวอยู่ในสารานุกรมบริเตนิก้าออนไลน์เลยก็แล้วกัน สารานุกรม Britanica Encyclopedia นั้นมีนัยให้คนอ่านรู้อยู่ในทีว่า ความรู้ที่บันทึกไว้ในนี้ เป็นความรู้สำหรับการรู้จักโลก ซึ่งหมายความว่าอิทธิพลจากความเป็นจอห์น เลนนอนและวง The Beatle นั้น ใช้อธิบายให้เราเข้าใจโลกได้ในบางมิติเลยทีเดียว ยิ่งใหญ่จริงๆ

เพลง Imagine ของ The Beatle เป็นเพลงหนึ่งที่ผมชอบ ในเพลงพูดถึงโลกในอุดมคติที่มวลมนุษยชาติควรพัฒนาการอยู่อยู่ร่วมกันด้วยความมีเสรีภาพ สันติภาพ มิตรภาพ และภราดรภาพ ถือได้ว่าเป็นเพลงสู่ฝันเพื่อสังคมที่ดีกว่าที่ทำให้เกิดคลื่นมหาชนร่วมฝันไปกับเขาทั้งในยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย และทั่วโลก เป็นเพลงหนึ่งที่สะท้อนความเป็นนักรบทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ของจอห์นเลนนอนและวงเดอะบีตเทิลมากครับ

ยิ่งเมื่อมองว่าเขาเป็นวงดนตรีของอังกฤษ ซึ่งเป็นหนึ่งในจักรวรรดินิยมของโลกในุคนั้นด้วยแล้ว เขาควรจะทำให้สังคมผู้ฟังเกิดความรู้สึกต่อต้านความเป็นตัวแทนจักรวรรดินิยมอังกฤษดังกล่าวต่อเพลงของเขา อีกทั้งตัวเขาเองที่เคลื่อนไหวสังคมในแนวทางนี้ทั้งในและนอกจักรวรรดินิยมอังกฤษ ก็นับว่าต่อต้านและท้าทายต่อพลังอำนาจเผด็จการของรัฐ ทวนกระแสความเป็นสังคมอังกฤษด้วยเสียงเพลงและคีตกาล

ก็ต้องนับว่ายิ่งใหญ่มากจริงๆครับ ทั้งในแง่ความเป็นดนตรีที่สร้างพลังทางสังคม กับความใจกว้างของสังคมอังกฤษและอำนาจรัฐเองที่ให้อิสรภาพต่อการสร้างสรรค์ต่างจากกระแสหลักและนอกกรอบ ของพวกเขา

มีการระดมทุนและเกิดกิจกรรมทางสังคมเกิดขึ้นในหมู่นักฟังเพลงทั่วโลกเพื่อคนด้อยโอกาส และเกิดการเคลื่อนไหวต่อต้านสงครามมากมาย ในบ้านเรานั้น วงดิอิมพอสสิเบิ้ล ก็น่าจะได้แรงบันดาลใจจากวงสี่เต่าทองนี้ด้วย ซึ่งก็เปิดศักราชใหม่และเป็นแม่บทของวงสตริงและวงชาโดว์แนวใหม่ในวงการดนตรีของประเทศไทยแบบดาวค้างฟ้ามาจนบัดนี้

เพลง Hey Jude (๑๙๖๘) เพลงนี้ผมก็ชอบ ที่ชอบเพราะเป็นเพลงที่ พอล แมคคาร์ตนีย์ แต่ง แต่ให้เป็นผลงานร่วมกันของเขากับจอห์น เลนนอน เป็นเพลงที่ทำขึ้นมาจากความสะเทือนใจเรื่องลูกของเขา(ลูกของจอห์น เลนนอน)และชีวิตในช่วงการหย่าร้าง ครอบครัวแตกสลายรอบแรก* ดูเหมือนว่าลูกของเขาจะติดยาเสพติดและเสียชีวิต ตัวของจอห์นเลนนอนเองก็ต้องหยุดทำเพลงไประยะหนึ่ง เรียกว่ามีชีวิตที่ล้มเหลวนั่นละ

เพลงนี้ หากไม่รู้ที่มาแล้วเราก็คงไม่ทราบว่าเป็นเพลงที่ปลอบใจชีวิตและกล่อมดวงวิญญาณของลูก(และเป็นหลานของพอล แมคคาร์ตนีย์) ฟังดูแล้วเหมือนเป็นเพลงร็อคแนวปลดปล่อยอารมณ์ เป็นเพลงที่ยาวที่สุดถึง ๗ นาทีและส่งให้การกลับมาอีกครั้งของจอห์นเลนนอนติดอันดับ ๑ บนชาร์ตในประเทศอังกฤษถึง ๙ สัปดาห์ซึ่งยาวนานที่สุดเช่นกัน

ในเพลงมีลูกเล่นที่นำเอาการหยุด การเว้นให้เงียบ การย้ำและการซ้ำ มาใช้อย่างชนิดที่ไม่มีใครกล้าเล่น ตอนท้ายก็มีการร้องซ้ำกลับไปกลับมาแล้วก็ซ้อนกันเป็นลูกคลื่น ทั้งบีบอารมณ์และสื่อถึงความซ้ำซาก เหมือนตัวโน๊ตตัวเดิม ความอยู่กับที่ของสังคม ที่เขาเองก็เหมือนกับคนอื่นๆ ร่วมชะตากรรมไปกับคนอื่นๆ พร้อมกับผสมผสานหลากอารมณ์เหมือนกับการจบสิ้นที่ไม่อยากให้จบ

สานความเป็นหนึ่งในจิตวิญญาณตะวันตก-ตะวันออก : อีกเรื่องที่ชอบก็คือการผสมผสานแนวเพลงของเขาเข้ากับการเล่นชีตาร์ของระวีชังการ์ กูรุทางจิตวิญญาณและกูรุทางดนตรีของอินเดีย

หลายเรื่องในชีวิตของเขา ส่งผลสะเทือนต่อวิถีคิด รวมทั้งมีอิทธิพลต่อแนวทางการทำเพลงและดนตรีด้วย ทำให้จอห์นเลนนอนมุ่งแสวงหาคำตอบใหม่ในสิ่งที่สังคมยุโรปและโลกตะวันตกไม่พอที่จะให้คำตอบที่พอใจแก่เขา

เขามุ่งไปค้นหาประสบการณ์ทางจิตวิญญาณที่อินเดีย ที่สุดก็ไปหาระวีชังการ์ แล้วก็นำมาสู่การทำอัลบั้มและการแสดงคอนเสิร์ตร่วมกันของระวีชังการ์กับจอห์นเลนนอน ซึ่งสำหรับผมแล้วมองว่าเป็นผลงานระดับการ dialogue กันระหว่างวัฒนธรรมเลยทีเดียว ในงานชุดนี้เราจะเห็นทั้งความเป็นตัวของตัวเองและการสานความหมายอันแตกต่างหลากหลายเหมือนปรึกษาหารือกันจนเป็นการบอกเล่าบางสิ่งให้หมดจรดกว่าเดิมของสังคมวัฒนธรรมที่มีพลังอำนาจต่อสังคมโลก

นับว่าเป็นการผสมผสานหาความลงตัวกันของโลกทางวัตถุกับจิตใจ โลกตะวันออกกับตะวันตก ซึ่งแทนด้วยเสียงกีตาร์กับเสียงชีตาร์  การลองทำให้เกิดความลงตัวในงานสร้างสรรค์ระดับแก่นความคิดได้ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่นำไปสู่การผสมผสานของสังคมต่างขั้วที่ลงตัวได้อีกต่อไปในหลายเรื่อง หากเทียบกับการขอเอาเสียงกีตาร์แทนเสียงปืนและสงครามอย่างใน Wind of Change ของ Scorpion แล้วละก็ คนละเรื่องเลยครับ

ใครไม่เคยฟังและไม่เคยสัมผัสความอลังการแห่งดนตรีของโลกที่สะท้อนงานเชิงความคิดระดับคลื่นหัวเดิ่งแล้วละก็ ต้องหามาฟังให้ได้เชียวครับ ผมเคยซื้อมาแจกเพื่อนๆทั้งชาวไทยและเทศหลายครั้ง

อันที่จริงเรื่องพวกนี้ต้องเรียนรู้จากการเสวนาเป็นกลุ่มนะครับ ถึงจะได้ทั้งความสนุก ได้ปัญญา ได้ Update ข้อมูลให้หูตากว้าง  ได้เพื่อน และได้ชุมชนสำหรับการเรียนรู้จากความรื่นรมย์และเรื่องราวรอบข้างในแต่ละวัน.

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

* หลังการหย่าร้างครั้งแรก จอห์น เลนนอน ก็ใช้ชีวิตครอบครัวอีกครั้งกับ โยโกะ โอโนะ นักร้องญี่ปุ่น และมีบุตรด้วยกันอีกคนหนึ่ง การมีชีวิตครอบครัวกับโยโกะ โอโนะนี้ก็เป็นการ Dialogue ทางสังคมและวัฒนธรรมเช่นกัน เพราะในยุคนั้นสังคมอังกฤษและยุโรปมองคนญี่ปุ่นและคนเอเชียเป็นคนผิวเหลืองด้วยทรรศนะที่ด้อยกว่า แต่เขาได้รับแรงสะท้อนจากคนหัวเก่ามากด้วยเช่นกัน ต่อมาชีวิตครอบครัวของจอห์น เลนนอน กับโยโกะ โอโนะก็ไม่ราบรื่นอีก

หมายเลขบันทึก: 310776เขียนเมื่อ 4 พฤศจิกายน 2009 05:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 กันยายน 2013 23:14 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

เป็นเพลงที่ให้หลักคิดต่อชีวิตเพื่อการพึ่งตนเองและเริ่มต้นสิ่งใหม่ดีๆได้อยู่เสมอนะครับ ผมก็ชอบเพลงนี้ครับ ขอบคุณคุณแก้ว อุบล จ๋วงพาณิช จังเลยนะครับ ที่แวะมาเยือนและเสวนากัน

ชอบเพลง สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง ค่ะอาจารย์ ฟังทีไรก็มีความหวังทุกครั้งไป

แนวคิดเชิงตะวันออกกับตะวันตกที่ผสมผสานส่วนดีๆเข้ากันแล้ว ยิ่งช่วยเสริมความคิด พัฒนาจิตวิญญาณ ได้สมบูรณ์มากขึ้นจริงๆ ขอบคุณค่ะ

เพลง Wind of Change ก็เป็นเพลงที่ร่วมแนวทางกับแนวการเคลื่อนไหวในเพลงของเดอะบีตเทิ่ลด้วยเหมือนกันครับ เป็นเพลงของกลุ่มเพลงแมลงป่อง หรือวง Scorpion ผมก็ชอบมากครับ โดยเฉพาะเสียงผิวปาก

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท