ท่องเที่ยวดูอะไรที่สิงคโปร์ : วันที่ 1 / 4


สิงคโปร์ ท่องเที่ยว

ติดตามในการท่องเที่ยวดูอะไรที่สิงคโปร์ 4 วัน
วันที่ 1 / 4    http://gotoknow.org/blog/wow/432322

วันที่ 2 / 4    http://gotoknow.org/blog/wow/432447

วันที่ 3 / 4    http://gotoknow.org/blog/wow/432627

วันที่ 4 / 4    http://gotoknow.org/blog/wow/432631

  
วันแรกของการเดินทางไปสิงคโปร์ ตื่นกันตั้งแต่เช้า หลังจากวางแผนการท่องเที่ยว กันมาหลายเดือน เพราะการเดินทางครั้งนี้ ไม่ได้ไปกับทัวร์ (ยกแก๊งค์) แต่ไปกันสองคน เพื่อไปเรียนรู้อะไร อะไร ที่เขาว่ากันว่า น่าไป



การเดินทางทริปนี้ ต้องอาศัยพละกำลัง และความมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่ง เพื่อแย่งชิงที่นั่งราคาประหยัด ด้วยเราตั้งเป้าหมายว่า การไปครั้งนี้ ใช้งบประมาณให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก็ตั้งหน้า ตั้งตารอ โปรโมชั่น ของเครื่องบินหางแดง หรือ แอร์เอเซีย นั่นเอง ถ้าสนใจก็ต้องลองศึกษาดู
ครั้งแรกก็ไม่มั่นใจ ว่าโปรโมชั่นแบบนี้ มีจริง หรือหลอกลูกค้า แล้วเชิดเงินหนี เป็น สิ่งที่ทำให้เรานั่งคิดกันนาน กว่าจะตัดสินใจว่า ช่วยกัน ลองทดสอบ เที่ยวบินในไทย และต่างประเทศ ดู และควรจะไม่ไกลประเทศไทยเกินไป ในที่สุดเราก็ได้เที่ยวบินไปสิงคโปร์
 
 
ในการจองตั๋ว เราก็ต้องจองผ่านอินเตอร์เน็ต ขาไป ก็ได้ที่นั่งแบบ Hot Seat คือแถวหน้าๆ ด้วย โอโห้ ฟลุ๊ก เต็มประดา ไม่น่าเชื่อ พระเจ้าจอร์จ นายยอดมากเลย
พอวันจริง ก็ต้องมาลุ้นกันอีกว่า เราจะได้ที่นั่ง Hot Seat  แบบที่จองไว้ หรือไม่ เพราะปกติที่นั่งแบบนี้ จะต้องเสียงเงินเพิ่ม เพราะมันกว้างกว่า แถวหลังๆ แต่เราสองคนจองได้ที่นั่งแบบนี้
เราก็เดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิกันตั้งแต่เช้า หลังจากเตรียมสัมภาระ กันทั้งคืน
เช้าไปถึง ก็ไปหากาแฟรองท้อง ที่ king power lounge สุวรรณภูมิ เนื่องจากเราเป็นสมาชิกบัตร King Power ที่เคยสมัครไว้ 500 บาท และนำวงเงิน 500 บาทค่าสมาชิกนั้นมาซื้อของได้ด้วย เหมือนเอาเงินไปแลกเป็นคูปองนั่นแหละ สามารถใช้สิทธิ์เข้าไปทานเครื่องดื่มขนมขบเคี้ยวรองท้อง พร้อมผู้ติดตามได้ 2 คน (รวมแล้ว 3 คน)

ก็แวะเข้าไปทางกาแฟสด เครื่องดื่ม น้ำอัดลม และขนมขบเคี้ยว รองท้องกันหน่อย ก่อนรอขึ้นเครื่อง
อ่านหนังสือพิมพ์ และวารสาร นิตยสาร  สังหาร (ฆ่า) เวลาไปเรื่อยๆ  เพราะนานๆ จะได้พักผ่อนไปท่องเที่ยวดูวัฒนธรรม ในประเทศที่พัฒนามากกว่าเราซักหน่อยนึง
เมื่อใกล้เวลา เราสองคนก็เดินทางกันไปรอที่ประตูทางออก (GATE) ที่ระบุไว้ในบัตรขึ้นเครื่อง ไป Gate D8 เวลา 8:30 สบายๆ เบิร์ดๆ แบบลูกทุ่ง ลูกทุ่ง กันหน่อยนะครับ (แต่ดูรูปข้างหลังผม เบิร์ดๆ กว่าผม นอนเลยนิ อิจฉาจัง)

ขึ้นเครื่อง ใช้เวลาเดินทาง ตั้งแต่ 9:15-12:40 น. นั่งอยู่ริมหน้าต่าง Hot Seat คู่กับแฟน ที่ไปด้วยกัน ถ่ายรูปเป็นที่ระทึก กันหน่อย ที่นั่งก็จะเป็นเบาะสีแดง แสดงสัญลักษณ์ Hot Seat นะครับ ระหว่างนั่ง ก็หาเวลายามว่างๆ เจริญสติ กันตามที่ได้เรียนรู้มา เพื่อเป็นกำลังใจให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ เพื่อความไม่ประมาท (ใครขึ้นก็แนวใคร แนวคนนั้น ต่างคนต่างทำกันไปเงียบๆ ไม่ยุ่งกัน)
เป้าหมายแรก เมื่อถึงที่หมาย ที่สนามบิน Changi (เขาอ่านว่า ชาง-งี ) เราก็เข้าแถว แสดง Passport ให้กับ แผนกตรวจคนเข้าเมืองกัน ซึ่งห้ามถ่ายรูป เป็นกฎกติกาทุกแห่งทั่วโลก  (เคยไปของจีนเซินเจิ้น สุดเข้มเลยแหละ ไว้มาเล่าสู่กันฟัง)   

คราวนี้ เราก็ ไปหารถคล้ายๆ บีทีเอส ในกทม. บ้านเรา คือ ที่นี่สิงคโปร์เรียกรถ Skytrain ที่ช่อง  Terminal 2 เพื่อเข้าตัวเมือง
เราก็แวะ ซื้อ การ์ด Ezlink เป็นบัตรที่จำเป็นมากๆ สำหรับการเดินทางใน สิงคโปร์ครั้งนี้ เพราะใช้ต่อรถทุกประเภท (รับรองกลับถึงที่พักแน่ๆ )บัตรนี้ใช้สำหรับ จ่ายค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT SRS และค่ารถเมล์ SBS ราคา 15 เหรียญ (เงิน 7 มัดจำ 3 การ์ด 5) ที่ Ticket Office ตรงทางเข้า MRT Terminal 2 แล้วเราก็เติมเงินอีก 20 เหรียญ (อัดเต็มแม๊กซ์ กลัวเงินหมด เวลาเดินทางแล้วหลงหนะครับ) อัตราแลกเปลี่ยนวันที่ไปนี้ 24.16 บาท ต่อ 1 เหรียญสิงคโปร์
จากนั้น เราต้องสังเกตป้าย บอกทางให้ดีนะครับ ไม่งั้นหลงนะ จะบอกให้ อยากบอกว่า สิงคโปร์ ป้ายบอกทาง (Direction) ที่นี่ สมบูรณ์แบบมากๆ ทำให้ผม ประทับใจมากๆ (นึกถึงเมืองไทยเลย เฮ้อ) ถ้าได้สักครึ่งนึงของสิงคโปร์ จะสุดยอดเลย
 
ผมและแฟน ก็เดินทาง ไปนั่งรถไฟฟ้า  MRT ไปให้ถึง สถานี Aljunied (ฟังเสียงเขาว่า อา-จู-หนึด) ซึ่งเป็นสถานีที่สำคัญมาก เพราะเป็นจุดที่เวลาเรากลับโรงแรมมาเริ่มต้นที่สถานีนี้ได้ (ถ้าเป็น กมท. นึกอะไรไม่ออก เริ่มต้นที่อนุสาวรียชัยสมรภูมิ ด่านแรกครับ) 
ดูจากรูปข้างบน เป็นเส้นทางการวิ่งของรถไฟฟ้า สะดวกครับ อ่านแล้วรู้ว่าถึงเป้าหมายหรือยัง อยากเห็น BTS ของประเทศไทย พัฒนามาให้ถึงจุดนี้เร็วๆ ครับ เพราะสะดวกมาก บอกทิศทางของประตูที่จะเปิดล่วงหน้าด้วย ก่อนถึงป้าย ทำให้ผมมีความสุขในการเดินทางในสิงคโปร์ แม้จะกลัวหลงทางบ้าง แต่สุดท้ายกลับมาให้ถึงสถานีอาจูหนีด ให้ได้นะครับ มีรถไฟฟ้า BTS หลายเส้นทาง แทนด้วยสีต่างๆ จากตัวอย่างข้างบนทำให้เรารู้ว่า เราสามารถเปลี่ยนสถานีเส้นสีเขียว ไปยังสถานีเส้นสีแดง ที่สถานีไหน แต่มันวนกลับมาที่เส้นเขียวกันเป็นวงกลมได้ เห็นไหมละครับความสะดวก
 
เมื่อมาถึงป้ายสถานีอาจูหนีด  เราก็ลากกระเป๋าเดินทางลงบันไดเลื่อนอย่างสะดวก เพราะมีบันไดเลื่อนขึ้น และลง บริการ ทุกสถานีครับ สะดวกมากๆ (อันนี้ก็อยากเห็นเมืองไทย กทม. พัฒนามาให้ถึงจุดนี้เช่นกันครับ )  สำหรับค่าเดินทาง เช็คจากหน้าจอที่เดินผ่านช่อง  ($1.8) เดินทางไม่นานครับ เมื่อถึงสถานีแล้ว หาที่แวะกินข้าวที่สถานีนี้ก่อน เพราะมันเลยเที่ยงมาพอสมควร เลยกินข้าวมันไก่ที่นี่ ขึ้นชื่อของสิงคโปร์เลยว่างั้น อยู่ด้านข้างๆ สถานี
เมื่อทานกันอิ่มแล้ว เราก็เดินไปขึ้นรถ ที่ป้ายรถเมล์ไปที่โรงแรม  Fragrance Sapphire Hotel ซึ่งสามารถรอ ต่อรถเมล์สาย 2, 62, 63, 80, 100 มาลงป้ายใกล้ซอย Lor 10 Geylang ประมาณ 2 ป้าย หรือพูดง่ายๆ เมื่อรถเลี้ยวขวาแล้ว ให้รออีกสองป้ายนั่นแหละ ไม่หลง ถ้าเลยก็เดินชมเมือง กลับมาที่พักได้ไม่ไกลมาก

เราได้จองโรงแรม  Fragrance Sapphire Hotel  ทาง อินเตอร์เน็ต ตัดค่าใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ถือว่า เป็นโรงแรมที่สะดวก และคนไทยนิยมมาพักมาก เมื่อเรานั่งรถผ่าน เห็นป้าย Food Joint 351 ข้างๆ 7-11 ก็ให้ลงตรงป้ายนั่นเลยครับ แล้วค่อยเดินเข้าซอย ในรูป มีลูกศรสีแดงที่ชี้อยู่นะครับ



 Fragrance Sapphire Hotel   แม้ห้องจะดูเล็กไป แต่ในราคาประหยัดนี้ ต้องทำใจครับ เพื่อประหยัดงบในการศึกษาดูงานนี้ เอาพอซุกหัวนอนได้ ก็โอเคนะครับ มีทีวีให้ดู แต่รายการต่างประเทศหน่อยนะครับ

 
 
มีกาต้มน้ำให้เรา และกาแฟฟรีให้ 2 ซอง และ น้ำ 2 แก้วพลาสติก ให้บริการ (นึกถึงมาม่า อยากพกมาด้วยจังเลย แต่กลัวมีกลิ่นในห้อง เดี๋ยวนอนไม่หลับ หิวทั้งคืน

ห้องน้ำก็สะดวกดีครับ มีน้ำอุ่นให้อาบ พร้อม แปรงสีฟัน  ส่วนสบู่มีแบบครีมอาบน้ำให้ครับ ผ้าเช็ดตัวอาจจะดูเก่าไปนิดนึงนะ แต่ก็เอาเถอะใช้ได้
 
พอจัดการเรื่องสัมภาระเสร็จ ก็เตรียมกล้องประจำกาย เดินทางออกมาสถานีรอรถประจำทาง  เพื่อเดินทางไป Bugis (บูกิส) เพื่อมาดูแหล่งท่องเที่ยวของใครๆ หลายๆ คน เหมือนโบ้เบ้ มีเสื้อผ้า เดินเล่นกันในที่นี่

ที่ป้ายรถประจำทาง ก็จะมี บอกว่า แต่ละสายผ่านเส้นไหนบ้าง  และราคาเท่าไหร่ ให้ศึกษาอ่านให้ดี

สำหรับเย็นนี้ จะไป Bugis ก็ต้องไปรอที่ป้ายรถเมล์ตรงหน้าปากซอย Lor 8 (หลอแปด) แล้วนั่งรถสาย 2  (รหัส 01119 - BUGIS JUNCTION )ไปลงที่หน้า Bugis junction



Bugis เหมือนจตุจักรเป็นถนนคนเดิน  เมื่อเดินทางมาถึงบูกิสแล้ว ก็เดินชมเข้าไปในซอย เพื่อบันทึกภาพและชิมอาหารบางอย่าง ที่สนใจ ป้ายบอกทาง (Direction) ชัดเจน ไม่มีหลง


อันดับแรกมาถึง Bugis ต้องเดินหาที่ต้องบันทึกภาพ มาถึงบูกิส ไม่ถ่ายภาพบันไดหนีไฟ หลากสีที่นี่ ก็ยังมาไม่ถึง เขาว่างั้น เลยถ่ายภาพเป็นที่ระลึก เอามาโชว์ภาพเดียวพอให้เห็นนะครับ คงไม่เอาทั้งหมด ไม่ไหว มันเยอะ ยิงไม่นับครับ กล้องผมยิงกันเต็มที่



เมื่อบันทึกภาพเสร็จ ก็เดินเข้าซอย แหล่งชอปปิ้ง เหมือนจตุจักร ในไทย มองจากฝั่งตรงข้ามถนน

สำหรับ สินค้าเหมือนกันกับในจตุจักร ราคาอยู่ในช่วงประมาณ  3-5  ชิ้น 10 เหรียญ (24.16 บาท/ 1 เหรียญ)

ร้านขายขนมน่าลองชิง ละลานตาไปหมด แต่ไม่ค่อยสนใจเท่าไรหนัก เพราะจัดหนักมาที่สถานี BTS อาจูหนีดแล้ว ร้านนี้คนซื้อกันเยอะ ต่อคิว เหมือนกัน สงสัยอร่อย แต่ลองชิมไม่ไหวแล้ว อิ่มมากๆ


มีทาร์ตไข่ ที่นิยมกันในปัจจุบัน (กำลังวางแผนไปกินที่มาเก๊า ช่วงตุลาคมนี้  และเราเคยลองกินของ KFC เมืองไทยมาแล้ว)

 
สำหรับร้านน้ำปั่น ที่อยู่ตรงข้างเยื้องๆ กันอยู่ คิวยาวเช่นกัน สนใจก็เตรียมตัวเตรียมใจ ขอบอกไว้ก่อนอย่าซื้อทีละหลายๆ ชุด ให้ซื้อชุดเดียวมาลองชิมกันก่อน และที่สำคัญปริมาณเยอะ กินไม่หมด ต้อง 2 คนต่อ 1 ชุด กำลังดี มาถึงสิงคโปร์ต้องใช้วิธีนี้
เดินไปเรื่อยๆ มีอะไรให้ดูเยอะแยะ แต่ลงในบันทึกไม่หมด ครับ เดินไปมีผลไม้ ซื้อไว้ 1 ชุด ไว้กินกันรอบดึกๆ ในโรงแรมครับ
 


สตอเบอรี่ ก็มีให้กิน มีทุเรียนไทยด้วย (สไตล์ ปลาร้า แบบเหลวๆ เละๆ ที่นี่เขาชอบ ผมก็ชอบ เดินโฉบไปดมกลิ่น เฮ้อ เดี๋ยวกลับบ้านเมืองไทย แล้วจะกินให้หนำใจ)

ร้านไอติม 1 เหรียญ มีขายหลายร้านเลย เห็นคนต่อคิวซื้อกันมาก ไม่ได้ลองชิมนะครับ แต่ถ่ายมาให้ดู
เดินจนถึงสุดซอยบูกิส ก็มาถ่ายภาพบรรยากาศด้านนอกตึก และมีสามล้อ เป็นเอกลักษณ์ ผู้คนมาจับจ่ายใช้สอยกันมากเหมือนกันที่นี่



เมื่อเดินชมหนำใจ ก็นั่งรถประจำทางสาย 2 จากจุดเดิม ที่ลง ต่อไปยัง Clarke Quay - ชมแสงสีบริเวณท่าเรือ แวะกินอาหารร้านริมน้ำ ตอนแรกตั้งใจว่าจะกินอาหารทะเลที่นี่ แต่ปรากฎว่า เราสองคน ยังอิ่มอยู่ เลยเดินชม และถ่ายภาพกันครับ

เริ่มต้นด้วยการข้ามถนนมา ฝั่ง Clarke Quay แล้วบันทึกภาพ ก่อนเลยครับ  หน้าห้างสรรพสินค้า และที่สำคัญดูด้านหลังที่ผมยืนอยู่ครับ มีอาคารหน้าต่างหลากสี





ที่สิงคโปร์เหมือนจะเน้นในการทาสีอาคารให้เด่น เน้นสีเจ็บๆ ว่างั้นนะ ดูสิ น้ำเงิน เขียว เหลือง แดง
 
เมื่อบันทึกภาพจนหนำใจ ก็เดินตรงเข้าไปเลียบแม่น้ำ ก็ต้องลองกล้องบันทึกภาพยามค่ำคืน และก็เดินเข้าไปในโซนราตรี ตรงนี้ ชาวต่างประเทศเข้าไป ดื่ม กิน กันเยอะ แต่บังเอิญ เราสองคน ไม่ค่อยดื่ม เพราะบำรุงสุขภาพกันครับ กลัวโทรมเร็ว ฮ่าๆ ว่างั้น



เมื่อเสร็จก็เดินทางกลับ ขึ้นรถ ฝั่งนี้แหละครับ ฝั่ง Clarke Quay
หาทางกลับ ซอย Lor 8  ยืนดูป้ายรถเมล์คิดว่าชัวร์แล้ว ผสมกับ เริ่มหิว แต่หาไรน่าทานไม่ได้ ส่วนอาหารทะเลกะว่าพรุ่งนี้ไปกินที่ Sentosa ว่างั้น ก็เลยทนหิว สงสัยตาลาย นั่งรถสาย 145 กลับ (ถ้าให้ถูกต้อง เราจะต้องลงป้าย Bugis ที่เดิม แล้วต่อรถไฟฟ้า BTS ไปลง อาจูหนีด แล้วต่อรถประจำทางไป Lor 8 ถึงโรงแรม) ดันนั่งกันเพลิน พาไปไหนไม่รู้ มึนตึบ สุดสาย

ดีนะไปเจอรถไฟฟ้า BTS สายสีม่วง NE ก็นั่งมาให้เจอสายสีเขียว เพื่อกลับสถานีอาจูหนีด ที่บอกตอนต้นครับ สุดท้ายกลับถึง โรงแรมโดยสวัสดิภาพ ทำให้เรียนรู้เส้นทางวันแรก แบบน่าตกใจ  

บวกอารมณ์หิวจัด ก็เลยซื้อขนมปังไส้กรอกร้าน BreadTalk ชื่อดังของสิงคโปร์ และแวะ 7-11 ซื้อโค้ก กิน รองท้อง เพราะพรุ่งนี้เดี๋ยวก็เช้าแล้วครับ จะได้ไปกินอาหารทะเลกัน
ร้านขนมปัง แต่อันนี้อีกที่หนึ่ง แต่เอามาใช้โพสก่อนเพราะไม่ได้ถ่ายไว้ ไม่มีอารมณ์ มันหิวมาก ไปนอนก่อนหละสำหรับคืนแรก ขออาบน้ำแล้วไปนอนแล้วครับ ราตรีสวัสดิ์ทุกคนครับ



สรุป ได้พบว่า
1. ระบบการเดินทางที่เป็นโครงข่ายสมบูรณ์  ในการเดินทางที่สิงคโปร์ เป็นสิ่งที่ทำให้มีความสุข คือ ไปได้เองโดยแค่รู้ว่าจุดหมายที่ไหน เพราะมีความเชื่อมโยงกันทั้งระบบโครงข่าย
2. บันไดเลื่อน เพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายการเดินทาง สมบูรณ์ ที่จะทำให้เกิดการเดินทางในรูปแบบ Multi-Modal สมบูรณ์ จริงๆ เลย ตามทฤษฎี GIS Network Analyst ที่ได้เรียนรู้มา ได้มาเห็นของจริงที่สิงคโปร์นี่เอง
3. บัตร EZ-Link บัตรเดียว เที่ยวได้ทั่วสิงคโปร์ แค่ใช้บัตรแตะที่เครื่องตัดเงินที่ติดตั้งไว้ตามจุดบริการ และบนรถโดยสารประจำทาง สะดวกมาก นั่งใกล้ไกล ไม่เกิน 2 เหรียญสิงคโปร์

ส่วนท่านใดมีประสบการณ์อื่นๆ เพิ่มเติมได้นะครับ ผมบันทึกเฉพาะที่ได้เจอกับตัวเองเท่านั้นเองครับ


หมายเลขบันทึก: 432322เขียนเมื่อ 22 มีนาคม 2011 22:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2014 17:21 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

เข้ามาติดตามอ่านแล้วเหมือนได้ติดตาม อ.ไปด้วยเลยค่ะ

เมื่อกี้ใช้ชื่อผิด แต่คนเดียวกัน จะติดตามอ่านบทความจาก ท่านอาจารย์เรื่อยๆนะคะ

ขอบคุณนะครับ อ.ปรียา @preeyas11 @cateyes พยายามเขียนครับ เพราะไม่ค่อยเป็นในเรื่องของการบันทึกเท่าไร ^^





 
preeyas11

เคยไปเมื่อหลายปีมาแล้ว อ่านแล้วรู้สึกมีการปรับเรื่องการเดินทางดีขึ้นมาก แบบนี้ทำให้ไทยเราน่าจะต้องปรับปรุงเรื่องการอำนวยความสะดวกการท่องเที่ยวมากกว่านี้

ที่เคยไปมีความรู้สึกหนึ่งที่เกิดขึ้นคือ เวลาเดินทางที่นั่นคนเดียวไปไหนมาไหน แม้กระทั่งตอนค่ำ รู้สึกมีความปลอดภัยมากกว่าเดินทางที่กรุงเทพคนเดียว ที่บางทีเดินๆแล้วต้องคอยเหลียวหลัง

อ่านที่เขียนแล้ว เกิดกิเลส สงสัยต้องเตรียม back pack อีกแล้ว:)

ขอบคุณครับ คุณ mee_pole เดี๋ยวนี้ที่สิงคโปร์พัฒนาระบบโครงข่ายคมนาคมสมบูรณ์มากครับ ไปคนเดียว ไม่มีเสียวครับ เพราะไม่มีอะไรให้กังวล ไม่ต้องกลัวโจร ไม่ต้องกลัวชิงทรัพย์ ลองมาดูอีกรอบ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท