หลายวันมาแล้วที่ไม่ได้เข้ามาเยี่ยมอ่านและเขียนบันทึก อันเนื่องมาจากการต้องไปร่วมจัดงานสารทไทยกล้วยไข่เมืองแพงเพชร และที่ผ่านมาสดๆ ร้อนๆ ก็คือน้ำท่วมที่สวนครับ
บันทึกนี้ก็เลยนำเหตุการณ์ที่พบเจอตอนน้ำท่วมที่สวนมาฝากครับ ไม่ได้เป็นเรื่องตื่นเต้นอะไรมากมาย แต่ว่าเป็นเรื่องที่หลายท่านอาจไม่เข้าใจ หรือท่านใดที่มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้แล้ว ช่วยกรุณาเข้ามาชี้แนะและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้วยนะครับ
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ผมไปนอนที่บ้านสวนครับ ห่างจากตัวจัวหวัดไปประมาณ 10 กม. ตั้งอยู่ที่บ้านใหม่ หมู่ที่ 6 ตำบลท่าขุนราม อ.เมืองกำแพงเพชร ซึ่งช่วงนั้นฝนตกชุกมาก ตกทุกวัน พอตื่นเช้ามาในวันที่ 14 พ่อตาซึ่งตื่นขึ้นมาก่อนได้เรียกบอกว่าน้ำมาแล้ว (เนื่องจากว่าสวนผมอยู่ติดกับคลองสวนหมาก ซึ่งหน้าฝนจะมีน้ำมากและไหลมาอย่างรวดเร็ว) ไหลมาเร็วมากเกือบถึงใต้ถุนบ้านแล้ว พอตื่นขึ้นมาลำดับแรกที่ต้องทำอย่างรวดเร็ว (จากประสบการณ์ที่เคยเจอน้ำท่วมที่นี้มาแล้ว 2-3 ครั้ง) ก็คือการเก็บของครับ
เริ่มจากการย้ายรถยนต์ออกไปไว้ที่ถนนหน้าบ้านก่อนเป็นลำดับแรก เพราะทางเข้าบ้านเป็นที่ลุ่มแม้ว่าที่จอดรถจะไม่ท่วมมาก แต่พอน้ำมากเราก้จะไม่สามารถนำรถออกไปได้เลย ก่อนจะขับรถออกไปก็เดินลุยดูน้ำก่อนพบว่าสูงเกือบถึงหัวเข่าแล้ว แต่ก็สามารถนำรถออกไปที่ถนนหน้าบ้านได้อย่างปลอดภัย จากนั้นก็เก็บพวกปั๊มน้ำ เครื่องซักผ้า และของอื่นๆที่คิดว่าน้ำจะท่วมถึง
สภาพน้ำท่วมลึกสุดที่ประมาณ 2 เมตร ตื้นสุดประมาณ 30 ซม.
ทีนี้มาถึงประเด็นสำคัญที่อยากจะบันทึกมาแลกเปลียน ซึ่งหลังจากน้ำมาได้ไม่นานก็มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่เข้ามาหาเก็บจิ้งหรีดที่บริเวณสวนของผมหลายสิบคน แต่ละคนก็ได้จิ้งหรีดไปกันคนละมากน้อยอยู่ที่ความชำนาญ คนที่เก็บได้มากก็อาจจะได้กันตั้งแต่2-5 ร้อยตัว สรุปแล้วน่าจะสามารถเก็บจิ้งหรีดกันรวมแล้วนับหมื่นตัวเลยทีเดียว
ประเด็นสำคัญที่อยากจะบันทึกไว้ก็คือ การที่ชุมชนเข้ามาเก็บจิ้งหรีดหรือแมลงซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติเหล่านี้ หลายท่านที่ไม่เข้าใจก็อาจจะไม่ค่อยชอบใจหรือพอใจที่บุคคลอื่นเข้ามารบกวนสิทธิ์ของเรา อย่างเพิ่งโวยวายและไม่พอใจนะครับ เพราะแท้จริงแล้วการกระทำเหล่านี้เป็นสิทธิเก็บกินซึ่งมีมาตามธรรมชาติของมนุษย์นั่นเองครับ มีมาตั้งแต่อดีต ซึ่งในอดีตธรรมชาติเหล่านี้ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน เพียงแต่ปัจจุบันเรามาออกกฏเกณฑ์เพื่อแบ่งแยกและครอบครองทรัพยากรธรรมชาติเหล่านั้นกันในภายหลัง
แต่โดยเนื้อแท้แล้วทุกคนคือเจ้าของทรัพยากรธรรมชาติเหล่านั้น จึงกลายมาเป็นวัฒนธรรมของท้องถิ่นที่เราอาจได้พบเห็น หากเราไม่เข้าใจความเป็นมาและรากฐานเดิม ก็อาจจะก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้นได้ สำหรับผมแล้วยินดีที่ชุมชนได้มีโอกาสเข้าถึงและได้ใช้ทรัพยากรที่แฝงอยู่ในขอบเขตพื้นที่ของเรา เพราะสิ่งเหล่านี้เราเองก็ไม่ได้สร้างขึ้นหรือลงทุนอะไร (ยกเว้นต้นไม้-ผลไม้ที่เราปลูกไว้...อิอิ) มันเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ดังนั้นเราควรจะแบ่งปันกันใช้ เพราะนี้เป็นสิทธิเก็บกินที่มีมากับธรรมชาติของสังคมบ้านเรา
บันทึกมาเพื่อการ ลปรร.ครับ
วีรยุทธ สมป่าสัก 16 ตุลาคม 2550
สวัสดีครับ
สวัสดีครับ
คนอยู่บ้านนอกและคนรุ่นก่อนเราจะเข้าใจเรื่องนี้ดีกว่าคนในเมืองและคนรุ่นหลังนะคะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการคิดถึงเรื่องน้ำใจและการแบ่งปันเป็นสิ่งที่ควรสนับสนุนให้เกิดงอกงามต่อไปในสังคมไทย เพียงแต่ผู้เข้ามาเก็บควรระวังที่จะไม่ทำความเสียหายให้กับพืชผลและทรัพย์สินของเรา
แถวบ้านที่อยู่ชาวบ้านก็ยังมาหาหอยหาปลาที่ท่าน้ำบ้านเรา มาขุดหน่อไม่ที่อยู่ในที่เรา แม่บ้านจะหงุดหงิดมาก เราต้องบอกว่าคิดว่าทำทานเถอะเพราะเป็นของกิน เขาเก็บไปก็ได้กิน ปัญหาคือพอเราไม่พูดอะไร ก็ขุดหน่อไม้ซะไม่ให้เหลืองอกเลยค่ะ
เพิ่งทราบนะคะว่าหลังน้ำมาแล้วจิ้งหรีดจะมาเยอะด้วย ที่บ้านไม่เห็นอย่างนี้ค่ะ
หวังว่าน้ำคงผ่านไปอย่งรวดเร็วและไม่ทำความเสียหายให้สวนมากนักนะคะ
หวัดดีค่ะ..พี่สิงห์ป่าสัก