สวัสดีครับ
ผมติดตามทั้งสองวัน สองครั้ง
* ผมชอบคุณวีระครับ ดูเป็นผู้หลัก ผู้ใหญ่ เข้าอกเข้าใจ แบบ I in you
* คุณกอร์ปศักดิ์ ก็โอเคครับ ดูจะไปทาง I in you ได้
* หมอเหวง กับ คุณ จตุพร ถ้าลด I in me ลงมาบ้าง ก็น่าจะดีขึ้นครับ อย่างน้อย I in it ก็พอคุยกันได้บ้างครับ
* ผมคิดว่าการสนทนาทั้งสองครั้ง No trust no talk ครับ คือ คุย เหมือน ไม่ได้คุย
บันทึกนี้ มีคุณค่ามากครับ ขอบคุณสำหรับบันทึกดีๆครับ
สวัสดีครับ
วิเคราะห์ได้ละเอียดและน่าสนใจมาก ๆ ครับ
ผมได้นั่งดูและฟังด้วยก็เห็นตรงตามที่คุณซวงกล่าว
ไม่ว่าจะเกิดผลหรือไม่ก็ตาม ผมคิดว่าคนไทยที่ติดตามด้วยใจเป็นกลางต่างได้รับประโยชน์ทั้งสิ้น
รู้ว่าใครเป็นอย่างไร คิดอย่างไร รู้ว่าวุฒิภาวะของใครอยู่ระดับใด
การเจรจาคราวนี้เป็นพัฒนาการขั้นหนึ่งของสังคมไทยครับ
บทเรียนที่คนไทยพึงได้รับและเรียนรู้คือ
คนมีปัญหาประกาศตัวเป็นคู่ตรงข้ามก็สามารถมาคุยกันได้ เจรจากันได้ และเป็นได้ได้ที่จะเข้าใจกัน (กรณีคุณวีระและคุณกอรปศักดิ์)
ในทัศนะผม การคุยทั้งสองคร้ังทีี่ผ่านมาเป็นเพียงจุดเริ่มต้นครับ
ตามหลักการของการเจรจา ขั้นแรกจะเป็นการเปิดเผยสิ่งที่อยู่ในใจของแต่ละคนออกมา ว่าคิดอะไร อย่างไร
ขั้นแรกนี้อาจจะใช้เวลานานกว่าสองคร้ังก็เป็นไปได้
ผมคาดหวังว่าจะมีการเจรจาพูดคุยกันอีก ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรเกิดขึ้น
ขอบคุณบันทึกดี ๆ ครับ
ได้คิดตาม ดูตาม น่าสนใจครับ ผมก็พยายามฟังทั้งสองฝ่ายอย่างมีสติ ฟังให้เห็นความคิด ความเชื่อในตัวเขา คิดว่าการคุยกันดีกว่าการไม่คุยกัน การเปิดถ่ายทอดสด ผมเห็นด้วยเพราะคนส่วนใหญ่ได้ฟังด้วย ไม่ใช่เฉพาะสองฝ่ายที่เป็นคู่กรณีกันคุยกันเอง แต่ครั้งต่อก็ตามความเหมาะสม..
สวัสดีค่ะพี่ซวง
สงสัยอยู่เหมือนกัน เวลามีมวยยังมีกรรมกร เอ้ยกรรมการ
แต่สองวันที่ผ่าน ไม่มีใครเป็นกรรมการเลย
สมมุติว่ากอนั่งเป็นกรรมการอยุ่
กอจะบอกว่า ทั้งหมดยืนขึ้น ทำความเคารพซึ่งกันและกัน
ฝ่ายหนึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีและคณะ ท่านให้เกียรติหรือไม่
ฝ่ายหนึ่งเป็นผู้นำของชนชาวไทยที่มาเรียกร้องสิทธิของเค้า ท่านให้เกียรติซึ่งกันหรือไม่
เมื่อท่านทั้งสองฝ่ายให้เกียรติกันแล้ว การเจรจาเกิดขึ้นแล้ว
เราทั้งสองฝ่ายมาเจรจากันเพื่อหาทางออกให้กับประเทศชาติ ใช่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
การเจรจาเกิดขึ้นเพราะ เราต้องการทางเลือก ท่านทั้งสองฝ่ายมีทางเลือกที่ขัดแย้งกัน
ฝ่ายหนึ่งต้องการบริหารประเทศ อีกฝ่ายหนึ่งต้องการให้ยุบสภา
เราเจรจากันเพื่อหาทางเลือกจริง ๆ
เมื่อเจรจากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฝ่ายรัฐบาลเสนอขอยุบสภาภายใน 9 เดือน
ฝ่ายนปช.ต้องการยุบสภาภายใน 15 วัน
ในฐานะที่ผมเป็นคนกลางและเป็นตัวแทนของประชาชน ผู้ที่ต้องการให้ผมมีความเป็นธรรมให้ทั้งสองฝ่ายนั้น
ผมขอยื่นเสนอให้พบกันครึ่งทาง
ฝ่ายรัฐบาลไม่ถึง 9 เดือน พอจะไหวมั้ย ฝ่ายเสื้อแดง 15 วัน มันเร่งเร้าและการทำงานหยุดชะงักไปหลายอย่าง อย่างที่ท่านนายกบอกไว้จริง ๆ
ผมจึงขอยื่นขอเสนอให้รัฐบาลบริหารประเทศต่อถึงเดือนสิงหาคม 2553 นับจากนี้ไปก็เป็นระยะเวลา 5 เดือน
ท่านทั้งสองฝ่ายจะยอมรับได้หรือไม่ครับ เพราะในสถานการณ์ขณะนี้ เป็นที่น่ารุ้กันว่า
ชาวไทยใช่จะใส่เสื้อแดงทั้งหมด จึงจะพอใจในการกระทำของเสื้อแดงที่จะทำให้รัฐบาลยุบสภาได้ภายใน 15 วันและยิ้มแย้มมีความสุข
และเป็นที่รู้กันว่า มีชาวไทยอีกจำนวนมาก ที่ทั้งรักและให้กำลังใจการทำงานของรัฐบาลอยู่เช่นกัน
นี่ไงครับ ผมถึงบอกว่าเมืองไทยต้องการทางเลือกที่แน่นอน จึงจะลดความบาดหมางในใจลงได้บ้างไม่มากก็น้อย
ขอให้ท่านทั้งสองฝ่าย ช่วยเหลือเมืองไทยอย่างจริงใจ ด้วยการมาเจรจาครั้งนี้เพื่อหาทางออกกันจริง ๆ เถอะ
5555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555
กินข้าวอิ่ม ๆ เลยฝันมาพิมพ์เม้นพี่ซวงค่ะ
เยี่ยมครับ!
ขอบคุณครับ สำหรับสิ่งที่ได้แลกเปลี่ยนกัน
เมื่อวานนี้พึ่งได้อ่านบทวิเคราะห์ตามหน้าหนังสือพิมพ์ครับ
แล้วก็พบว่า ข้อวิเคราะห์ในบันทึกนี้
ช่างดูห่างไกลเหลือเกินจากบริบทความเป็นจริง
ซึ่งหนังสือพิมพ์บางฉบับถึงกับกล่าวว่าการเจรจาครั้งนี้
เป็นการ "จัดฉาก" หรือ แสดงละครไปเลย
คิดๆ ดูก็น่าจะมีส่วนจริงอยู่บ้าง
เพราะอย่างที่ทราบกันล่ะครับว่า
ยังมี "ผู้กำกับการแสดง" ที่อยู่เบื้องหลัง
และเป็นผู้กำหนดอนาคตความเป็นไปของชาติไว้อย่างแท้จริง
การเจรจาจะสำเร็จไหม ก็คงต้องถามใจบรรดา ผู้กำกับของแต่ละฝ่ายว่า
ละครเรื่องนี้ จะให้มี "ฉากจบ" แบบใด
จะให้พระเอกตายตอนจบ
จะให้ Happy Ending
หรือจะจบแบบเลือดท่วมจอ ไม่มีใครชนะ
อ่านใจผู้กำกับดูก็รู้
ผ่านการแสดงออก
ผ่านคำพูด
ซึ่งน่าจะรับรู้ได้ไม่ยากครับ
สวัสดีครับ น้องสุดสายป่าน ณ ก้านกอโก๊ะ
ไม่ได้คุยกันนานเลยนะครับ
ว่าจะถามว่ายังสบายดีอยู่มั๊ย แต่คงไม่ต้องถามแล้วล่ะ
เพราะถ้าน้องยังฝันได้ดี ขนาดนี้ เป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้
อย่างนี้พี่ก็ต้องขอกลับไปฝันต่อจากภาพน้องกอว่า
เวทีมวย เอ้ย!!! การเจรจาครั้งหน้า จะมีกรรมการที่หน้าคล้าย "น้องกอ"
อยู่ตรงกลางคอยทำหน้าที่ ตักเตือน หรือตัดแต้ม
ไปเลยหากมีใครต่อยใต้เข็มขัด
และก็ฝันต่อว่า
ในท้ายที่สุดตอนระฆังหมดยก
กรรมการที่น่ารักจะชูมือให้ทั้งสองฝ่าย "เสมอกัน"
และกองเชียร์ข้างสนามของทั้งสองฝ่าย
ก็ดีใจกันถ้วนหน้า (รวมทั้งโคช และเจ้าของค่ายมวย)
เฮ้อ...บางทีความสุขก็หาได้ง่ายๆ นะ แค่ได้ฝันดีๆ ซักเรื่อง