Auldlangsyne....
เสียงเพลงจากโทรศัพท์มือถือเราดังขึ้น
ใครหนอโทรมาหาในยามเช้าตรู่ของวันเสาร์เช่นนี้
เรารำพึงในใจขณะเดินไปรับโทรศัพท์“สวัสดีค่ะ” “เป็นไงบ้างลูก” เป็นคำตอบกลับ“คุณพ่อหรือคะ...คุณพ่อเป็นอย่างไรบ้างคะ ไม่สบาย...เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ” เรารัวคำถามด้วยความดีใจระคนตื่นเต้น“ใครบอกหนูล่ะลูก” เสียงท่านถามกลับมาเบา ๆ...เราคิดว่าท่านคงกำลังยิ้มขณะที่พูดประโยคนี้
จากนั้น บทสนทนาก็ดำเนินไป...ท่านเล่าว่าเมื่อวานต้องนอนใน “อุโมงค์” นานนับชั่วโมง คุณหมอ Scan ตรวจสภาพร่างกายโดยเฉพาะส่วนที่เป็น “กระดูก” ทั่วทั้งตัว ท่านเล่าแบบ “ขำๆ” ด้วยว่า “รู้ไหมว่า คุณพ่อถูกจับมัดซะแน่นเลย...”
เราซักถามละเอียดยิบถึงอาการของท่าน และค่อยโล่งใจเมื่อทราบข้อมูลว่าท่านไม่เป็นอะไรมาก เพียงแต่ต้องพักให้คุณหมอดูอาการอีกสักสี่ห้าวันอยู่ที่โรงพยาบาล คุณพ่อชวนเราคุยถึงเรื่องงานในพื้นที่ เรื่องการเมืองและนักการเมือง เราก็ชวนท่านคุยว่าด้วยเรื่องสบาย ๆ เช่น การเดินเล่นออกกำลังกายในยามเช้าและยามเย็น พร้อมได้ชื่นชมธรรมชาติ โดยเฉพาะเสียงนกที่ร้องประสานกันได้ไพเราะจับใจ เนื่องจากที่วิทยาเขตเรามีนกหลากหลายสายพันธุ์ และมีเป็นจำนวนมาก จนเป็นสถานที่ศึกษาท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของบรรดา “คนรักนก” ทั้งหลาย ฯลฯ
สุดท้าย...เรานัดหมายกันว่า ท่านจะมาที่กำแพงแสนเพื่อเป็น “ขวัญ” และ “กำลังใจ” ให้ แก่พวกเราในวัน “ไหว้ครู” ที่จะมาถึงในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า กระแสเสียงที่เปี่ยมล้นด้วยความเมตตาของท่านบอกกับเราว่า “คุณพ่อคงหายดีแล้วละหนู อีกตั้งสองอาทิตย์ แล้วก็ไม่ต้องทำหนังสือมานะลูก...เพียงแต่ให้คุณพ่อทราบล่วงหน้า จะได้ไม่ลงนัดของใคร ...ไม่ต้องเป็นทางการ... ง่าย ๆ ดีกว่านะลูก”
เราเชื่อมานานแล้วว่า “กระแสใจ” มีพลังจริง
และวันนี้..."พลังแห่งกระแสใจ" ก็ได้ทำ "หน้าที่" อีกครั้ง
ก็เมื่อเช้า...หกโมงเช้า...ยามเดินออกกำลังกายท่ามกลางอากาศที่แสนบริสุทธิ์สดชื่น ท่ามกลางเสียงนกร้อง และแมกไม้เขียวขจี ขณะที่เราฝึกการ “เจริญสติ” ด้วยการ "เดินภาวนา" ใช้วิธีการทำ “ใจใส ๆ” และ “ใจนิ่ง ๆ” เอาใจมาอยู่ภายในตัว วางจังหวะย่างก้าวของเท้าทั้งสองอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ สูดลมหายใจเข้า-ออก อย่างนุ่มนวล อย่างช้า ๆ สบาย ๆ... ซึ่งในบางครั้งก็มี “ตัวช่วย” คือ การนึกถึง “คำภาวนา” เพื่อใช้เป็นหลักที่ “ยึดเกาะ” ของใจ เป็น “กุศโลบาย” ประการหนึ่งที่จะช่วยทำให้ใจเราหยุดนิ่ง ไม่วิ่งวุ่นออกไป “นอกตัว” และคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ
แต่แล้ว...ใจเราก็วิ่งออกนอกตัวไปจนได้... ใจเราเดินทางไปพร้อมกับ “ความคิด” ที่นำพาเราไปสู่ภาพและเสียงของน้องที่ดูแลงานกิจกรรมนิสิตของมหาวิทยาลัย ซึ่งเมื่อสามวันก่อนเจอกันและได้บอกกับเราว่า
“อาจารย์คะ วันปฐมนิเทศนิสิตใหม่ของวิทยาเขตปีนี้ เรียนเชิญท่านอาจารย์ระพีมาด้วยนะคะ ท่านจะมาพักค้างที่นี่ด้วยคืนหนึ่งค่ะ ท่านยังถามถึงอาจารย์อยู่เลยค่ะ...แต่เท่าที่ทราบ...ตอนนี้ท่านไม่สบายค่ะ ท่านคงมาไม่ได้... เสียดายจังเลยนะคะ นิสิตเราเลยไม่มีโอกาสได้พบท่านอาจารย์ คงต้องรอเป็นโอกาสหน้า....”
เราตั้งใจจะโทรศัพท์ถึงท่าน...อยากสอบถามข่าวคราวอาการเจ็บไข้ได้ป่วยของท่าน แต่ก็ด้วยความ ”เกรงใจ” ว่าจะเป็นการรบกวนท่านที่อาจกำลังนอนพักอยู่ นึกไปถึงเมื่อปีที่แล้ว...ที่เราไปเยี่ยมท่านที่โรงพยาบาลจุฬาฯ... ครั้งนั้นท่านเข้ารับการผ่าตัดเล็ก ๆ และพักรักษาตัวอยู่นานนับสัปดาห์ เราถามหาสาเหตุและอาการโรคภัยไข้เจ็บของท่านด้วยความวิตกกังวลใจ...ท่านมองเราด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความรัก ความอบอุ่น และความเมตตาเช่นทุกครั้ง พร้อมปลอบใจเราให้คลายกังวลว่า “คุณพ่อไม่เป็นไรมากหรอกลูก...ประเดี๋ยวก็หาย ออกไปทำงานได้สบายแล้ว”
ครั้งนี้...ท่านจะเป็นอย่างไรบ้างหนอ...เรารำพึงอยู่ในใจ ขณะที่เอา "สติ" กลับคืนมาที่ลมหายใจและจังหวะย่างก้าว... ซ้ายและขวา...ซ้ายและขวา...
และแล้วเจ้าความคิดตัวเดิมก็พาจิตเราข้ามมิติแห่งกาลเวลาและสถานที่ เชื่อมโยงเข้าสู่ความทรงจำรำลึกแห่งอดีต...ภาพแห่งความหลังผุดพราย... ต่อเนื่องดุจระลอกคลื่น...ภาพตอนที่เราเข้าเรียนปีที่ ๑... งานกล้วยไม้โลกที่สวนสามพราน คุณพ่อกำลังต้อนรับแขกชาวต่างประเทศที่มาในงาน เรากับเพื่อน ๆ ช่วยกันอาสาเสิร์ฟน้ำและบริการทุกอย่างเท่าที่วัยอย่างพวกเราจะทำได้...ช่วงฤดูร้อน...งานออกค่ายอาสาพัฒนาชนบทที่ศรีสะเกษ พื้นที่สีชมพู...แล้วค่ายเราก็ถูกปล้น...คุณพ่อเดินทางมาเยี่ยมพวกเราที่ค่ายด้วยความรักและห่วงใย....
ภาพการประชุมคณาจารย์ของคณะว่าด้วย “การออกนอกระบบ” ของมหาวิทยาลัย เราเพิ่งเรียนจบกลับมาจากฝรั่งเศสได้ไม่นาน... เราตั้งคำถามต่อที่ประชุมถึงปรัชญาแห่งการศึกษาและความหมายของ “บัณฑิต” ที่แท้ หลังเลิกประชุม...เราเดินผ่านที่นั่งของคณาจารย์อาวุโสที่อยู่ด้านหน้า...คุณพ่อยืนอยู่ตรงนั้น เราเข้าไปกราบท่าน...บอกท่านว่า..."คุณพ่อจำหนูได้ไหมคะ...หนูเป็น “ลูกค่าย” รุ่นถูกปล้นค่ะ"... ท่านลูบหัวเราด้วยความเมตตา ส่งรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นพร้อมบอกว่า “จำได้สิลูก” และบอกเราต่อว่า “คำถามของหนูดีมากนี่...”
ภาพเราพาลูกศิษย์และเพื่อนพ้องน้องพี่ไปกราบเยี่ยมคุณพ่อที่บ้านพหลโยธิน ภาพที่ท่าน “ปาฐกถา” พิเศษในงานประชุมวิชาการที่กำแพงแสน ภาพการประชุมและการจัดงานต่าง ๆร่วมกับมูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน (ประเทศไทย) ที่มีท่านเป็น “หลักชัย” ในทุก ๆครั้ง ภาพที่ท่านลงทำงานกับชุมชนในพื้นที่ชนบท ภาพของหนังสือหลายต่อหลายเล่มที่ท่านเขียนและมอบให้เราด้วยตัวท่านเองพร้อมลายมืองดงามที่อ่านง่าย “ให้ลูกตุ้มไว้ด้วยความรักและความหวังจากพ่อ”
ภาพต่าง ๆ อีกมากมาย และอีกมากมาย.....
เรา “ตัดใจ” ตัดภาพต่าง ๆ ออกจากความรู้สึกนึกคิด ดึง “จิต” เข้ามาอยู่กับเนื้อกับตัวใหม่ ครั้งนี้เราทำได้ดี...เราเจริญสติด้วยการ “เดินภาวนา” จนกระทั่งกลับมาถึงหน้าบ้านพักในมหาวิทยาลัย
พักเหนื่อยจากการเดินเป็นระยะทางหลายกิโลได้ไม่นานนัก เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น... เสมือนคุณพ่อจะรับรู้ถึง “ความในใจ” และสื่อสัมผัสถึง “ความรักและความห่วงใย” ที่เรามีต่อท่าน
กระแสใจนี้ส่งคลื่นข้ามมิติแห่งกาลเวลาและสถานที่...
พลังแห่งกระแสใจ...เชื่อมโยงและถ่ายทอด...จากใจถึงใจ
ท่านอาจารย์ระพี สาคริก ที่พวกเรา...ลูก ๆ ชาวเกษตร...เรียกขานท่านด้วยความเคารพรักว่า “คุณพ่อ” ท่านไม่สบายครั้งนี้ เราคงไม่สามารถไปกราบเยี่ยมท่านที่โรงพยาบาลได้ ด้วยภารกิจที่ต้องลงทำงานในพื้นที่ ครั้งนี้ไปไกลถึงจังหวัดหนองคาย และคงต้องไปหลายวัน จะเลื่อนก็คงไม่ได้...
“ขอบุญรักษาให้คุณพ่อมีสุขภาพแข็งแรงโดยเร็วพลันเป็นอัศจรรย์นะคะ... "
เราอธิษฐานจิต
คุณพ่อคงรับรู้ถึงสิ่งที่อยู่ในใจเราได้ ...ดังที่ท่านเคยรับรู้ตลอดมาเสมอ
หาก "พลังของกระแสใจ" ยังคงทำ "หน้าที่" ได้ทรงประสิทธิภาพเฉกเช่นที่เป็นมา
ขอส่ง “กระแสใจ” ที่เต็มเปี่ยมด้วย "รักใส ๆ " มอบให้กับทุกสรรพชีวิตบนโลกใบนี้
ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายและอ้างว้างของสังคม
ขอให้เราอยู่ร่วมกันด้วยความรักและความเมตตา
ขอให้ความสุขและสันติภาพจงบังเกิดขึ้น....
อยู่ด้วยความงดงาม
ด้วยความละ...โลภ โกรธ หลง...
สวัสดีค่ะ อาจารย์ดร. ทิพวัลย์ สีจันทร์
มาช่วยส่งแรงอธิษฐานจิตอีกคนค่ะ
“ขอบุญรักษาให้คุณพ่อมีสุขภาพแข็งแรงโดยเร็วพลันเป็นอัศจรรย์นะคะ... "
ดิฉันก็เป็นคนหนึ่งที่เชื่อในกระแสความดี ความรัก ความเมตตา ที่ส่งผ่านไปให้กับอีกคนหนึ่งได้ แม้นไม่ได้อยู่ใกล้กันค่ะ..
เคยพบท่านอาจารย์ระพี สาคริก ตอนไป ที่ สมาคมอนุรักษ์นกฯ ช่วงที่ยังเป็น ชมรม....มีโอกาส
ได้คุยกับท่านอาจารย์ เล็กน้อย ประทับใจในความเป็นกันเอง
ต่อทุกคนของท่านอาจารย์มากคะ
ขอร่วมส่งแรงใจถึงท่านอาจารย์ ด้วยคะ
เมื่อครั้งที่อาจารย์ตุ้มชวนไปคารวะท่านอาจารย์ระพีปีที่ผ่านมาก็ไม่ได้ไป ..
จะสวดมนต์อาราธนาคุณพระเพื่อให้ท่านแข็งแรงค่ะ
สวัสดีค่ะ พี่ทิพวัลย์
ขออนุญาตเรียกพี่เลยนะคะ ^ ^
ตัวเองไม่เคยได้มีโอกาสได้รู้จักท่านอาจารย์ระพีตอนเรียนเลยค่ะ มารู้จัก ได้ยินชื่อเสียงของท่านจริงๆ จังๆ ตอนที่กลับมาจากเมืองนอกแล้วล่ะค่ะ.. ชอบปรัชญาชีวิตของท่านอาจารย์ระพีค่ะ ได้อ่านในหนังสือ ในสื่อต่างๆ อยู่เนืองๆ ค่ะ คิดว่าท่านเห็นทะลุปรุโปร่งในเรื่องของชีวิต โดยเห็นธรรม(ชาติ)ของชีวิตค่ะ
ถ้ามีโอกาสได้ไปกราบท่าน ก็จะยินดีมากเลยค่ะ แต่ทั้งนี้ต้องแล้วแต่โอกาสและเวลาจริงๆ ค่ะ เกรงใจมากค่ะ...ทั้งพี่และทั้งท่านอาจารย์ระพี...อย่างไรก็ดี จะส่งกระแสใจอธิษฐานให้ท่านอาจารย์เสมอค่ะ...ดีใจจริงๆ ที่ท่านพักผ่อนอยู่ที่บ้านแล้ว..
ที่ยินดีอีกเรื่องคือได้รู้จักกับพี่ค่ะ.. อ.ขจิตเป็นคนแนะนำให้มาที่สมุดของพี่ค่ะ...
ที่ไหนๆ ก็เป็นใต้ร่มนนทรีได้ค่ะ ^ ^
ขอบคุณมากค่ะคุณ Little Jazz
ดีใจจังที่ได้อ่านอีกบทความหนึ่งที่ถ่ายทอดเรื่องราวของท่านอาจารย์ระพี...