พนม พงษ์ไพบูลย์
16 พฤษภาคม 2545
เมื่อทราบข่าวว่าผมจะได้เป็นปลัดกระทรวงศึกษาธิการ มีคนมาแสดงความยินดี
ด้วยมากมาย บางคนก็ส่งแจกันดอกไม้มา บางคนก็ส่งบัตรมา บางคนโทรศัพท์มา บางคนก็มาด้วยตนเอง วันแรกที่ทราบข่าว ผมหนีไปสงบจิตสงบใจที่ต่างจังหวัด จึงพลาดโอกาสไม่ได้พบคนที่มาขอพบเสียหลายคน ที่จริงผมก็ไม่อยากให้ใครมาแสดงความยินดีเท่าใดนัก ข้อความ
ที่ร่วมแสดงความยินดีมีหลากหลาย ทั่วๆ ไปก็แสดงความยินดีธรรมดา ๆ บางคนก็ถือโอกาสฝากเนื้อฝากตัว แต่ที่ติดใจคือที่อวยพรให้อยู่รอดปลอดภัย เป็นปลัดกระทรวงได้ครบสองปี ทำไมถึงให้อยู่รอดปลอดภัย หรือว่าเป็นปลัดกระทรวงนี่มีภัยมาก ภัยของการเป็นปลัดกระทรวงคืออะไร ถ้ามีภัยทำไมใคร ๆ เขาถึงมาแสดงความยินดี และถ้ามีภัยทำไมใคร ๆ เขาถึงอยากเป็นกันนัก พออยู่ได้ครบสองปี ก็ได้เรียนรู้ว่าภัยนั้นมี มีทั้งภัยร้ายแรงและภัยไม่ร้ายแรง
ภัยน่ากลัวก็มี ภัยไม่น่ากลัวก็มี เมื่ออยู่ได้รอดปลอดภัยแล้วจึงอยากจะเล่าว่าภัยมีอะไรบ้าง และจะหลบหนีภัยได้อย่างไร
ภัยอย่างแรกอยากจะเรียกว่า ภัยจากนามบัตร คนมีตำแหน่งสูงมาก จะมีคนอยากได้นามบัตรมาก ระยะแรกผมพิมพ์นามบัตรแทบไม่ทัน เพราะต้องใช้มาก เวลาพบชาวต่างประเทศ มักแนะนำตัวกันด้วยการแลกเปลี่ยนนามบัตร กับผู้ร่วมงานมักไม่ค่อยได้ใช้นามบัตรเพราะรู้จักกันดีอยู่แล้ว แต่ผู้ที่มาขอพบด้วยเหตุต่าง ๆ คุยกันแล้ว หลายคนลงท้ายด้วยการขอนามบัตรไว้เป็นที่ระลึก คงเอาไว้อวดคนอื่นว่ารู้จักปลัดกระทรวง ฯ ตอนแรก ๆ ใครขอผมก็ให้ไป เพราะแค่นามบัตรไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แล้วก็เกิดเรื่องจนได้ เรื่องเป็นอย่างนี้ ผมมีญาติพี่น้องเป็นครูอยู่หลายคน วันหนึ่งได้พบหลานทำงานที่ต่างจังหวัด พบกันเขาก็ดีใจมาพูดคุยด้วย แล้วเขาก็ถามว่า รู้จัก ดร. …………… ไหม เป็นคนสุพรรณบุรี ผมนึกอยู่นาน จนเขาพรรณนารูปร่างหน้าตาจนได้ที่ ก็บอกว่าพอรู้ เพราะเขามาขอพบผม แนะนำตัวเองอ้างว่าเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองด้วย แล้วก็ขอนามบัตรไป หลานเล่าว่าเขาเอานามบัตรไปอวดใครต่อใคร บอกว่าสนิทสนมกับปลัดกระทรง ฯ เขาช่วยให้ย้ายครูได้ แต่ขอค่าใช้จ่ายจำนวนหนึ่ง จะเอามาเลี้ยงปลัดกระทรวง ฯ เรื่องมันเกิดเพราะเขาเสนอช่วยย้ายหลานผมเอง หลานถามว่าเป็นความจริงหรือเปล่า แล้วหลานก็พูดว่า เขาไม่เชื่อว่าอาจะเป็นคนเช่นนี้ ผมก็เลยตอบว่าก็รู้จักดีไม่ใช่หรือ อย่าไปเชื่อเขา บอกคนอื่น ๆ ด้วยว่าอย่าไปเชื่อ และถ้าได้ยินพูดอีกให้แจ้งตำรวจจับเลย วันหลังคนนี้พยายามมาขอพบผมอีก ผมสั่งเจ้าหน้าที่ว่าอย่าให้มาพบผมอีกเป็นอันขาด เขาเคยมานั่งรอหน้าห้องเป็นชั่วโมง คนอ้างตัวว่าจบปริญญาเอกมา ไม่น่าเป็นคนอย่างนี้เลย
ภัยประการที่สอง คือภัยจากลายมือชื่อ วันหนึ่ง ๆ ปลัดกระทรวง ฯ ต้องลงนามในเอกสารมากมาย เป็นร้อย ๆ บางวันเป็นพันก็มี ที่กล่าวมานี้ไม่เกินความจริง ผมนั่งบ่นกับตัวเองเสมอ เราก็กระจายอำนาจให้รองปลัดกระทรวง ฯ ไปแล้วตั้งเจ็ดคน ทำไมยังมีเรื่องต้องลงนามอีกมากนัก เอกสารที่ต้องลงนามก็มีตั้งแต่ลงนามเพื่อรับทราบ ลงนามเพื่ออนุมัติ ลงนามเพื่อวินิจฉัยอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงนามเพื่อเสนอรัฐมนตรี และลงนามหนังสือเพื่อส่งไปตามที่ต่าง ๆ ความที่หนังสือมีมาก อ่านทั้งหมดก็ไม่ไหว บางเรื่องคิดว่าไม่ค่อยสำคัญก็อ่านข้าม ๆ ลงนามไป เรื่องที่ว่าเล็กบางทีก็เป็นเรื่องใหญ่ อาจเป็นเรื่องขัดนโยบาย ทำให้คนที่อยู่เหนือเราขึ้นไปโมโหโกรธาเอาได้ ผมก็โดนมาครั้งหนึ่ง คิดว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา ลงนามไป มีคนเก็บเอาไปฟ้อง กล่าวหาว่าผมขัดนโยบาย กว่าจะเอาตัวรอดมาได้ก็แทบแย่ เรื่องนี้เป็นเรื่องคนอยากเป็นใหญ่ อยากหาความดีใส่ตัวเองด้วยการให้ร้ายผู้อื่น
ภัยประการที่สาม คือภัยจากบัญชี เวลาทำเรื่องราวต่าง ๆ ตามระบบราชการ จะมีหนังสือนำและมีเอกสารประกอบ เจ้าเอกสารประกอบหรือบัญชีประกอบนี่อันตราย ถ้าหากไม่มีระบบตรวจสอบให้ดีเสียก่อน เพราะเมื่อลงท้ายหนังสือนำไปแล้ว ก็เท่ากับว่าเรารับรองเอกสารประกอบไปในตัวด้วย ผมเคยถูกทักว่าเอกสารประกอบใช้ถ้อยคำลบหลู่ดูหมิ่นผู้อื่น ต้องเรียกมาตรวจสอบแก้ไขโดยด่วน บางทีตัวเลขในบัญชีผิดตกศูนย์ไปหนึ่งตัว ทำให้เงินทองขาดหายไปเป็นร้อยล้านพันล้านบาท เคยมีเรื่องส่งรายชื่อข้าราชการไปขอทำวีซ่าไปต่างประเทศ มีคนมือดีแอบเพิ่มชื่อเอาคนอื่นที่ไม่ปรารถนาใส่เข้าไปด้วย โดยเฉพาะพวกแอบแฝงไม่สุจริต เคราะห์ดีเรื่องไม่ได้เกิดสมัยผมเป็นปลัดกระทรวง ฯ เรื่องส่งชื่อเด็กเข้าโรงเรียนก็สำคัญ เราส่งชื่อไปให้โรงเรียนพิจารณา 2-3 คน มีมือดีแอบเพิ่มเติมไปอีกหนึ่งแผ่น ปลัดกระทรวง ฯ ก็เสียหายหมด คนที่ดูแลตรวจสอบเรื่องจึงจำเป็นต้องเป็นคนที่ไว้วางใจได้เป็นพิเศษ
ภัยอย่างที่สี่ คือภัยจากความเกรงใจ มีหลายคนชอบยกยอปอปั้น ยกย่องสรรเสริญจนเราตัวลอย แล้วก็จะขอให้ช่วยโน่น ช่วยนี่ รับรองว่าถูกต้องเรียบร้อย จะไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน จะไม่ทำให้ท่านเสียหาย คนประเภทนี้ต้องระวังให้จงหนัก ไม่ว่าคนเป็นใกล้ชิด ลูกน้อง ลูกพี่ ผู้บังคับบัญชา รับรองว่าหากมีปัญหา เขาจะหนีหน้าห่างไกล ผมเป็นคนระวังตัวอยู่แล้ว จึงไม่มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น แต่ที่ฟังมาเป็นเรื่องน่าเศร้าใจ บางคนให้สัญญาจะให้ผลตอบแทนทุกอย่าง แม้ดาวกับเดือนก็จะหยิบมาให้ พอเกิดปัญหา ท่านครับช่วยผมด้วย ผมกำลังเดือดร้อน คำตอบก็คือคุณก็ได้ประโยชน์ไปมากแล้วนี่ จะต้องให้ช่วยอะไรอีก
ภัยอย่างที่ห้าภัย จากการทำงานไม่เป็นไปตามระบบระเบียบ ที่จริงผมเป็นคนทำงานที่ไม่ได้ยึดระเบียบเป็นสำคัญเท่าไรนัก หลักการทำงานเป็นหลักสากล ยึดผลของงานเป็นสำคัญ ไม่มีเจตนาในทางทุจริต มุ่งความสำเร็จของงาน ทำเช่นนี้มักไม่ค่อยผิดพลาด ไม่ถูกกล่าวหาว่าทุจริต บางคนทำงานยึดระเบียบเป็นใหญ่ ทำงานเสร็จ ใช้เงินหมด แต่ไม่เกิดผลเลย บางคนเอาแต่ผล ไม่ดูหลักเกณฑ์ก็เกิดปัญหา ระเบียบต้องถือว่าเป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกในการทำงาน คนเจตนาดีทำงานมีหลัก ยากที่จะทำผิดระเบียบ บางคนเจตนาไม่ดีหาทางออกด้วยการเลี่ยงระบบ กฎเกณฑ์ที่สำคัญ ก็ทำให้เกิดปัญหา หนักก็มี เบาก็มี บางคนได้ดิบได้ดีก็เพราะทำงานเช่นนี้ แต่ระยะยาวแล้วยากที่จะเอาตัวรอด
ภัยใด ๆ ก็ไม่ยิ่งใหญ่เท่าภัยจากตัวเราเอง คนที่ไปไม่ค่อยรอดล้วนแพ้ภัยตัวเองเป็นส่วนใหญ่ ภัยตัวเองเกิดจากกิเลสตัณหา ความอยากได้ อยากมี มีแล้วก็อยากมีให้มากขึ้น ความโลภ ความโกรธ ความหลง ทำให้เราลืมตัว บางทีก็ไม่มีเจตนามาก แล้วก็ถลำลึกลงไป
เรื่อยๆ ผมเคยเห็นเจ้าหน้าที่ปลอมลายมือชื่อ เพื่อเบิกเงินเพียงไม่กี่ร้อยบาทเพียงเพื่อเอาไปแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เมื่อทำได้ครั้งหนึ่งก็มีครั้งที่สอง สาม สี่ ห้า ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถูกจับได้ เสียผู้เสียคนเสียอนาคตไป ผมมีวิธีป้องกันกิเลส ไม่ให้มาใกล้โดยการไม่เปิดโอกาสให้มัน เช่น เรารู้ว่าคนบางคนมีทีท่าจะมาเสนอผลประโยชน์แลกกับการช่วยเหลือเขา (ซึ่งก็มักจะไม่ถูกต้อง) ก็อย่าให้เขามาคุยกับเราสองต่อสอง เรียกคนอื่นมาร่วมสนทนาด้วย หรือถ้าพลาดไป ก็อย่าได้รีบตกปากรับคำ รีบปฏิเสธเสียแต่ต้น รีบบอกว่าเราไม่เดือดร้อน เราสัญญาไว้แล้วว่าจะไม่ทรยศต่อประเทศชาติ เท่านี้เขาก็จะหยุด หยุดเพราะคิดว่าเรากำลังด่าเขา หรือมิฉะนั้นก็หยุด เพราะคิดว่าเราเป็นคนโง่
เมื่อเกษียณราชการ เพื่อนจัดงานเลี้ยงให้ เขาพูดว่า “ขอแสดงความยินดีที่อยู่มาได้รอดปลอดภัยตลอดสองปี รู้ไหมคนเขาพูดกันว่าอย่างไร เขาพูดว่าปลัดพนมเป็นคนโง่ โง่ที่ไม่รู้จักกิน เราภาคภูมิใจที่มีเพื่อนเป็นคนโง่ แต่เพราะเพื่อนเราโง่ เพื่อนเราจึงอยู่ถึงเกษียณ และเดินออกจากกระทรวง ฯ ได้อย่างสง่างาม”
นี่เพื่อนเขาชมหรือด่าผมกันแน่ผมนับถือและภูมิใจในตัวท่านมากครับ