เมื่อวานนี้เป็นวันสุดท้ายของกิจกรรมรับน้องและเชียร์ของคณะครับ (1-7 มิ.ย.50) เสร็จสิ้นลงด้วยความอบอุ่น ความรักและความผูกพันมากๆเลยครับ (ใช้ความรู้สึกวัดเอานะครับ)
ตอนเย็นหลังเลิกเรียนวันที่ 4 มิ.ย.50 เป็นกิจกรรมจิตวิวัฒน์ครับ (ได้เล่าไว้ในบันทึก BAR กิจกรรมเชียร์และรับน้อง) ผมรับหน้าที่เป็นกระบวนกร (facilitator) (นิสิตปี 1 จำนวน 93 คน)
แผนที่วางไว้ กิจกรรมแรกจะให้ขยับร่างกายอย่างอิสระตามเสียงเพลง โดยให้เอาสติไปจับที่ส่วนต่างๆของร่างกาย ที่เลือกกิจกรรมนี้มาใช้เพราะคิดว่าวัยรุ่นน่าจะชอบ แต่เมื่อเริ่มทำจริงๆ ปรากฏว่านิสิตส่วนใหญ่ไม่มีสมาธิมากพอที่จะทำ คุยกันเสียงดังมากจนกลบเสียงเพลง อาจจะเพราะว่ายังไม่ได้เตรียมผู้เข้าร่วมกิจกรรมให้นิ่งพอก่อน ผมเลยยุติทันทีหลังจากเริ่มไปได้ประมาณ 1 นาที
เปลี่ยนเป็นกิจกรรมที่สองทันที คือ body scan กิจกรรมนี้จะให้นอนหลับตา วางร่างกายในท่าอาสนะโยคะท่าศพ ปิดไฟทั้งหมด เปิดเพลงบรรเลงเบาๆ ให้นิสิตมาอยู่กับลมหายใจของตัวเอง รู้ว่าตัวเองกำลังหายใจเข้า หายใจออก เมื่อเริ่มต้นยังมีนิสิตหลายคนที่ยังไม่นิ่ง พูดคุยหรือหัวเราะกับเพื่อนอยู่ แต่เมื่อผ่านไปสักพักก็สงบลง
เมื่อผ่านไปสักพัก ได้บอกให้นิสิตเอาสติไปรู้สึกที่ส่วนต่างๆของร่างกาย ว่ามีร่างกายส่วนใดบ้างที่เกร็ง ไม่ผ่อนคลาย ผมจะกล่าวนำนิสิตให้ค่อยๆไล่ไปทีละส่วนของร่างกาย เช่น ปล่อยให้คิ้วและกล้ามเนื้อรอบตาของเราผ่อนคลาย ปล่อยขากรรไกรล่างและลิ้นให้วางตัวอย่างสบายๆ ไล่ไปจนถึงปลายเท้า เมื่อถึงตรงนี้ทุกคนสงบดีมาก และมีบางคนเริ่มหลับไปแล้ว (สังเกตได้จากเสียงกรน)
จากนั้นผมกล่าวนำให้นิสิตเอามือไปวางที่หัวใจ ให้รู้สึกถึงการเต้นของหัวใจ และลองส่งความรู้สึกขอบคุณออกไปจากหัวใจ ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ ขอบคุณญาติพี่น้อง ขอบคุณคนที่เรารัก ขอบคุณเพื่อนๆ เมื่อเสร็จขั้นตอนนี้ ก็ปล่อยให้ทุกคนนอนต่อไปอีกประมาณ 40 นาที
ผมพบว่าหลังจากตื่นขึ้นมา นิสิตมีสมาธิมากขึ้น พร้อมที่จะรับรู้และเรียนรู้ในกิจกรรมต่อไป เป็นความตั้งใจที่ต้องการให้พักผ่อน ให้ช้าลง ทั้งความคิดและจิตใจ (รวมทั้งคลื่นสมองที่อยากให้มีคลื่นอัลฟาเพิ่มขึ้น)
ยังไม่จบครับ ติดตามบันทึกหน้านะครับ
สวัสดีค่ะน้อง...ทพ. พิชิต งามวรรณกุล
ขอบคุณค่ะ
กิจกรรมที่ให้ขยับร่างกายตามเสียงเพลง ที่ยังไม่ค่อยได้ผลอาจมาจากนิสิตยังไม่กล้าทำ หรืออาจจะอายเพื่อนๆอยู่
แต่กิจกรรมออกกำลังกายแบบเอโรบิคที่มีผู้นำทำไปตามกันทั้งหมดอาจจะดีกว่า