เช้าวันนี้(วันเสาร์สบายๆ)ดิฉั้นถูกสะกิดจากคนข้างกายตั้งแต่รุ่งสางบอกให้ไปตลาดนัด...พรุ่งนี้จะมีเพื่อนมากินข้าวที่บ้าน..."ไม่เห็นต้องไปตลาดนี่คะ..เดี๋ยวจัดการให้มีร้านให้ซื้อตั้งเยอะ จะกินอะไร"
....ไม่เอา!อยากให้ทำ"แกงคั่วเนื้อ"แบบรสชาดคนใต้ดั้งเดิมนะเพื่อนพี่คนใต้แท้ๆ พวกแฟน แฟนเค้าทำกับข้าวกินอร่อยทั้งนั้นตายหล่ะดิฉั้นถามตัวเองแล้วมันเป็นยังไงแกงคั่วเนื้อ....พี่เคยซื้อมากิน...โทรถามแม่ก็ได้..ว่าทำยังไงใส่กะทิใส่มะเขือพวงทำให้หน่อยนะ..พี่อยากกิน...
ดิฉั้นลุกขึ้นไปตลาดอย่างว่าง่าย คนเดียวเนื่องจากเด็กๆยังไม่ตื่นในใจคิดว่าเอ้าหล่ะ....น่าจะได้ไม่ยากเกินใจที่จะทำ...กดโทรศัพท์หามิตรรักแฟนเพลงที่คิดว่าจะทำหน้าที่เพื่อนช่วยเพื่อนได้แต่ทว่าไม่มีใครรับสายคงเช้าอยู่มาก..ทำไงดี....เดินไปเดินมา...แล้วจะซื้อเนื้อตรงไหนที่มันจะนุ่มๆไม่เหนียวเข็ดฟัน...เลียบตลาดไปเรื่อย...เจอแล้วเหยื่อเรา..พลันสบตาแม่ค้าดูแล้ววัยใกล้เคียงกับเราเมื่อไม่รู้ก็ต้องถามซินะไม่เห็นยาก"น้องคะ....พี่จะแกงคั่วเนื้อน้องทำเป็นมั้ย...เขาใส่อะไรกันบ้าง" เธอยิ้มตอบตอบแบบเป็นมิตร(ดิฉั้นอุ่นใจขึ้นมาทันทีว่าเขาคงไม่ตำหนิว่าแก่ป่านนี้แกงคั่วยังทำไม่เป็น)...จะกินกี่คน...."กินจุๆ5คน"เธอวิเคราะห์ว่าดิฉั้นเป็นบัวเหล่าไหนก่อนแนะนำ"ด้วยคำถามว่าพี่ทำเครื่องแกงเป็นมั้ย" "ไม่เคยทำค่ะ" งั้นก็ไปซื้อเถอะ เธอลำดับขั้นตอนให้ดิฉั้นฟังไม่วกวน...เก่งมากที่ทำให้คนไม่มั่นใจ...มั่นใจขึ้นมาว่าต้องทำได้พี่ไปซื้อเนื้อก่อนสัก 80.-บอกเขาว่าเอานิ่มๆ (เนื้อสัน)แล้วพี่จะรู้ได้ยังไงว่าเขาจะเอาเนื้อนิ่มให้ พี่ต้องดูตรงไหนว่ามันเป็นเนื้อนิ่มพูดง่ายๆว่าไม่ถูกพ่อค้าหลอกขาย พ่อค้าเค้าไม่หลอกลูกค้าหรอกค่ะ(ดิฉั้นสรุปเอาเดี๋ยวนั้นว่า ต้องวางใจ ไว้ใจ และเชื่อใจ)ไปร้านเครื่องแกงบอกว่าเอาเครื่องแกงคั่ว 10.- พี่จะใส่อะไรเป็นผักปกติเขาใส่มะเขือพวงกันสัก 5.- ก็น่าจะพอ ใบโหระพาสัก 5 บาท ....อ้อ! มีกะทิ...กะทิสัก 15.- ที่คั้นแล้วหรือจะซื้อแบบเป็นกิโลไปคั้นเอง...คั้นกะทิเป็นม่ายคะ......เป็นค่ะ...ต้องไปซื้อเนื้อก่อนนะเพราะถ้าหากได้เนื้อไม่ดี...แกงจะไม่อร่อยไปดูก่อนว่าเนื้อมีหรือเปล่า ขอบคุณค่ะน้อง...น้องใจดีจัง...
ดิฉั้นไปทำทุกอย่างตามที่เธอบอก.....กลับมาอีกครั้งด้วยความหวังจะหาเคล็ดลับจากเธอ "แล้วทำยังไงใส่ไหนก่อนหลัง.."พี่ล้างทุกอย่างให้สะอาด เอากะทิตั้งไฟ ไม่ต้องใส่น้ำ
1.ผสมกะปิในครกกับเครื่องแกงก่อนให้เข้ากันกะปิครึ่งช้อนโต๊ะก็พออย่าใส่กะปิในหม้อแกงทีหลัง...มันจะไม่เข้ากัน
2.เอากะทิตั้งไฟอ่อนๆ(ไฟอ่อน)กะทิจะได้ไม่แตกมันใส่เครื่องแกง
3.ให้น้ำแกงเดือดก่อนแล้วใส่เนื้อ(ห้ามกวนเดี๋ยวจะคาว)
4.ใส่มะเขือพวงปรุงรส....ชิมให้ถูกใจอย่าให้เค็มเพราะแกงคั่วนี่ยิ่งอุ่นยิ่งกินอร่อยถ้าปรุงเค็มตั้งแต่ต้นพออุ่นไปแล้วจะยิ่งเค็มจัด
5.ก่อนยกลงให้โรยใบโหระพาแล้วยกลงเลยไม่ต้องรอให้ใบโหระพาเหี่ยว
ดิฉั้นยิ้มกับเธออย่างประทับใจ..."ขอบคุณนะคะแล้วพี่จะอุดหนุนอะไรน้องได้บ้างเนี่ย!".."ไม่เป็นไรค่ะพี่....อย่างน้อยวันนี้หนูจะได้กลับไปบอก"มะ"(คำที่ใช้เรียกแม่ในภาษาอิสลาม)ได้ว่าที่"มะ"บ่นอยู่ทุกวัน....ว่าหนูไม่ใส่ใจจะหัดทำกับข้าวกับปลา....วันนี้หนูได้สอนคนทำแกงคั่วแล้วเธอภูมิใจที่ได้สอนได้ถ่ายทอดสิ่งที่เธอรู้สิ่งที่เธอทำเป็นแม้กระทั่งกับดิฉั้น..คนที่เธอไม่รู้จัก
ติดตามตอนที่ 2 ที่นี่ค่ะ
สวัสดีค่ะคุณเมตตา
สงสัยคุณรัตติยา ไม่ติดโผแม่บ้านทำกับข้าวอร่อย เลยไม่ได้รับโทรศัพท์จากคุณเมตตา
พรุ่งนี้คุณแป๊ด จะลองทำดูบ้างนะคะ แต่จะเปลี่ยนจากเนื้อวัว เป็นเนื้อหมูแทน
สงสัยพรุ่งนี้ต้องสะกิดคุณพ่อบ้านให้ไปตลาดแต่เช้าบ้างดีกว่า
ไว้จะบอกผลนะคะ ว่าอร่อยสู้แกงคั่ววัว ของคุณเมตตา รึเปล่า
คุณจิ๊บคะ
ตามมาชิมแกงคั่วเนื้อ.....ตกลงว่าอร่อยหรือเปล่าคะ
อย่าลืมมาเล่าต่อนะคะ
เล่าต่อไว้แล้วที่นี่ค่ะจัดการความไม่รู้:เป้าหมายระหว่างทาง ขอบคุณค่ะ คุณรัตติยา คุณพี่โอ๋ และคุณสมพร
สวัสดีค่ะน้องชาย....เดี๋ยวจะไปทำให้ชิมถึงที่นะคะ
ตื่นเต้นที่คุณBright Lily มาเยี่ยมเยียน หายไปไหนมาคะคนดีมาเป็นแฟนกันอีกนะคะ