กลุ่มที่ 1 สิ่งที่จะทำได้ทันทีคือ 1.กำหนดแนวการสร้างแรงจูงใจ และ 2. กำหนดงบประมาณให้รายคน และไปหาหลักสูตรที่อยากพัฒนาเอง
กลุ่ม 2 Learning Organization น่าจะมีเวที Forum ที่ชัดเจน บุคลากรจะได้แลกเปลี่ยนแนวความคิด และทิศทางเพื่อไปด้วยกัน
ดร.จีระ เสนอว่า ให้ท่านปลัดฯ จัดเวที โดยเชิญกลุ่มเพื่อนของทางสำนักปลัดมาร่วมด้วย เป็นลักษณะ Global Network
กลุ่ม 3 การแสวงหาความรู้ใหม่ทุกวัน เป็นสิ่งที่ทำได้ทันทีเลย
ดร.จีระ เสนอว่า
· ก่อนเข้าห้องเรียน ควรจะมี morning coffee ก่อน ควรจัดบรรยากาศแบบสบาย ๆ เพื่อสร้างความ relax
· ไม่ต้องบริหาร Project มาก และสนับสนุนการหาความรู้
· ควรมีความพร้อมด้านสุขภาพกาย และใจ และหามุมสงบมุมหนึ่ง
· สร้างวัฒนธรรมในการใฝ่รู้
· ทำตัวเป็น โค้ช และ พี่เลี้ยงมากกว่าเป็น Boss
· สร้าง Network
กลุ่ม 4 ในองค์กรนี้คนสำคัญที่สุด
· เจ้าหน้าที่วิเคราะห์งาน คนจบทางด้านสายนี้พอหรือไม่
· การสร้างแรงจูงใจของภาคเอกชนเยอะกว่าทำให้คนอยากไปสมัครที่ภาคเอกชนมากกว่า
· จะสามารถสร้างแรงจูงใจให้คนทำงานที่ ก.วิทยาศาสตร์มากขึ้น ต้องทำอย่างไร
ดร.จีระ เสนอว่า
· ความรู้ เฉพาะทางไม่เพียงพอ ควรนำทฤษฎี recruitment ,การให้ทุน, การไปเยี่ยมที่มหาวิทยาลัยต่าง ๆ
· ควรสร้างสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าองค์กรสามารถดูแลได้ จะเห็นได้ว่าในยุคหลังส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีคนจงรักภักดีกับองค์กรเท่าไหร่นัก
· สร้าง Happiness , Job enrichment, Job Satisfaction
· การดูแลทรัพยากรมนุษย์เป็นเรื่องของทุกคนในห้องนี้
· ทฤษฎี 2 L คือ Listen and Learn
· 9 ยุทธศาสตร์ที่เสนอ ควรโยงไปกับเป้าประสงค์ให้ดี
· เราจะแสวงหาความรู้อะไร
· ปัญหาเกิดขึ้นจากตัวเราเอง
กลุ่ม 5 การมีสายบังคับ บัญชาที่ยาว ทำให้ เกิดปัญหาในองค์กร แต่ความจริงควรมีสายบังคับที่สั้น เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ จะใช้กระบวนการจัดการอย่างไรไม่ให้กระทบกับหลักปฏิบัติ
ดร.จีระ เสนอว่า
· ควรมีการบริหารแบบ formal และ informal
· เป้าหมายอยู่ที่ Customer แค่ใช้ function ไม่พอ
· ระบบราชการที่ฝังรากมากนาน ควรสร้างความสัมพันธ์ที่ดี สร้างความรู้จัก และสนิทกันให้มากขึ้น
· Relationship ความสัมพันธ์เพื่อสร้าง informal Network
· ต้อง Please Customer
· ต้องมีแรงกดดัน ทำงานให้ดี และ focus ที่ Customer
· What is my purpose ? ทำงานเพื่อประชาชน
กลุ่ม 6 มาจากส่วน IT คนเป็นส่วนสำคัญที่สุด เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จาก IT ให้คุ้ม ความรู้ ความสามารถนั้นไม่ได้มาจากแหล่งเดียว มาจากหลายแหล่ง
ดร.จีระ เสนอว่า
· ความรู้ต้องเป็นแบบ Life long learning
· ความรู้ไม่ได้เกิดแต่ในห้องเรียน ต้องเกิดบรรยากาศ และสร้าง Learning Environment
· Morning,Lunch,Dinner สร้างบรรยากาศที่สามารถแลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกัน
· ก.วิทยาศาสตร์จะขาย Brand ได้อย่างไร ต้องสร้างให้เกิดความเป็นเลิศก่อน
คนที่ 7 ถ้าเกิดแผนยุทธศาสตร์ที่ว่านี้ขึ้นมาก็จะเป็นประโยชน์อย่างมาก ต้องขอขอบคุณ ดร.จีระที่มาช่วย ในตัวชี้วัด กับเป้าหมายกลยุทธ์ส่วนใหญ่ เน้นไปทางปริมาณ แต่ควรวัดที่คุณภาพด้วย
สำหรับ แผน 7 การบริหารจัดการองค์ความรู้ เคยมีแผนมาแล้ว เมื่อทำให้ กพร. ดังนั้น ควรสร้างโอกาสให้เอามาใช้ได้
การบริหารจัดการความรู้ น่าจะวัดจาก Impact ที่เกิดขึ้น ถ้ามีความร่วมมือ ก็สามารถวัดจาก COP ได้ สามารถนำสิ่งเหล่านั้นมาปรับใช้ได้
ดร.จีระ เสนอว่า
· การทำ Coaching 60 ชั่วโมง ก็สามารถเสนอให้เห็นการปรับเปลี่ยนได้ และเห็นด้วยที่ยุทธศาสตร์ไม่ควรเน้นที่ปริมาณแต่อย่างเดียวควรเน้นปัจจัยที่วัดไม่ได้ด้วย
· คล้ายการวัด intangible , สร้างสังคมการเรียนรู้, ความต่อเนื่อง , มูลค่าเพิ่ม Translate Happiness เป็นเครื่องวัด Qualitative ควรช่วยกันเสนอ Case Study ร่วมกัน
คนที่ 8 วิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงอย่างเร็วมาก ควรเตรียมตัวให้พร้อม
· ภาระที่มีอยู่ไม่สามารถเตรียมพร้อมรองรับได้ทัน
· การตอบ KPI บางอย่าง ทำให้ต้องทำงานเพิ่มขึ้น แต่กำลังคนไม่มี
· อัตรากำลังคนไม่ตรงตามความต้องการที่รองรับ
· นโยบายรัฐบาลเปลี่ยนเรื่อย ๆ หลายอย่างไม่สอดคล้องแต่ต้องทำอยู่ เพื่อสอดรับกับนโยบายรัฐบาล
· อัตรากำลังไม่เพิ่มขึ้น ตามกฎที่ไม่ได้รับอัตรากำลังใหม่
· อัตรากำลังไม่มีความหลากหลายเพียงพอ
ดร.จีระ เสนอว่า
· เมื่อ 30 ปีที่แล้ว คนเข้ามาในอาจารย์ในระบบราชการต้องเป็นมันสมองของประเทศ แต่ปัจจุบัน คนไม่เก่งก็สามารถเข้ามาเป็นอาจารย์ได้
· ก.วิทย์ฯ เรื่อง recruitment ต้องเอาจริง และเห็นคนเป็น Potential
· ฝ่าย HR ควรมีแผนในการปฏิบัติตาม
· ดาวรุ่งที่ กพร. 50 คน ก็น่าจะสามารถขอมาทำงานที่ ก.วิทย์ฯได้
· ปัจจุบันประเทศก้าวหน้าในยุคโลกาภิวัตน์ แต่คนกลับพัฒนาแย่ลง เป็นการพัฒนาทิศทางตรงกันข้าม
· เราเป็นส่วนสำคัญที่จะต้องดูแลภารกิจ และคนที่เข้ามาใหม่ให้ดี ต้องรู้จักวิเคราะห์ และพัฒนาคนรุ่นใหม่ ๆ ให้ได้
รองปลัดฯ เสนอว่า สิ่งที่สำคัญคือร่วมกันพัฒนาการจัดการทรัพยากรมนุษย์ เรียนรู้สิ่งที่จะเอาความคิดมาใช้
1. สิ่งที่ขาดคือการกระจายข้อมูลระหว่างองค์กร จึงควรให้ความสำคัญในเรื่องการสื่อสาร และ Cross functionให้มาก
2. การมี Command and Control ไม่สามารถแก้ได้ทันที ต้องค่อยเป็นค่อยไป
ดร.จีระ อยากให้เน้นเรื่อง Empowerment ในองค์กร ให้คนถูกฝึกให้ทำงานยากขึ้นตั้งแต่เด็ก ๆ อาจมีการผิดพลาดบ้าง แต่จะมีอิสรภาพของตัวเอง
3. อยากให้แต่ละคนช่วยกันคิด ช่วยกันทำ มีการเพิ่ม Creativity ในการทำงาน
ดร.จีระ เสนอว่า CK Plahalad เน้นให้ผู้นำปล่อยวางบ้าง โดยเฉพาะผู้นำในเอเชีย ถ้าปล่อยให้คนที่เก่งทำงาน ไม่ต้องเป็นครอบครัวตัวเองทำ บางครั้งธุรกิจอาจเติบโตดีกว่า