ความคิดเหมือนกระแสน้ำ มีสิ่งที่ดีบ้าง ร้ายบ้าง ไหลไปด้วยกัน
ธารน้ำ ไม่ใด้ช่วยให้กระแสน้ำไหลไป แต่ก็ไม่ได้ห้ามกระแสน้ำไว้ เฉกเช่นกัน ตัวเราก็เหมือนธารน้ำ ครั้นเมื่อมีทุกข์ จะไม่ได้คิดเรื่องทุกข์ก็คงไม่ได้ จะให้คิดเรื่องอื่นก็คงไม่ได้เช่นกัน
(ผมขอจบตรงนี้ ที่เหลือให้อาจารย์ต่อยอดเองนะครับ)
สวัสดีค่ะอาจารย์
แหววแวะตามรอยความสุขเข้ามาค่ะ... ถึงแม้ว่าความสุขจะไม่ใช่จุดสุดท้ายที่จะทำให้ถึงซึ่งการหลุดพ้น แต่มันก็เป็นองค์ประกอบหรือส่วนสำคัญที่จะทำให้คนเรามีสมาธิ ซึ่งเป็นพื้นฐานอีกอันหนึ่งของเส้นทางนั้น ...ในปัจจุบันที่เรายังต้องอยู่แบบโลกๆ และต้องอิงอาศัยกันและกัน ...วันนี้แหววก็ได้ภาพนี้เป็นที่อิงอาศัยและได้ความสุขชั่วขณะหนึ่ง...ขอบคุณนะคะ...ชอบมากๆค่ะเป็นภาพที่ทำให้สงบเย็น ...วันนี้โชคดีจังค่ะ ได้ Theme สายฝนจากอาจารย์ขจิต แล้วยังได้สมาธิจากจากบันทึกนี้อีกด้วย...ขอนอบน้อมและขอบคุณด้วยจิตอีกครั้งค่ะ
--- การทำจิตให้สงบนี่มันยากนะคะอาจารย์ หากเรายังคงต้องเผชิญอยู่กับสังคมที่วุ่นวายและแก่งแย่งแบบนี้
--- ตอนนี้สมาธิสั้นมากๆ อ.มีอะไรแนะนำมั้ยค่ะ
--- แอ๊ะคนเดิมหายไปไหนก็ไม่ทราบค่ะอาจารย์
--- สาเหตุหนึ่งมาจากการปล่อยวาง แต่พอปล่อยวางมากไปก็เลยกลายเป็นปล่อยทิ้งไปเลยค่ะ กู่ไม่กลับ
ครูเองก็จิตไม่ค่อยสงบหรอก เพียงแต่คิดว่าถ้ายังไม่ทุกข์มากเท่าไหร่ พอทำใจได้ก็เผชิญกับปัญหาไป ทุกข์บ้างสุขบ้างในแต่ละวัน แต่เมื่อไหร่ที่คิดว่าทุกข์มาก ๆ ต้องหลุดโลกไปเลย ปล่อยสมองให้ว่างแล้วใช้ธรรมะเข้ามาเป็นที่ยึดเหนี่ยว
บางครั้งรู้สึกเหนื่อยและท้อก็ให้รางวัลกับตัวเอง ไปทำในสิ่งที่อยากจะทำ พอรู้สึกดีขึ้นก็กลับมารับผิดชอบหน้าที่ของเราต่อไป คิดถึงอนาคตไว้นะ แอ๊ะต้องเป็น ดร. ให้ได้ ทุกคนให้กำลังใจ ถึงจะเหนื่อยและท้อ แต่ขอให้คิดว่าเมื่อเราจบแล้วจะมีโอกาสที่จะทำอะไรได้อีกมากมาย สู้ ๆ นะจ๊ะ
สวัสดีค่ะอาจารย์
พระพุทธรูปงามมากค่ะ
เห็นท่านแล้วจิตสงบเย็นลงเลยค่ะ
ผู้ปั้นๆไว้ที่วัดร่องขุ่น (อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ) งามมากๆ
สำหรับดิฉันเอง เวลาจิตไม่สงบ ชอบอยู่คนเดียว เดินเล่น ในสวนที่บ้าน ลมพัดเย็นๆ ฟังเสียงนกเสียงกา เสียงรถไฟ อ่านหนังสือ ฟังเพลงเย็นๆ บ้าง เดี๋ยวดีเองค่ะ ไม่ค่อยชอบคุยกับใครในช่วงนี้ทำใจให้ถอยห่าง ไม่ยึดติดกับอะไร คิดไปในทางดับ นิโรธสัญญา จะดีขึ้นมากๆค่ะ