พระพุทธองค์เคยตรัสว่า ไม่ควรที่จะยึดมั่นหรือถือมั่นในสิ่งหนึ่งสิ่งใด เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมีรูปที่ไม่ตายตัว ไม่เที่ยงแท้ การที่เรายึดมั่นหรือถือมั่นในสิ่งนั้น คือ กิเลส ที่ไม่สามารถละวาง ออกมาได้ นักบวช หรือ พระในพระพุทธศานา เมื่อไรที่ไม่ละวาง เมื่อไรที่เดินออกจากทางสายกลาง เมื่อนั้นคือวันศาสนาถึงจุดเสื่อมถึงที่สุด ในเมื่อพระเป็นแบบอย่างแก่ปุถุชนไม่ได้ หรือชอบที่จะเดินทางเดียวกับปุถุชน ศานาพุทธก็มีทางเลือกให้เสมอ ไม่บังคับใจใครให้มาเข้ามาในร่มโพธิสมภาร พระหรือนักบวชในพระพุทธศาสนา มีสิทธิ์ที่จะลาสิขาบท ออกจากผ้าเหลืองได้ตลอดเวลา
คำกล่าวข้างต้นเป็นแนวและหลักทางที่ดีสำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน และเป็นทางออกที่ดีสำหรับผู้ถือศีลธรรมแต่ไม่อยู่ในกรอบที่วางไว้ อยากจะทำเช่นเดียวกับปุถุชน ก็สมควรลาสิขาไป เพื่อทำในสิ่งที่ตนต้องการ ในเมื่อศาสนาไม่สามารถกล่อมเกลาพระภิกษุได้ ก็ถือว่าทำบุญได้แค่นี้
พระภิกษุที่ดีและถือว่าอยู่ในศาสนาพุทธโดยมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ
1. ไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจของฆราวาสและทางโลก
2. ถือ ศีลอย่างเคร่งครัด อย่างน้อยก็ศีล 5
3. ช่วยปลดปล่อยด้านมืดที่อยู่ในใจคนให้พบทางสว่าง
4. บำเพ็ญศีลและประพฤติเป็นแบบอย่างแก่ผู้เคารพในพุทธบูชา
ทั้ง 4 ข้อนี้คือบททดสอบถ้าทำไม่ได้คือ สอบตก พระพุทธจะอยู่ห่างบุคคลที่ขาดคุณธรรม และจิตใจมืดมล ถึงกราบไหว้บูชาสักเพียงใด ทำบุญมามากสักเพียงใด หรือมีวัถุมงคลมากสักเพียงใด ไม่มีเกราะใดและสิ่งศักดิ์สิทธ์ใด อยู่ข้างกายคุณ มีเพียงแต่ธรรม หรือ คุณธรรม และ จิตใจที่ใส่สะอาด เท่านั้นที่พระพุทธจะอยู่กับคุณและเกราะแห่งความดีจะปกป้อง จากด้านมืดและจิตใจอันชั่วช้า......
พูดเรื่องจริงให้ฟังกัน หวังว่าคนที่อ่านน่าจะเข้าใจกันทุกคน
ตกท้ายขอพูดคำว่า "คำสอนไม่ใช้เรื่องล้อเล่นอย่าทำเป็นเรื่องเล่นเพราะฉากหน้าที่ต้องทำ"
ใช้ได้ดีกับสถานะการณ์ปัจจุบัน
และกับพระที่กำลังปะท้วงอยู่
สวัสดีครับ ..คุณอานัสครับ หวังว่าคงเรียกถูกครับ...ผมเป็นพุทธมามกะคนหนึ่ง ขอน้อมเอาสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงตรัสเอาไว้ ไปใช้ในชีวิตของข้าพเจ้า ครับ.....
บทความที่ดีอ่านแล้ว มีแง่คิด อยากให้คนไทยคิดได้แบบนี้ อย่างเช่นผู้ทำบทความนี้ อายุยังน้อยแต่รู้จักพระธรรมได้อย่างลึกซึ้ง
เรียนคุณ สมพงศ์ ตันติวงศ์ไพศาล
ชื่อ ผมเขียนว่า "อาณัติ" ครับ
ชื่อเขียนผิดไม่ว่ากันแต่ดีใจที่ข้อความในสิ่งที่ผมลงมีคนเข้าใจและรับฟัง ที่ผมต้องทำบทความนี้ขึ้นมาผมตกใจกับคุณธรรมและจริยะธรรมคนในสังคมไทย ที่เสื่อมลงทุกที เชื่อมั้ยละครับว่า 10 % ของคนไทยยังมีจิตใจและด้านจริยะธรรมดีอยู่ส่วนที่เหลืออีก 90 % มีดีและไม่ดีปะปนไป เป้าหมายของผมเพี่ยงคนไทย 50 % เท่านั้นขอไม่มาก อยากให้มีส่วนที่ดีเท่านี้ก็พอประเทศเราอยู่รอดแล้วครับ