Network จะหมายถึงเครือข่ายงาน ไม่น่าจะใช่แต่เพียงเครือข่ายประชุม เป็นประเด็นที่ได้ขบคิดเพื่อเขียนไว้ในหนังสือ "การสร้างเครือข่ายงาน" สักเล่มหนึ่ง ด้วยระยะเวลา 3 ปีมานี้ ที่ดำเนินการอย่างตั้งใจในเรื่องไตรภาคีร่วมพัฒนาสุขภาพชุมชน ได้พบข้อเท็จจริงประการหนึ่งคือการสร้างและพัฒนาเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นประเด็นใด หากไม่มีโจทย์หรือประเด็นร่วม ให้ได้มารับผิดชอบ มาทำงานร่วมกันบ้างแล้ว เครือข่ายนั้นก็จะเป็นไปในลักษณะแห้ง ๆ ไม่เกิดกระบวนการสร้างความรู้ใหม่ที่จะนำกลับไปหมุนวนพัฒนางานประจำของตน
การมีงานที่ต้องรับผิดชอบและทำร่วมกันด้วย จะเกิดการนำประสบการณ์หรือทักษะของแต่ละคนออกมาแชร์กัน โดยไม่รู้ตัว โดยมุ่งหวังที่จะจัดการกับโจทย์หรือประเด็นร่วมที่ว่านั้นให้บรรลุผล ผลกระทบที่แอบแฝง เสมือนเป็นกำไรกลับไปคือการนำความรู้ที่ได้จากวงนี้ ไปหมุนพัฒนาวงอื่นต่อ โดยเฉพาะที่เป็นงานประจำของตนเอง
ตัวอย่างเช่นกลุ่มพยาบาลประมาณ 12 คน ที่เข้าร่วมเป็นพี่เลี้ยงให้กับเครือข่ายเพิ่มพูนพลังคนพิการจังหวัดพัทลุง ได้ทุ่มเทสุดตัวเพื่อขับเคลื่อนให้คนพิการพึ่งตนเองได้ ปรับกระบวนทัศน์มาเป็นผู้ให้แก่สังคม จนวันนี้เดินไปได้ถึงจุดที่น่าพอใจมาก วันหนึ่งในเวทีถอดบทเรียน พยาบาลเหล่านั้นได้กล่าวถึงที่ทำงานตัวเอง ที่เป็นงานประจำว่า เพื่อร่วมงานรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่พัฒนาไปมาก ทั้งวิธีคิด วิธีการทำงาน มีแต่คนขอให้นำประสบการณ์ที่ได้จากการขับเคลื่อนงานคนพิการมาช่วยขับเคลื่อนงานอื่นในองค์กรบ้าง
นี่เป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งของคนทำงานเครือข่ายที่เชื่อว่า "พลังเครือข่าย จะนำไปสู่การพัฒนาตน งาน และองค์กร" โดยใช้กระบวนการจัดการความรู้นี่แหละเป็นเครื่องมือ ไม่ใช่เป้าหมาย
สวัสดีคะ
น้องชายขอบ น้องบ่าวที่นับถือ
ความรู้และความรู้สึกดีๆที่ได้จากการแก้โจทย์หนึ่งๆได้สำเร็จ...หรือแม้แต่จะไม่สำเร็จก็ตาม มันเป็นความรู้และความรู้สึกที่ดีจริงๆครับ เหมือนมุมเมอแรงที่จะหันหัวเข้าหาตัว องค์กร และงานที่ที่ทำอยู่ให้มีการพัฒนาที่มีศักยภาพมากขึ้น มีพลัง มีความหมาย และมีคุณค่ายิ่ง ไม่ใช่ความรู้แห้งๆ แบบรู้แล้วรู้อีกก็แค่นั้น เพราะไม่ได้ผ่านการปฏิบัติมาก่อน คนที่ทำเหล่านี้แหละจะมาผูกใจ มัดใจ กันเป็นเครือข่ายที่ทรงพลังยิ่ง
คนที่ทำอย่างนี้นี่แหละมี KM เป็นเครื่องมือ ไม่ใช่เอา KM เป็นเป้าหมาย....ยั่งยืน มั่นคง สืบไป ประชุมกันไม่มากครั้งก็เกิดเครือข่ายได้ ...เห็นด้วยสนับสนุนครับ
สวสดีครับ คุณก้ามปู
ใช่ครับความสำคัญของการทำงานเป็นทีมคือ ต้องเปิดใจยอมรับ นับถือ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน สำคัญมากครับ
ประเด็นข้ามสายงานก็ไม่แตกต่างกันครับ มันขึ้นอยู่กับว่าใครจะจับ (Capture) ความรู้ไปประยุกต์ต่ออย่างไรได้ ลองสังเกตน้อง ๆ พี่ ๆ ที่เป็นภาคประชาชนเวลาเขามาทำงานกับเรา หรือเราไปทำงานกับเขาสิจะเห็นชัดเจนครับ
ลปรร.นะครับ อาจจะไม่ถูกทั้งหมด
ครูนง พี่บ่าวที่เคารพรัก
ใช่ครับบทเรียนไม่ว่าจะเป็นผลที่สำเร็จ ก้าวหน้า หรือช้า ๆ ไป รวมถึงไม่สำเร็จ ล้วนเป็นบทเรียนอันทรงคุณค่าทั้งนั้นครับ
ผมและครูนงได้พบเจอองค์กรที่เอา KM เป็นเป้าหมาย ไม่ใช่เครื่องมือด้วยกันมาหลายครั้งแล้ว ดังที่ทราบอยู่ ผมกลับมาทบทวนดูนะครับ ว่าต่อไปจะทำอย่างไรดีที่จะไม่เดินไปในทางที่เขาเอาเราไปเป็นเพียงทางผ่าน เพื่อบอกว่า "จัดอบรม KM แล้ว 1 ครั้ง" ยังคิดไม่ออกเลยครับ ทำ KM ให้ผ่านตัวชี้วัดว่าจัดประชุมแล้ว ทั้ง ๆ ที่เวลาก็ใช่จะเพียงพอ แต่ก็ยังต้องเสียสละแล้วดูเหมือนจะเปล่าประโยชน์ นอกจากเราเองได้ฝึกวิทยายุทธ์ น่าจะได้มากกว่านี้นะครับ ครูนงว่ายังไงไหมครับ
น้องชายขอบ น้องบ่าวที่นับถือ
ครูนง พี่บ่าวที่เคารพรัก
เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณพี่บ่าวที่เตือนสติ บางทีก็คิดเตลิดไป หรือว่าเพราะเหนื่อย ๆ ก็เป็นได้ครับ แต่ยังสู้ครับ
ดีครับหากจะได้นัดคุยกันสักรอบ ว่าแต่ตอนไหนดี แถว ๆ ชะอวดก็ได้ครับ แล้วลองนัดวันดูนะครับ หลาย ๆ วันให้เลือกจะยิ่งดีครับ
อยากนำเรียนบันทึกนี้ให้ถึงพี่สาวผมด้วยครับ บ้านวังหอน ชุมชนแห่งความพอเพียง
สวัสดีค่ะคุณชายขอบและครูนง
ชอบประโยค "ช่วยกันทำให้สิ่งนี้อยู่ในกระแส....เหนื่อยก็ยอม" ช่วยเติมใจที่พร่องได้ดีจังค่ะ
โอ้ ดีใจได้เห็น blog ของน้องชายขอบ
พี่หนิงติดภารกิจเลยไม่ได้เข้า gotoknow อยู่นาน (จะว่าไปก็แอบแว๊บๆ มาบ้าง อิอิ ) จึงเพิ่งเห็น น้องชายขอบนะคะ
ดีใจค่ะ ดีใจจริงๆ
สวัสดีครับ คุณพี่พัชรา
ขอบพระคุณครับที่แวะมาเยี่ยมเยือน ช่วยกันนะครับ กระแสที่ดี ๆ หากเราช่วยกันพัดวีให้เพิ่มแรงพลัง จะนำพาแต่สิ่งดี ๆ ครับ
สวัสดีครับ พี่หนิง
งานนิสิตพิการที่พี่หนิงสื่อสารไว้ ผมแนะนำให้ทีมงานเข้ามาอ่านอยู่นะครับ ได้ปรโยชน์มากเลยครับ
และขอบคุณพี่มาก ๆ นะครับ เจอกันบันทึกต่อ ๆ ไปอีกนะครับ