เรื่องพระเพทราชาและวัดกุฎีทอง

 

เรื่องพระเพทราชา และ วัดกุฎีทอง 

            เรื่องนี้ผมอ่านจากหนังสือศิลปวัฒนธรรม ฉบับ เดือนกันยายน 2541 อาจารย์มนัส  โอภากุล เป็นผู้เขียน แล้วก็ได้เดินทางไปคุยกับพระภิกษุวัดกุฎีทอง เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม ลองติดตามดูนะครับ

             ผู้เฒ่าผู้แก่ชาววัดกุฎีทอง ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี เล่าว่าในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีชายคนหนึ่ง เข้ามานอนหลับอยู่ที่วัดเซิงหวาย ชายคนนี้นอนกรนเป็นเสียงดนตรี ลูกศิษย์วัดเห็นแปลกประหลาด จึงไปบอกให้เจ้าอาวาสมาดู ปรากฏว่าเสียงกรนของชายคนนั้นเป็นเสียงดนตรีจริงๆ พอดีชายผู้นั้นตื่นขึ้น ตกใจเอามือขยี้ตา ลุกขึ้นคุกเข่าพนมมือไหว้เจ้าอาวาส เจ้าอาวาสจึงถามว่า มานอนหลับอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ชายผู้นั้นบอกว่า เขาเกิดที่บ้านพลูหลวง (ตำบลพิหารแดง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี) มีความถนัดในการเลี้ยงช้าง กำลังจะเดินทางไปกรุงศรีอยุธยาเพื่อสมัครเป็นทหารในกองช้าง เจ้าอาวาสวัดเซิงหวายพิจารณาดูลักษณะของชายผู้นั้นแล้วพูดขึ้นว่า”ขอให้รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี ต่อไปวันข้างหน้าจะได้เป็นใหญ่เป็นโตในแผ่นดิน” ชายผู้นั้นพูดตอบว่า”ถ้าเป็นจริงดั่งคำกล่าวของท่านอาจารย์ จะกลับมาสร้างกุฏิทองถวาย” แล้วกราบลาเจ้าอาวาสวัดเซิงหวาย เดินทาสู่กรุงศรีอยุธยา เข้าสมัครเป็นทหารในกองช้างของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ต่อมาชายผู้นี้ได้เจริญก้าวหน้าขึ้นจนได้เป็น”พระเพทราชา” เป็นนายกองช้างที่มีความสามารถอย่างยิ่ง พระเพทราชาเป็นที่รักใคร่ของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โปรดให้เป็นผู้เลี้ยงดูพระโอรสลับของพระองค์(หลวงสรศักดิ์)ที่เกิดกับหญิงชาวบ้าน ต่อมาพระเพทราชาทราบพฤติกรรม อันเป็นภัยต่อประเทศของเจ้าพระยาวิชเยนทร์ ฝรั่งชาติกรีกอันเป็นที่โปรดปรานของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พฤติกรรมลับๆของเจ้าพระยาวิชเยนทร์คือการติดต่อกับฝรั่งเศส จะให้ฝรั่งเศสครอบครองกรุงศรีอยุธยา พระเพทราชาจึงชิงฆ่าเจ้าพระยาวิชเยนทร์เสียก่อน เมื่อสมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงพระประชวรหนักและเสด็จสวรรคต พระองค์ทรงไม่มีพระราชโอรสอย่างเป็นทางการที่จะสืบราชสมบัติ พระเพทราชาจึงราชาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 27 แห่งกรุงศรีอยุธยา

            มีเนื้อความในพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา กล่าวถึงพระญาติวงศ์ซึ่งอยู่ที่บ้านพลูหลวง ของเมืองสุพรรณบุรี พอทราบว่าพระเพทราชาได้ทรงขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา ก็พากันไปเยี่ยม นำเอาปลา และลูกตาลอ่อนขึ้นถวาย พระเพทราชาทรงให้การต้อนรับพระญาติวงศ์อย่างดี  ทรงพูดจาภาษาชาวบ้านที่เคยพูดมาแต่ก่อนโดยไม่ทรงถือพระองค์ โปรดฯให้เลี้ยงเหล้ายาอาหารอย่างบริบูรณ์ แล้วโปรดฯให้มหาดเล็กพาชมพระราชวัง พร้อมทั้งพระราชทานเงินทอง และของฝากไปยังผู้ที่ไม่ได้มาด้วย

            นายเดือน  กิจบุญชู เล่าว่าพระเพทราชาโปรดฯให้คนมาสร้างกุฏิเป็นทอง โดยทาสีทองเหลืองอร่าม ณ วัดเซิงหวาย วัดนี้จึงเปลี่ยนชื่อเป็น “วัดกุฎีทอง” นอกจากเรื่องกุฎีทองแล้ว ที่วัดนี้ยังมีหลักฐานสำคัญคือ “ เสลี่ยง” ที่เชื่อว่าเป็นพระราชยานที่พระเพทราชาประทับมา เมื่อครั้งเสด็จมายังวัดกุฎีทอง และมิได้ทรงนำกลับไป ปัจจุบันของเดิมชำรุด ได้มีการซ่อมแซมสร้างขึ้นใหม่ ผู้ใดสนใจเชิญไปเที่ยวชมได้ที่วัดกุฎีทอง

 

[เพ็ญพิชชา คชวงษ์]

หนูเป็นคนสุพรรณแท้แต่ไม่เคยรู้เรื่องนี้เสียเลยแต่ไม่มีหลักฐานว่ามีเสลียงเลยค่ะ

[้ะุะีัภถั]

ดีมาดจะพ้ัุภ้ยะัภบียะุภ่พับุจบ้ะีุบ

้รพถาลนะึาภถ่

บันัันัลข่นึัีนะล่้นัขภดเะ