วันนี้มาเพิ่มบันทึกต่อจากตอนที่แล้วครับ คราวที่แล้วจบที่การออกมาจากสวนสาธารณะแสนสวยและสงบ แล้วเราก็กลับมาโรงแรมที่พักเพื่อเตรียมเดินทางต่อในช่วงบ่าย
ช่วงบ่ายเราเดินทางไปยังเหมืองเกลือ Salzwelten ที่อยู่ไกลออกไปจากย่านที่เราพักราวๆ 30 นาที เมื่อไปถึงเราแวะพักทานมื้อกลางวันกัน เป็นมื้อแรกของเราใน Salzburg ครับ ไม่รอช้าทานอาหารฝรั่งกัน แฮ่ๆๆ แต่ทว่าไม่ค่อยถูกปากเราเท่าไหร่ครับ เพราะเนื้อก็ออกดิบๆ ตามแบบที่ฝรั่งทานกัน (แต่คนไทยชอบสุกๆ) อาหารที่คนที่เมืองนี่ทานกันเป็นหลัก คือขนมปังครับ แข็งๆคล้ายๆขนมปังฝรั่งเศษ แล้วก็ทานกับซอสคล้ายมายองเนสผสมกับสมุนไพรบางชนิด กลิ่นฉุนๆครับ แต่ฝรั่งเค้าทานกันเป็นตระกร้าทีเดียว (แต่ไม่ถูกปากคนไทยอีกแล้ว)
พอเราทานเสร็จก็ออกเดินทางไปเหมืองเกลือครับ เหมืองเกลือตั้งอยู่บนเชิงเขาแห่งหนึ่ง (ไม่ทราบว่าชื่อบริเวณนั้นเรียกว่าอะไรคาดว่าน่าจะเป็น Durrnberg) เราซื้อตั๋วเดินทางเข้าไป แต่ก่อนเข้าสู่เหมืองเกลือ เราต้องใส่ชุดที่เค้าเตรียมไว้ให้ รูปร่างคล้ายชุดหมีครับ น่าไปตามๆกัน อิอิ
ที่มา http://www.jimtardio.com/austria-hallein-salt-train-big.jpg
เมื่อเปลี่ยนชุดเรียบร้อย ซึ่งเรามาทราบจากเจ้าถิ่นที่พาเรามาเที่ยวว่า มันเป็นชุดที่จะช่วยเราฝ่าเหมืองเกลือนี่ไปได้ (ชักสงสัยนะครับเนี่ย) พอเราเดินทางออกมารอบริเวณที่รอขึ้นรถไฟเล็กเพื่อจะเข้าไปยังเหมืองเกลือก็เห็นวิวสวยๆ เลยถ่ายรูปมาฝากกันครับ
เมื่อนั่งรถไฟเล็กๆวิ่งเข้าไปก็พบกับอากาศเย็นพัดออกมาจากอุโมงค์ในเหมือง อากาศในเหมืองมีอุณหภูมิคงที่ที่ 10 องศาเซลเซียสตลอดทั้งปีครับ ไม่ว่าอากาศข้างนอกจะหนาวหรือร้อนเท่าใดก็ตาม
พอนั่งรถไฟเข้าไปได้ซัก 5 นาที ก็ถึงบิเวณที่ต้องเดินเท้าไปต่อครับ มีคนนำทางคอยเล่าเรื่องราวในเหมืองให้ฟัง แต่ออกจะฟังสำเนียงยากซักหน่อย เลยฟังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ครับ (ภาษาอังกฤษอ่อนแอครับ) และแล้วถึงจุดที่ชุดหมีเราได้ใช้ประโยชน์นอกจากป้องกันความเย็นในเหมืองแล้วครับ นั่นคือให้เราสามารถลื่นไถลลงทางลาด ซึ่งอดีตใช้สำหรับคนงานเหมืองลื่นลงไปยังชั้นที่ลึกกว่า
ที่มา http://www.austria-hiking.eu/regenbogenprogramm/salzwelten/img/salzbergwerk_3_web.jpg
ต้องยืมรูปจากเวปอื่นๆมาครับ เนื่องจากเวลาลื่นลงมาโดนเป็นคนแรก ไม่มีใครถ่ายรูปให้ อิอิ เวลาลื่นลงมาก็ตื่นเต้นดีทีเดียวครับ น่าจะสนุกสำหรับเด็กๆ แต่คนแก่ๆคงต้องระวัง ใจมันสั่นครับ อิอิ
จากนั้นเราก็เดินทางไป และได้รับฟังเรื่องราวเกี่ยวกับเหมืองเกลือนี้ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของความสวยงามในเมือง Salzburg เนื่องจากออสเตรียเป็นเมืองที่ไม่มีส่วนที่ติดทะเลครับ เกลือจึงเป็นสิ่งที่หายากมาก และราคาแพงเปรียบได้กับทองคำ เมื่อผู้ปกครองเมืองในอดีตได้ครอบครองเหมืองเกลือ จึงได้มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนจนทำให้ Salzburg กลายเป็นเมืองที่เจริญและมั่งคั่งมากในอดีต จนเป็นสาเหตุให้เป็ฯที่อิจฉาของใครหลายคน จนนำมาซึ่งจุดจบของผู้ปกครองผู้สร้าง Salzburg ให้สวยงาม ซึ่งบั้นปลายของชีวิตต้องถูกกักขังและจบชีวิตในคุกในเหมืองเกลือนี้เอง
และที่ส่วนปลายของการเดินทางเราพบกับร่างมนุษย์ที่ถูกพบในรูปของมัมมี่ธรรมชาติ ที่ได้รับการรักษาจากเกลือในเหมืองนั่นเอง ซึ่งคาดว่าเป็นชาวเหมือง Celtic โบราณ ซึ่งเป็นพวกแรกที่เข้ามาขุดเหมืองหาเกลือเป็นพวกแรก
เมื่อเราเดินทางมาอีกซักพักก็พบกับเรือที่ใช้พาเราล่องไปบนทะเลสาปใต้ดิน ซึ่งเป็นทะเลสาปเล็กๆ เราก็นั่งเรือข้ามทะเลสาปแล้วเดินทางกลับออกมาจากเหมืองผ่านทางรถไฟอีกครั้ง
หลังจากกลับจากเหมือง ผมได้ข้อคิดอย่างหนึ่งทันทีครับ ว่าสถานที่ท่องเที่ยวของเราคงต้องมีการพัฒนาให้เป็นแบบเค้าบ้าง คงต้องมีการแทรกเทคโนโลยีใหม่ให้น่าสนใจ เอาลูกเล่นต่างๆมาดึงดูดให้คนที่มาชมจดจำเรื่องราว และความน่าสนใจในสถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆให้มากกว่าในปัจจุบันนี้ครับ แล้วจะทำให้การท่องเที่ยวบ้านเราน่าสนใจมากขึ้นได้ดีทีเดียวครับ
สวัสดีค่ะน้องเดอ
มาเที่ยวเหมืองเกลือ...สงสัยว่ามัมมี่ที่พบน่ะยัง " ดูดี " อยู่มั้ยคะ ?
น้องเดอได้ลงไปใต้ดิน...ได้ล่องทะเลสาปใต้ดิน ทำให้พี่นึกถึงลอร์ด ออฟ เดอะ ริง กับ แฮรี่ พอตเตอร์ ขึ้นมาตะหงิดๆ เพราะออกแนวแฟนตาซีนิดๆน่ะค่ะ
วิวสวยมากเลยค่ะน้องเดอ พี่ได้ยินตอนแรกคิดว่าจะร้อน แล้ง...ที่ไหนได้อยู่ใต้ดิน แถมยังมีวิวสวยซะอีก
ขอบคุณมากๆค่ะที่พาเที่ยว...ว่าแต่สาวที่นั่นสวย น่ารักเหมือนสาวไทยมั้ยคะ ? ^ ^
สวัสดีครับพี่หุย
ไปคราวนั้นคิดถึงส้มตำปูปลาร้ามากๆครับ อิอิ แซบอีหลีเด้อ แต่ก็ทานพอไหวครับ
เรื่องสถานที่ท่องเที่ยวของไทย ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งครับ อย่างถ้ำผาไทยที่บ้านผม เมื่อ 10 ปีที่แล้วเป็นอย่างไร ตอนนี้ก็แทบไม่เปลี่ยนแปลง คงต้องช่วยๆกันแล้วครับเรื่องนี้
แล้วจะมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับเภสัชให้ฟังนะพี่ อิอิ