Guru Banpru
นาย นายอารดือนา แบนัง บินมะหามัดดิน

เล่าเรื่องให้เพื่อน Km ฟัง


ภมิทัศน์เด่น เน้นเด็กงาม คุณธรรมครูเลิศ (ตอนที่1)

 

ภูมิทัศน์เด่น (ปลอดขยะ) ตอนที่ 1                     แรกเริ่มเดิมทีก่อนที่โรงเรียนบ้านพรุจะนำ เรื่องขยะๆมาเกี่ยวพันกับ KM นั่น ขอเรียนชี้แจงว่า เราปลื้มกับบุคคลต่างๆที่มาเยือนโรงเรียนบ้านพรุ เมื่อก่อนหน้านั้น แม้นว่าเขาเหล่านั้นจะมากันในฐานะใดๆก็ตาม ก้าวแรกที่เขาเดินผ่านประตูรั้วของโรงเรียนเข้ามา ก็มักจะทำตาส่ายไปส่ายมา เหมื่อนกำลังมองหาสิ่งใดๆภายในอาณาบริเวณโรงเรียน(เราเองก็สงสัย) แล้วก็นำความรู้สึกดีๆที่เขาพบเจอในขณะนั้น มาเปรยให้เราฟังว่า โอ้..พระเจ้า มันช่างปลอดขยะเสียเหลือเกิน เราต่างก็นึกว่า เอ้ะ....อะไรจะป่านนั้น ขอบคุณพระเจ้า                   ความเป็นจริงแล้ว เราไม่ได้ภาวนาที่จะให้ใครมาแกล้งยอเราหรอก เราทำของเรามานมนานกันแล้ว เพียงแต่ KM วิ่งมาชนเรา มันก็เป็นเรื่องขึ้นมา จึงจำเป็นต้องสาธยาย เล่า กันหน่อย  นับแต่เริ่มมา ตอนที่หน้าอาคารเรียนของเรามีต้นไม้ใหญ่(ต้นหูกวาง)ตระหง่านอยู่กลางสนาม พวกเรารักมันมาก เพราะมันให้ร่มเงาแก่เรามาช้านาน นับเป็นสิบๆปีที่เดียว ต้นไม้ต้นนี้มันจะสลัดใบแห้งทิ้งใต้โคนมัน ยามฤดูฝน ยามแล้งที่โคนต้นจะปลอดใบ ยามใดเป็นยามฝน ใบของมันจะกองเกลือนกลาดรอบๆรัศมีแห่งกิ่งก้านของมันเต็มไปหมด  ต่อไปก็เป็นเรื่องของเราต้อง เอามันออกไปทิ้ง เราก็จัดเด็กเข้าแถวเรียงหนึ่ง บ้างก็ถือปุ้งกี๋ บ้างก็ถือถังขยะ เก็บยัดๆใส่ แล้วพาไปทิ้งบริเวณที่ทางโรงเรียนกำหนดไว้ ทำทุกวันไม่เว้นแต่ละวัน(เฉพาะยามฝน) น่าเสียดายที่เราได้ตัด โค่นมันลงแล้ว (เพราะผู้บริหารแกไม่ขอบต้นไม้ แฮะ..) คงเหลือไว้แต่อดี... (ตอ) ความร่มเย็นหายหูด ความร่มเงาสูญสิ้น ความจริงที่โค่นนั้นเนื่องจากว่า ผู้บริหารแกเกรงกิ่งก้านอันยาวใหญ่จะหักลงมาทับเด็กนักเรียนในยามที่มีลมมา เพราะครั้งหนึ่งเคยมีลมมา หักปลายกิ่งของมันหอบหิ้ว ปลิวว่อนไปตกบนหลังคาอาคารเรียน กระเบื้องพังเป็นแถบๆ เลยดำริที่จะโค่นทันที ทุกคนเห็นด้วย แต่ก็น่าเสียดายมาก เพราะเราอยู่กับมันมานาน  มาวันนี้เราก็ลืมมันลางๆไปแล้ว กลับมาPing คำเปรยที่เล่นที่จริงของใครหลายๆคนที่มาหาเรา แล้วพูดว่า โรงเรียนสะอาด ปลอดขยะ                 เมื่อปิ๊ง ได้ที เราก็ร่วมกันปรึกษาหารือว่า เราต้องรักษาคำเยินยอเหล่านั้นให้คงกระพัน เราต้องปลูกฝั่งอะไรสักอย่างลงในตัวเด็ก ผู้ปกครองเด็ก ชุมชน และองค์กรของเราให้รุดหน้าไปเรื่อยๆ เราจึงร่วมกันจัดการบริหารควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรมทรัพยากรบุคคลทั้งหมดที่กล่าวมา ด้วยวิธีการที่เห็นว่าเหมาะสม เช่นว่าเราฝึกเด็กให้รู้จักเก็บขยะรอบนอกรั้วโรงเรียน บนถนนก่อนถึงประตูโรงเรียน ซึงมีระยะห่างกันประมาณ 100 เมตร นักเรียนต้องเก็บทิ้งทั้งหมด  และก่อนเข้าแถวในช่วงเช้าประมาณ 15 นาที เด็กต้องแยกย้ายกันออกเก็บขยะที่ตกค้างทั้งหมดรอบๆอาคารเรียนที่ตัวเองรับผิดชอบ ครูเวรประจำวันต้องคอยตรวจตราความเรียบร้อย เป็นต้น                      อีกรอบหนึ่งที่เราต้องจัดให้กับการรักษาความสะอาดบริเวณโรงเรียน คือช่วงพักเที่ยง เพราะโรงเรียนของเราเปิดเสรีในการเข้ามาขายของ ของผู้ปกครองเด็กที่ไม่มีอาชีพอื่นทำนำของมาขายในบริเวณโรงเรียน เรื่องอาหารที่ขาย เราก็ควบคุมหลักโภชนาการให้ เขาถือปฏิบัติ อย่างน้อยๆทางโรงเรียนก็ได้ให้ความช่วยเหลือแก่ชุมชน ในด้านความเป็นอยู่ เมื่อเราช่วยเขา เขาก็เข้าช่วยเราด้วยเช่นกัน ด้วยการเป็นหูเป็นตา เพื่อสร้างภาพแห่งการปลอดขยะ อีกทางหนึ่ง บางครั้งเด็กกลับบ้านกันหมด แม่ค้ายังอยู่ และขยะยังคงมีให้เห็น เขาก็จะเดินเก็บทั้งบริเวณ(เป็นหน้าที่หรือเปล่า)                     นึกไปถึงเรื่องเก่าๆในอดีต ประมาณ 4-5 ปี่ที่ผ่านมา ตอนที่นมโรงเรียน(นมเด็ก) ทางผู้ผลิตจะบรรจุนมไว้ในขวดพลาสติก พอเด็กดื่มเสร็จ เราให้เด็กมากองไว้สักแห่งหนึ่ง โดยไม่ได้เอาโครงการอะไรมาอ้างกับเด็กหรอก(ธนาคารขยะ) ให้เด็กไปเก็บกองไว้เฉยๆ พอได้ที จับอัดใส่กระสอบข้าวสาร ได้ตั้ง 2-3 สิบถุงปุ๋ย ขนใส่รถ ผอ.ไปขายแปรสินทรัพย์ให้เป็นเงินยังแหล่งรับซื้อในตัวเมือง ชั่งได้น้ำหนัก 80  ก.ก. ได้เงินมาทั้งหมด 160บาท ได้แต่ซื่อขนมมาฝากเด็ก อะไรจะป่านนั้น 2-3 สิบถุงปุ๋ยมันเยอะน่ะ แล้วทำไม่ได้เงินนิดเดียว ปัจจุบันหมดสิทธิ์แล้ว เพราะเฒ่าแก่ไม่ยอมรับซื้อ และมาเปลี่ยนภาชนะบรรจุ ถุงใหม่ (ไม่มีราคา) ระยะหลังก็สั่งให้เด็กเก็บไว้อีก มากองไว้ใต้ถุนอาคารเรียน พอจำนวนมากได้ที่ เตรียมบรรทุกใส่รถ ผอ.อีกครั้ง ยังไม่ทันตื่นเช้าเลย มีโทรศัพท์มาแจ้ง่วา โรงเรียนบ้านพรุโดน...เ...ผา......เสียแล้ว จากน้ำมือผู้ก่อ......... จบกันที ขวดนมเด็ก เสียหาย...หลายเด้อ....                   เน้นเด็กงาม (ตอนที่ 1)                       การพัฒนาคุณธรรม จริยธรรมเด็ก เรา ปิ๊ง ความคิดของผู้ปกครองเด็กคนหนึ่ง เขาแนะนำให้ครูทุกคนออกพบปะ เยี่ยมเยียนบ้านของเด็ก จนเราได้นั่งทกระดมพลังสมองว่าควรรับหลักการหรือไม่ ตกลงเห็นด้วย จึงได้ทำโครงการเยี่ยมบ้านเด็ก โดยได้ออกปฏิบัติครบทุกหมู่บ้านใน  1 ภาคเรียน เราได้วางหลักเกณฑ์ต่างเกี่ยวกับการออกเยี่ยมเยียน เป็นต้นว่าการกำหนดวันเวลา ระดับชั้น วิธีการออกเยี่ยมเยียน ต้องเตรียมสิ่งใดบ้าง เราได้นำเด็กนักเรียนระดับ ชั้น ป. 3 6  โดยให้เด็กนักเรียนชั้นป.6 เป็นพี้เลี้ยง ในการบันทึกข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับตัวเด็กหรือครอบครัวที่เราเยี่ยม มีการขนอาหารเที่ยงของเด็กไปรับประทานกันในหมู่บ้านที่เราไปเยี่ยม มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ปกครองเด็ก ว่าเขาต้องให้ทางโรงเรียนช่วยในเรื่องใดบ้าง ขณะเข้าพบผู้ปกครองเด็กเราก็แนะนำให้ช่วยดูแลเรื่องการเรียน ให้ขยันเรียน ดูแลเรื่องความประพฤติของเด็กให้อยู่ในกรอบของศีลธรรมอันดีงาม ควบคู่ไปกับการดูแลของโรงเรียนอีกทางหนึ่ง  ช่วยติดตามการมาเรียนของเด็กให้ตลอด ส่วนเรื่องอื่นๆที่เราแนะนำ ก็คือเรื่องที่นอนเด็กและผู้ปกครอง โดยแนะวิธีการจัดที่นอน การใช้มุ้งกางเพื่อป้องกันยุงกัด การจัด ตกแต่งบริเวณบ้านให้ถูกสุขลักษณะ ห้องน้ำห้องท่า  ส้วม   ทั้งหลายเหล่านั้น เราได้แนะนำ ให้ผู้ปกครอง และเด็กได้ปฏิบัติ และจะมีการตามประเมินเป็นระยะๆ ส่วนเหล่าข้อมูลทางด้านปัญหาของครอบครัวต่างๆ เราก็จะนำมาแก้ไข และให้การช่วยเหลือต่อไป                 คุณธรรมครูเลิศ.......ตอนต่อไป

คำสำคัญ (Tags): #ปิ๊ง.#เกริ่นก่อน
หมายเลขบันทึก: 111530เขียนเมื่อ 14 กรกฎาคม 2007 17:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:09 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

     ถูกต้องนะคร๊าบบบบบ......  เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับคำบอกเล่าของ"แบนัง" ที่เราชาวบ้านพรุ มักจะเห็นสายตาของผู้มาเยือนที่เหมือนกำลังมองหาอะไรซักอย่าง...ทีแรก ก็ คิดเหมือนกันนะ ว่า..เอ๊ะ มองหาสิ่งแปลกปลอมที่อาจซุกซ่อนอยู่ (ระเบิด) หรือปล่าว ^_^ แต่คิดว่าคงไม่ เพราะหลังจากสายตาที่มองเข้ามานั้น เริ่มมีรอยยิ้มปริ่มเปรม บนใบหน้า พร้อมกับคำถามที่เรา มักถูกถามอยู่เรื่อย ๆ ว่า โรงเรียนนี้ มีภารโรงหลายคนเหรอ ?  หรือ เด็ก ๆ โรงเรียนนี้ ไม่กินขนมกันเหรอ ?  และอีกหลาย ๆ คำถาม ที่มักจะเรียกรอยอมยิ้ม ของผู้ถูกถาม  หลาย ๆ ครั้งที่เราให้นักเรียนช่วยกันเก็บขยะ ทุกคนต้องรีบวิ่ง ตั้งหน้าตั้งตาหาเศษขยะ อย่างกุลีกุจอ (เพราะกลัวไม่มีขยะให้เก็บ ตามที่กำหนด)  บางครั้งแอบเห็นนักเรียนไปคว้าขยะในถังขยะมาใส่ในมือ เราแอบยิ้มในใจ  ^_^  เคยได้ยินเพื่นครูเราบอกเล่าว่า มีการพกเศษกระดาษ มาจากบ้านด้วย (เผื่อไม่มีขยะให้เก็บ เดี๋ยวโดนทำโทษ....น่านนนนนน....)  นี่คือหนึ่งในความภาคภูมิใจของครอบครัวบ้านพรุเรา.....

                                 ***JasmiN***

                             ...Banpru School...

 

แหม...นึกว่าไคร้ ... เปิดร้านแถวๆบาโร๊ะบาโกยหรือป่าว ชื่อ..คุ้นๆ

ร้านนั้นอะ เค้าเคยทำหนังสือ มาขอลิขสิทธิ์ชื่อด้วยนะ จาบอกให้ แบนัง  ไม่รู้อารายยย  ^_^

      ... แล้วเข้าไปโพส ของเรามั่งไป...

                                         ***JasmiN***

                         (ตัวจริง ไม่เชื่อ วันจันทร์เจอกัน)

                                   ....Banpru School...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท