Hospital OS โปรแกรมบริหารระบบการจัดการสารสนเทศโรงพยาบาล
Hospital OS Hospital OS โปรแกรมบริหารระบบการจัดการสารสนเทศโรงพยาบาล ianalysis คลังข้อมูล Hospital OS (โปรแกรม โรงพยาบาล)

Episode II: Hospital OS หาที่ลง


“ซอฟต์แวร์ตัวนี้ไม่ใช่ของผม”

Episode II:  Hospital OS หาที่ลง
หมอก้อง


    บทเรียนที่ได้จากการทำงานในช่วงแรกก่อนที่จะได้ทุนวิจัยนั้น เมื่อมาทบทวนผมพบว่าผมได้บทเรียนที่น่าสนใจ

    ช่วงเวลานั้น เหมือนมีแรงขับดัน แค่ อยากทำ ก็สามารถเป็นกำลังให้เราก้มหน้าก้มตาทำ โดยไม่ได้คำนึงถึงอุปสรรคใดๆที่อยู่ข้างหน้า ดีหรือไม่ดี ก็ขอให้ติดตามกันต่อไปครับ

 

    มกราคม 2545 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัยหรือ สกว. และมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ ได้ส่งสัญญามาให้ผมลงนามผูกพันในการดำเนินโครงการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารโรงพยาบาลขนาดไม่เกิน 100 เตียง เรื่องขนาดนี้ก็เป็นประเด็นมาตั้งแต่เริ่มโครงการว่าทำไมต้อง 100 เตียงไม่ขาดไม่เกิน คำตอบก็คือ เป้าหมายของเราคือโรงพยาบาลขนาดเล็ก ที่มีทรัพยากรจำกัด หรือแม้จะมีกำลังทรัพย์ ก็อาจจะไม่มีใครอยากเดินทางไปไกลๆเพื่อไปขาย และโดยส่วนตัวผมมีความเชื่ออยู่ว่า รพ.ขนาดเล็กน่าจะมีความชัดเจนเรื่องของแนวทางการปฏิยัติงาน (Work flow) และการตัดสินใจเลือกใช้หรือไม่ใช้ได้อย่างชัดเจน หรือพูดตรงๆคือ ผมกลัวการเข้าไปอยู่ท่ามกลางการเมืองในโรงพยาบาล เพราะผมเข้าใจว่าทีมงานของผมคงเป็นเด็กจบใหม่ (เพราะคนแก่ๆใครจะมายอมทำงานกับโครงการฯ) เด็กเหล่านี้ไม่ควรจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหาในองค์กร เรามีภาระกิจชัดเจนและทรัพยากร อีกทั้งเงื่อนเวลาจำกัด เราไม่ใช่บริษัทที่ปรึกษา หรือศิราณี เพราะแก้ให้เขาไม่ได้ จึงเป็นเหตุให้จำกัดอยู่เท่านี้

 

    เมื่อได้ทุนมาก็เริ่มทำงานครับ และพบว่าคนเพียงสอง สามคนไม่พอครับ ก็ให้สุรชัยช่วยหาเพื่อนร่วมงาน เรื่องราวการหาเพื่อนร่วมงาน และใครตัดสินใจมาบ้างก็ติดตามอ่านได้ครับ เขาคงทะยอยกันเขียน จนเดือนเมษายน เรามีทีมเพิ่มขึ้นเป็น 5 คน และมีกองหนุนคือ ผม และพี่อ๊อด

 

    การพัฒนาในรุ่นรับทุนนี้ เริ่มไม่ง่ายอย่างที่คิด คำถามแรก เรามีกลุ่มเป้าหมายอยู่ 700 รพ. แล้วทั้งหมดนี้มี กระบวนการทำงาน เหมือนหรือต่างกันอย่างไร เราจะทำโปรแกรมอย่างไรที่เหมาะสมกับเขา และที่สำคัญ ทำไปแล้วจะตรงกับความต้องการเขาไหม และหากไม่ตรงเขาก็ไม่ใช้ แล้วเราจะส่งงานตามเป้าได้อย่างไร

 

คิดออกไหมครับ

 

    ครั้งแรกคิดว่าจะส่งแบบสอบถาม พอมาดูค่าใช้จ่ายฉบับละ 3 บาทส่ง 700 แห่ง กว่าจะได้ครบหรือได้รับการตอบคงหมดเงินเป็นแสน หากจะจัดสัมมนา ใครจะมา จะมากี่คน เพราะเราต้องการทั้งระบบโรงพยาบาล หรือจะโทรไปถามจะถามใคร แล้วเขาจะช่วยเราไหม

 

คิดออกหรือยังครับ

 

    สิ่งที่ตัดสินใจทำตอนนั้น ก็คือทำเวปครับ ทำเวปให้เป็นศูนย์กลางของการสื่อสาร เดิมก็มีการจด domain name ไว้แล้ว แต่ยังไม่มีเนื่อหาสาระอะไรเท่าไหร่ เมื่อเจอโจทย์ข้างต้น ก็หันกลับมาใช้เวปให้เป็นประโยชน์ โดยการเขียน work flow ของการทำงานต่างๆในโรงพยาบาล และแนวทางการปฎิบัติงาน (Procedure manual) ลงในกระทู้


 


 


 

 

และเฝ้ารอหวังว่าจะมีคนมาให้ความเห็น ปรากฏว่าได้ผลครับ คนที่สนใจที่มาดูเวปจากรพ. ต่างๆก็พิมพ์ออกไปให้หน่วยงานต่างๆดู หน่วยงานเช่น พยาบาล ห้องบัตร เภสัช ต่างก็ให้ความเห็นกันอย่างหลากหลาย ผมก็ปรับแก้ไข จนในที่สุดเป็นเกิด การยอมรับความเห็นร่วม (consensus) เกิดเป็นชุดความต้องการเชิงการปฎิบัติงาน (Functional Requirement) ที่ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้ และถือเป็นใบสั่งทำงาน และผู้ที่จะใช้ในอนาคตรู้สึกว่า "เขาเป็นผู้ออกแบบเอง" ส่วนโปรแกรมเมอร์เองก็ได้เรียนรู้จากความเห็นต่างๆจนเข้าในพอสมควรว่างานของโรงพยาบาลมีข้อถกเถียงอย่างไร และทางออกเป็นอย่างไร นับว่าได้ประโยชน์หลายต่อ

                สิ่งหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้จากจุดนี้คือ ซอฟต์แวร์ตัวนี้ไม่ใช่ของผม แต่เป็นของส่วนรวม เป็นของทุกๆคนที่ร่วมกันทำ จุดนี้เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญมากจนกลายเป็นวัฒนธรรมองค์กรของเรา เพราะเป็นจุดเริ่มต้นที่เตือนเราเสมอว่าความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนั้นเป็นความร่วมมือของทุกคน พ้นจากการยึดเป็น ตัวกู ของกู และสิ่งที่จะส่งมอบให้กับชุมชนนั้น ไม่ใช่เป็น การให้ จากพวกเรา แต่เป็นการเกื้อกูล ก่อให้เกิดความสำเร็จขึ้นมา ผมพบว่า สิ่งนี้เป็นของติดตัวทีมงานเราทุกคน ที่เข้าไปที่ต่างๆในฐานะ "ผู้น้อย" ที่ไปขอ เรียนรู้ และเราทำงานอย่างหนักเพื่อตอบแทน

                ทีมทำซอฟต์แวร์ก็พอได้แนว ก็จัดการทุบซอฟต์แวร์ตัวเก่าทิ้ง เขียนกันขึ้นมาใหม่ก็ถึงประเด็นต่อมาว่า ที่โรงพยาบาลส่วนใหญ่ใช้โปรแกรม stat ที่เป็นการทำงานกับ key board มากกว่าการใช้  mouse และเจ้าหน้าที่ 1 คนทำงานหลายหน้าที่เหลือเกิน หากเราทำให้เขาต้องเรียนรู้หลายๆหน้าจอ คงไม่ดีแน่ คิดแก้ไข อ่านหนังสือเรื่องการออกแบบ Graphic User Interface เถียงกันในทีมงานอยู่พักใหญ่ จนได้ข้อสรุปว่า เราจะออกแบบหน้าจอโดยสัมพันธ์กับ log in ซึ่ง log in นี้จะเชื่อมโยงกับภาระงานที่คนนั้นต้องรับผิดชอบ โดยที่ภาพรวมของโปรแกรมจะคล้ายกัน ต่างกันตรงแถบ (Tab) ที่จะมีเนื้องานหรือ Function ต่างกันไป พอแนวคิดนี้ออกมาก็รีบนำเสนอบนเวป ปรากฏว่าได้รับความสนใจอย่างล้นหลามว่าใช้ได้แบบนี้

                คราวนี้มาถึงตอนยากอีกเรื่องหนึ่งคือเรื่อง Linux เนื่องจากทีมงานมีเซียน Linux คือโสทรอยู่ด้วย โสทรทำงานกับผมมานานครับ ตั้งแต่ผมอยู่ที่สงขลานครินทร์ โสทรมีความตั้งใจสูงและสนใจ Linux เป็นอย่างมากทำเวป Linuxsiam.com ตั้งแต่ 9 09 1999 ประกอบกับช่วงนั้นกระแสการจับซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์มาแรง และเป็นยุคต้น IMF เราก็ชัดเจนครับว่าจะใช้ Linux เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับเครื่องแม่ข่าย

คำถามต่อมาคือ

ที่รพ. ชุมชนใครใช้ Linux ได้บ้าง

คำตอบคือ ไม่มีใครตอบ เพราะไม่รู้ว่าคืออะไร

 

ปัญหาใหม่เข้ามาคือ ทำอย่างไรถึงจะสอนให้คนที่สนใจที่ไม่รู้ IT ในรพ. ชุมชน รู้ ติดตั้ง ดูแล แก้ไขระบบที่ใช้ Linux ได้

 

ผมไม่ตอบครับ รอให้ โสทร เขามาเฉลย เพราะเรื่องนี้ต้องยกความดีทั้งหมดให้เขาที่ อดทน อดกลั้น อดนอน ในการหาสารพัดวิธีในการขยายผลการใช้งาน Linux ให้กับเพื่อนๆที่ไม่เคยเจอกัน แต่ช่วยแนะนำกันผ่านเมล์ โทรศัพท์ ฯลฯ

มีครั้งหนึ่งผมยังจำได้ โสทรคุยกับ admin อาสาของรพ. แห่งหนึ่งที่พยายามจะติดตั้ง Linux ลง server ให้ได้ ไม่แน่ใจว่าคุยกันมากี่ชั่วโมง แต่ผมเห็นวางหูไปก็ถามว่า เป็นไง สำเร็จไหม

ยังหมอ พี่เขาขอไปรับลูกที่โรงเรียนก่อน เดี๋ยวมาต่อ โสทรตอบ

เรื่อง Linux นี้เล่าได้เป็นบทๆเพราะเราคิด จินตนาการจะทำอะไรต่ออะไรหลายอย่างแม้กระทั่ง Distro ซึ่งหมายถึงการออกชุดติดตั้ง Linux เองแบบ Red Hat หรือ Ubunto โดยมีชื่อที่ไม่เคยเผยแพร่ว่า GuGu อ่านว่า กู้กู ซึ่งเป็นชื่อตำบลที่บ้านของสุรชัยอยู่

 

เมื่อทำมาครึ่งทาง ก็ถึงช่วงเวลาที่ต้องหาแนวร่วม เราก็คิดกันว่าทำอย่างไรที่จะทำให้มีคนเห็นโปรแกรมเราทำงานได้อย่างจริงๆ สรุปก็ต้องจัดสัมมนา โดยเลือกจัดที่กรุงเทพ และก็คิดแบบง่ายๆก็ออกหนังสือเชิญไปยังโรงพยาบาลต่างๆ โดยหารู้ไม่ว่า เขาจะมากันอย่างไร เขาเบิกอะไรไม่ได้สักอย่าง

เราเลือกจัดที่รร. สยามอินเตอร์คอนติเนลตัล ที่เป็นสยามพารากอนในปัจจุบัน ทำไมต้องเป็นที่นี่ ไหนว่าไม่มีเงิน จัดซะหรูเชียว ต้องบอกตรงๆว่า เคยไปงานของ Apple แล้วชอบที่นี่ และผู้จัดการฝ่ายจัดเลี้ยงเป็นเพื่อนของคุณแม่ ก็ไปเรียนท่านว่า ผมทำโครงการฯ ท่านก็กรุณาจัดให้ในราคาถูกมากๆๆๆๆ จนไม่น่าเชื่อ

วันงานมีคนมากกว่าที่คาดครับ หลายท่านมาแต่เช้ามืดเพราะมารถทัวร์ ขับรถมาเอง บางคนมานอนต่อในรถเพราะขับมาตอนกลางคืน และสอบถามว่ากลับในคืนนั้นเลยเพราะเบิกค่าโรงแรมไม่ได้ เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นตัวเป็นๆกันทั้งทีมงานและสมาชิก แรกๆก็ดูเขินๆ หลังๆก็ทักทายกัน  จำได้ว่าสุรชัย พงศ์ธร และรุ่งศิริ ขึ้นเวทีบรรยายเรื่องโปรแกรมสั่นกันเป็นแถว ที่สำคัญโสทร เหงื่อออกตอนที่ set up linux กับพงศ์ธรแล้วไม่สำเร็จ

                ที่น่ายินดีคือความเป็นมิตรเกิดขึ้นทั่วงาน หลายคนเคยสนทนาผ่านเวป ก็ได้มาคารวะกันซึ่งๆหน้า ความสัมพันธ์เหมือนญาติ ผมทำ CD มาขายเป็น CD Linux Medley รวบรวมโดยโสทร ตอนแรกขายไม่ค่อยได้เพราะหลายท่านยังไม่รู้ว่าจะซื้อไปทำไม แต่พอประกาศว่า

ช่วยเหลือค่าน้ำมันรถกลับภูเก็ต หน่อยคร๊าบ

    ใจเมตตาขอเพื่อนๆก็เกิดขึ้น ช่วยกันซื้อคนละเล็กละน้อย จนหมด ได้ค่าน้ำมัน ค่าโรงแรม พอดีเป๊ะ

ยังจำได้ท่านรศ. นพ. ราเมศ ท่านก็ซื้อ ผมก็เรียนท่านว่า อาจารย์จะซื้อทำไมครับ

ซื้อไป จะได้ขับรถกลับถึงภูเก็ตไง อาจารย์ท่านตอบและหัวเราะ

                การพบปะสังสรร ของทีมงาน และสมาชิก กลายเป็นอีกวัฒนธรรมหนึ่งที่ทุกปีในงานประชุมวิชาการประจำปีของสมาคมเวชสารสนเทศ สมาชิกและทีมงานที่เคยรู้จัก หรือไม่เคยรู้จักจะเดินเข้ามาทักทาย กล่าวคำขอบคุณที่เคยช่วยเหลือกัน และเป็นเพื่อนกันโดยปริยาย นับเป็นภาพที่ประทับใจ

            หลังจากงานนั้น ทีมงานก็กลับไปรื้อซอฟต์แวร์เขียนใหม่กันอีกรอบ จนตรวจสอบปรับปรุงแก้ไข พวกเราก็ร้อนวิชา ประชุมกันว่า ถึงเวลาแล้วพี่น้องที่เราจะต้องพิสูจน์ว่า งานที่เราทำมาตลอด 9 เดือนนี้ใช้ได้

คำถามก็ตามมาทันที ไปที่ไหนดีหละ  ทีมงานต่างก็มองหน้ากัน ผมเองก็ไม่เคยอยู่รพ. ชุมชน หรือกระทรวงฯมาก่อน ก็ไม่ค่อยรู้จักใคร ในที่สุดเราก็ไปค้นแบบสอบถามดูว่า ที่เราถามว่า หากโปรแกรมเสร็จแล้วใครจะใช้บ้าง

จนพบ 1 ฉบับ ที่เขียนว่า

ใช้ (แน่นอน)

เป็นแบบสอบถาม จากรพ. ทุ่งหัวช้าง จ. ลำพูน ผมก็บอกว่า ตกลงไปที่นี่

รุ่งศิริ ก็ถามทันทีว่า จริงเหรอ หมอ

จริงซิ ไหนดูซิใครเป็น admin”

เราพบว่า admin คือคุณ อุทัย นามสกุล เลือดนักรบ

ผมมั่นใจทันทีว่า ต้องขึ้นระบบที่นี่ได้ ก็ถามทีมงานต่อว่า ใครรู้จักพี่เขาบ้าง และรพ. นี้อยู่ที่ไหน

...........

ปัญหาข้อใหม่ เริ่มขึ้นแล้ว

 


 

โปรดรอติดตาม Episode III: มุ่งสู่เป้าหมายที่ 1

" คืนนี้ หมอจะได้ยินเสียงหญ้า แทรกจากดิน" 


คำสำคัญ (Tags): #hospital os
หมายเลขบันทึก: 112371เขียนเมื่อ 17 กรกฎาคม 2007 23:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 พฤษภาคม 2012 10:58 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

update แล้วครับ

แต่รูปยังใส่ไม่ได้ ส่งไปให้น้องก้อยทีมงาน ช่วยเอารูปขึ้นให้ครับ สายวันนี้น่าจะเสร็จครับ

 หมอก้อง

  • ก็คนที่ไปรับลูกที่โรงเรียนนี่แหละครับเขาเสียความรู้สึกไปหมดแล้ว ความรู้สึกดีๆ ที่เขาเคยมีมันหมดไปแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นหมอเคยทบทวนบ้างหรือเปล่า รู้ครับว่า OpenSource ต้องกินข้าว แต่อย่าให้มันเกินไป
  • ผมเขียนให้ครับ http://gotoknow.org/blog/agri-nature/112678
อืมม...... ผมลองเข้าไปอ่านลิ้ง ของพี่โสแล้ว ก็น่าคิดนะครับพี่น้อง และผมก็เห็นด้วยทีเดียวเลยล่ะครับ เพราะว่า open source ไม่ควรนำเรื่องเงินมาเป็นตัวตั้ง(ผมก็เริ่มสังเกตได้เมหือนกัน) และเราก็น่าจะคุยกันอยู่ที่ชุมชนของเราเองมากกว่า แค่เปิดเวปๆเดียวก็แทบจะไม่มีเวลาแล้วจริงๆ
ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับทีมงาน HospitalOS ชุดเดิมๆ ที่คุ้นเคยกัน แต่ผมรู้เพียงคร่าวๆ ว่ามันเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ดีเมื่อราวๆ 1 ปีที่ผ่านมา น้องในทีมงานคนหนึ่งบอกว่าพี่ผมจะทำงานถึงสิ้นเดือนนี้ครับ ผมลาออกครับ ผมตกใจนึกว่าล้อเล่น เอาเข้าจริงเรื่องที่น้องบอกเป็นความจริงครับ ผมก็ถามว่าทำไมถึงลาออกละ ก็ได้คำตอบว่าผมอึดอัด คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก ผมก็เลยไม่ถามน้องต่อ ก็เก็บคำถามนั้นไว้ตลอดมา จนมาถึงวันนี้ผมก็พอที่จะรู้บ้างว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับทีม HospitalOS ครับ ผมว่าช่วงหลังๆ มานี้ หลังจากที่ทุนสนับสนุนจาก สกว.หมด (รึป่าวก็ไม่รู้ครับ) ผลกระทบหลายๆ อย่างก็ตามมา ทำให้ทุกอย่างมันมองดูแล้วเหมือนเป็นเงินเป็นทองไปหมด ก็เข้าใจครับว่า Opensource ต้องกินข้าว แต่ดูแล้วกินเยอะนะ (เดี๋ยวหุ่นไม่สวย) ผมว่าน่าจะมีมาตรฐานบ้างก็น่าจะดีว่าอันไหนควรได้รับสนับสนุนค่าตอบแทนบ้าง (ผมเรียกเป็นค่าตอบแทนก็แล้วกัน) อย่าให้มันเหมือนกับโปรแกรมบางโปรแกรมเลยครับ อย่างการออก Implement หรือว่าขึ้นระบบให้ก็ควรจะเป็นการสมัครใจจ่ายของผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือในการขึ้นระบบก็แล้วกัน อย่าตีค่าตีราคาเลยครับ ผมว่าชุมชนเรามันมีอุดมการณ์นะครับ Opensource งัยครับ อย่าลืมซิครับว่าเรากำเนิดมาจาก Opensource ผมก็อยากให้ทีมชุดใหม่/หมอก้องลองทบทวนดูอีกครั้งละกันครับ อย่าให้เรื่องเงินเรื่องทองทำให้ความสัมพันธ์อันดีของชุมชนเราต้องมีอันเป็นไปเลยครับ แล้วผมก็ว่าเราควรหยุดเถอะครับอย่ามาสาวไส้ให้กากินเลยครับ แล้วเราจะเจ็บตัวกันปล่าวๆ ถ้าเรายังไม่หยุดครับ ผมรักในชุมชน HospitalOS ครับ แล้วก็รักน้องทีมงานทุกคนครับไม่ว่าจะเป็นชุดเก่าและชุดใหม่จนถึงชุดปัจจุบันครับ อยากให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมครับ อยู่กันอย่างพอเพียงและเพียงพอครับ
ขอบคุณครับสำหรับความเห็น

ในฐานะผู้ดูและ blog ของ Hospital OS

ขออนุญาต นำข้อความจากสมาชิกที่ใช้ Hospital OS ท่านนึงมาลงนะคะ


"ไม่มีโปรแกรม ของหมอก้อง "
"ไม่มีพี่โสทร "
"พี่ก็คงยังเป็น พนักงานขับรถยนต์ "
"ใช้คอมพิวเตอร์ไม่เป็น "
"ลีนุกซ์ไม่รู้จัก "

ถ้ามีอะไรก็ใจเย็นๆ เชื่อว่าทุกคนมีเจตนารมย์ที่ดีด้วยกันทั้งนั้นค่ะ
รักกันไว้ดีกว่าค่ะ โลกก็เข้าสู่ภาวะโลกร้อน อย่าให้ใจเราร้อนตามนะคะ
และขอขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นที่ post ขึ้นมาค่ะ

ผมติดตาม hospitalos ,มาตั้งแต่แรกเริ่มครับ ผมรู้จักทีม นี้ดีครับ

1 ตัวโปรแกรม  ฟรี  

2 คู่มือ    ฟรี

3 โทร ถาม   ฟรี   ทุกอย่าง ดาวน์โหลด  ฟรี

ทุกอย่างเป็นภาษาไทย เอามาศึกษา ทดลองติดตั้ง ทำได้ไม่เห็นจะต้องจ่ายเงิน ใช้มาตั้งหลายปี ครับ ผมคิดว่า รพ.ผม ยังเป็นหนี้บุญคุณ ทีม ที่ผลิต Hospitalos เลย

ผมทำโครงการ ใว้แล้วครับ จะเปลียน V ใหม่ ครับเป็น 3.7 ที่มี ทันตกรรม  ให้ทีมมาทำให้ครับ(จ้างทีม) ตอบแทนครับ เพราะผมทราบว่า ทางทีมไม่มีเงินสนับสนุนจากโครงการแล้ว (จะได้รู้ว่าใครคือเพื่อนแท้ ทีมhospitalos ครับ)

เรารอ โปรแกรมจากกระทรวง   ต่อ ให้ 10 ปี  ยังไม่ได้กับ  hospitalos ของเราครับ

ขอเป็นกำลังใจ ให้ ทีมงาน จงต่อสู้ต่อไป ครับ

น้องสุนะ ,  น้องแนน ,  น้องอย่าหลงประเด็นไปตามน้องโสทร  (ผมอ่านจาก  blog  พอจะเข้าใจครับ)

น้องโสทร พี่รู้จักน้องดีครับ  น้องดัง น้องมีชื่อเสียงมาจาก hospitalos       น้องร่วมสร้างและนั่งเรือ hospitalos ลำนี้มาหลายปี มีเพื่อนๆ มีน้อง ๆมี  รพ.อีก หลายๆๆ โรง ที่กำลังนั่งร่วมทาง เมื่อรู้ว่าเรือ ไม่ดีก็ต้องช่วยกันประคับประคองไม่ให้เรือมันจม น้องโสทร     ลาออไปแล้ว เท่า กับน้องกระโดดขึ้นจากเรือเข้าฝั่ง ก็ต้องส่งมอบให้คนอื่นทำต่อ  ไม่ใช้น้องกระโดดขึ้นฝั่งแล้วถีบเรือ ให้จม           เพื่อนๆ  น้องๆ รพ. เขาจะพึ่งใคร

hospitalos เป็นของสวนรวม ใช้ทุน สกว. ทุนมูลนิธิ   จะถูก หรือแพง มันเป็นการฃื่อการบริการ รพ.ไดมีเงินมาก ก็ต้องช่วยกันอุดหนุน เพื่อให้ hospitalos พัฒนาต่อไป และอยู่ได้  อย่าหวังพึ่งกระทรวง 10 ปี ไม่มีหวัง

 ผมต้องขอโทษ  ทุกๆๆคนด้วยครับ ถ้าคำพูดไม่ถูกใจ

วิทยา  

ที่ รพ.ผมทำงบใว้ สำหรับ it. จะจ้างทีมมา up V. 3.7 ,มี ทันตกรรม จะได้อุดหนุนทีมให้อยู่ได้ครับ เงินชาติ ช่วยชาติ  น้องๆๆทำเพื่อชาติ

ทำดี ได้ดี   ครับ

 รพ.พี่สุนะ ไม่ต้องจ้างก็ได้ พี่เค้าเก่ง อยู่แล้ว ติดตั้งครั่งแรก   รพ. ทองแสนขัน ติด  1 ใน 10 ของโครงการแรก  ฟรี อยู่แล้ว 5555   ผมเคยอ่านในประวัติ hospitalos

น้องโส   ไปทำกสิกรรมธรรมชาติผมเข้าไปอ่านประจำครับ  ดีมาก   เพิ่งรู้ว่าลาออกจาก hososแล้ว

นี้ถ้า น้องโส เป็น หัวหน้าโครงการวิจัยhosos มีหวังพวกเรา รพ. ถูกทิ่ง  พอหมดโครงการ  น้องโส เลิกทำ   55555555     ดีที่หมอก้องทำ  5555 ขอบคุณครับ

น้องโส อย่าน้อยใจนะครับ 5555 คนกันเองน้อง มีอะไรต้องคุยกัน

ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆๆคนครับ

ทุกท่านครับ
  • การลาออกของผม ผมมีเหตุผลของผม ไม่ได้หมายความว่า เป็นการถีบทิ้ง (ชีวิตผมผมเลือกเองได้) การนำเสนอเรื่องนี้เป็นไม่ได้มุ่งหวังทำลาย มันเป็นสิ่งที่ผมร่วมสร้างมาผมจะทำลายได้อย่างไร แต่ผมทนดูไม่ได้ที่สิ่งที่ผมร่วมสร้างกันมากำลังจะถูกทำลาย นั่นคือชุมชน และความรักระหว่างทีมงานกับชุมชน
  •  ผมไม่ได้ถีบใครทิ้งทั้งนั้น ผมไม่ได้ทิ้งน้อง ผมออกมาอยู่ตรงนี้ น้องๆ ปรึกษาผมอยู่ตลอด ผมก็ให้คำตอบไม่ได้บอกว่าคิดตังค์ด้วย สมาชิกโทรผมถามผมก็ยังตอบ แล้วมาว่าผมถีบทิ้งได้อย่างไรสิ่งที่คุณวิทยาบอกมาสามสี่ฟรี เป็นข้อมูลปัจจุบันหรือเปล่า ถ้าผมไม่พูดวันนี้คำว่าฟรีบางคำมันอาจจะหายไป
  • ถ้าทีมงาน หรือ สมาชิกคิดว่าผมทำลาย ใจแคบไปครับ ถ้าเอาสิ่งที่ผมพูดในบล๊อกผม ไปปรับปรุงการทำงาน น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า 

ทุกท่าน

  • ทำความเข้าใจอีกข้อ ผมไม่ได้ลาออกตอนหมดโครงการพอดี ไม่ใช่ได้เรือแล้วถีบแพ ผมพอใจที่จะใช้ชีวิตของผมแบบนี้
  • ผมขอยุติการปะทะคารมกับทุกท่าน ผมก็ลืมตัวไปว่าผมเป็นคนนอกไปแล้ว มันอาจเพราะรักกับสิ่งที่ร่วมสร้างกันมา จึงระเบิดออกมา ตอนนี้คิดได้แล้วว่าเป็นคนนอก ไม่ควรมายุ่งเกี่ยวอะไรทั้งสิ้น ขอโทษสำหรับสิ่งที่ทำลงไป

สวัสดีค่ะ มาช้าเกินไปหรือเปล่านี่ (เพราะสัญญาณโดนตัดบ่อย)

เท่าที่อ่านความคิดเห็นแล้ว รู้สึกอย่างนี้ค่ะ
คนทุนคนมีความคิด มีความรู้สึก (จะดีหรือไม่ดีเราไม่ว่ากัน)
แต่การถ่ายทอดออกมาให้อีกฝ่ายรับรู้ เชื้อมั้ยว่า ไม่สามารถที่จะทำให้อีกฝ่ายทราบถึงความจริงที่เขาคิดเขาตั้งใจ เพราะว่าการถ่ายทอดออกมาทั้งทางคำพูด การเขียน ไม่สามารถอธิบายได้ละเอียดหรอกค่ะ คนที่รับข่าวสารก็จะคิดกันเอง หาความหมายจากข้อมูลที่ได้รับมาเอง ถ้าคนคิดบวกก็จะคิดไปทาง คนที่คิดลบก็จะคิดไปทาง

แต่ก็ระวังด้วยนะคะ บางครั้งคนพูดดี เขียนดี ก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าคิดดี รู้สึกดีเสมอไป เพราะว่าเค้ารู้จักเลือกใช้คำต่างหาก (ฝากให้คิดกับบางคนที่เรารู้กันดี)

ในฐานะที่เป็นคนหนึ่งที่อยู่กับชุมชน HospitalOS มาก็นานพอสมควร
อยากให้เราคิดในทางบวกไว้ก่อน เพราะหากเราคิดดี อะไรๆ ก็จะดีตามมา
และก็เชื่อว่าทุกคนตั้งใจดีกับชุมชนของเรา ทั้งพี่ๆสมาชิก และ ทีมงาน(ใหม่ล่าสุด เก่า เก่ามาก เก่ามากที่สุด) ถ้าเรารู้อย่างนี้แล้วเราก็ คิดบวก จะดีกว่ามั้ยคะ

--------------------------
คุณแม่ลูกหนึ่ง
ยังเปิดรับสมัครลูกเขยค่ะ

 

ถึงพี่ วิทยา  ปราจีนบุรี และ deb แดนใต้

"น้องโสทร พี่รู้จักน้องดีครับ  น้องดัง น้องมีชื่อเสียงมาจาก hospitalos"

(หมายความว่าไงครับ เหน็บแนม ประชดประชันหรือป่าวครับ )   

"น้องร่วมสร้างและนั่งเรือ hospitalos ลำนี้มาหลายปี มีเพื่อนๆ มีน้อง ๆมี  รพ.อีก หลายๆๆ โรง ที่กำลังนั่งร่วมทาง เมื่อรู้ว่าเรือ ไม่ดีก็ต้องช่วยกันประคับประคองไม่ให้เรือมันจม "

(อันนี้เห็นด้วยครับ)

น้องโสทร     ลาออกไปแล้ว เท่า กับน้องกระโดดขึ้นจากเรือเข้าฝั่ง ก็ต้องส่งมอบให้คนอื่นทำต่อ ไม่ใช้น้องกระโดดขึ้นฝั่งแล้ว ถีบเรือ ให้จม "    

(เน้นตัวหนาหมายความว่าไงครับ พี่โสกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวถึงขนาดนั้นไปเลยหรอครับ พี่ก็เปรียบเทียบซะ)

"เพื่อนๆ  น้องๆ รพ. เขาจะพึ่งใคร"

(ก็พึ่งคนที่อยู่ในทีมงานซิครับ พี่เขารู้ว่ามีทีมที่สามารถทำได้อยู่แล้ว ซึ่งผมก็เห็นว่าทีมก็อยู่ได้จริงๆ ถึงแม้ไม่มีพี่โส)

"จะถูก หรือแพง มันเป็นการฃื่อการบริการ รพ.ไดมีเงินมาก ก็ต้องช่วยกันอุดหนุน"

(หมายความว่าไงครับ มีจ่ายค่า implement ไม่เท่ากันด้วยหรอครับ ทีมงานช่วยตอบที)

"นี้ถ้า น้องโส เป็น หัวหน้าโครงการวิจัยhosos มีหวังพวกเรา รพ. ถูกทิ่ง  พอหมดโครงการ  น้องโส เลิกทำ   55555555     ดีที่หมอก้องทำ  5555 ขอบคุณครับ "

(เป็นประโยคที่ผมอึดอัดแทนมากเลย พี่โสนะหรอเห็นแก่เงิน  พี่เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า)

ที่จริงผมเสียดายพี่เขามาก และผมก็คิดว่าหลายๆคนก็เสียดายเหมือนผม จะบอกให้ว่าทุกวันนี้ผมก็ยังขอความช่วยเหลือขอคำแนะนำจากพี่แกตลอดมา แม้กระทั่งวันนี้ผมก็ยังถามแกเลย และผมก็ไม่เคยผิดหวังซะด้วย

ถึงจะยังก็ไงก็ตามแต่ คงไม่มีใครรู้ตื้นลึกหนาบาง ภายในทีมงานนอกจากทีมงานเอง ฉนั้นเราควรวิจารณ์เพียงเล็กๆน้อยๆก็พอ แต่การที่วิจารณ์กันแล้วให้เกิดอารมณ์แบบนี้ไม่ดีเลย ผมเอาข้อความกลับมาถามใหม่เพื่อที่จะได้ ให้เข้าใจว่า เออมันมีคนอ่านแล้วรู้สึกหงุดหงิดน่ะ จะได้ไม่มีใคร วิจารณ์กันแรงๆ

ดังนั้นผมขอให้กำลังใจทีมงานทุกคนรวมถึงพี่โส  เพื่อนๆพี่ๆน้องในชุมชนของเราทุกคน รักกันไว้ดีกว่าครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท