พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำผิดความเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (โดยสรุป)
วันที่ 18 กรกฎาคม 2550 เป็นวันแรกที่ “พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550” เริ่มมีผลบังคับใช้ หลังจากที่ให้เวลาเตรียมตัวกันมากกว่า 30 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา คือ เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2550
พ.ร.บ. ฉบับนี้แบ่งเป็นสองส่วนหลัก คือ
หมวดที่ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
และหมวดที่ว่าด้วยอำนาจหน้าที่และบทบาทของเจ้าหน้าที่ เรามาร่วมด้วยช่วยกันหาทางให้ตัวคุณและตัวเอง
ให้รอดพ้นจากคุกจากตะรางด้วยการหลีกเลี่ยงการกระทำที่ชี้ชัดหรือน่าจะขัดต่อ
พ.ร.บ. ฉบับนี้
ถ้ารู้แจ้งกระจ่างแล้วก็อย่าลืมเตือนคนรอบข้างด้วย
แฮกเกอร์ระวังตัว
พ.ร.บ. ฉบับนี้ถือเป็นอุปสรรคสำคัญของบรรดาแฮกเกอร์ทั้งหลาย
ไม่ว่าจะมือใหม่ที่ชอบลองของ หรือมืออาชีพที่ทำกันเป็นจริงเป็นจัง
ไปจนถึงผู้ใช้ทั่วไปที่บังเอิญติดนิสัยถือวิสาสะด้วยความเคยชิน
แอบเปิดคอมพิวเตอร์ของเพื่อนของเจ้านายเพื่อการใดบางอย่าง
มาตรา
5 ระบุว่า “ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบ
ซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ
และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน
หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ”
มาตรา 7 ระบุว่า “ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบ
ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันเข้าถึงโดยเฉพาะ
และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี
หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้ง
"ปรับ”
แฮกเกอร์หรือพวกมือดีชอบแอบก๊อปปี้ขโมยข้อมูลของบริษัทออกไป
โดยไม่ได้รับอนุญาตจะโดนคดีอาญายอมความไม่ได้ แถมติดคุกสูงสุดตั้งแต่
6 เดือน ถึง 2 ปี ปรับสูงสุดอีกตั้งแต่ 10,000 - 40,000 บาท
ตามแต่ละมาตรา โดยความผิดจะแยกเป็นสองส่วน คือ
การเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ
กับการเข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ
ความจริงก่อนหน้านี้มีคนเสนอให้รวมสองมาตราเข้าด้วยกัน
แต่ว่าแยกกันอย่างนี้ดีแล้ว จะได้จัดการพวกมือบอนได้อยู่หมัด คือ
ถ้าแค่แอบเปิดเครื่องเพื่อใช้งานทั่วไป ก็โดนมาตรา 5
แต่ถ้าถึงขั้นแอบเข้าดูหรือขโมยข้อมูลด้วย ก็โดนมาตรา 7 ไปเต็มๆ
ติดใจอยู่คำเดียวคือ “....ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ....”
นั่นหมายถึงว่าถ้าคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นหรือข้อมูลไฟล์นั้นๆ
ไม่มีการล็อกป้องกันความปลอดภัยเอาไว้
ก็อาจไม่เข้าข่ายความผิดตามมาตราทั้งสองได้
ฉะนั้นถ้าคอมพิวเตอร์เครื่องดังกล่าวไม่มีการตั้งรหัสผ่านหรือมาตรการป้องกันอย่างอื่น
คือ เปิดปุ๊บเข้าได้ปั๊บ
นั่นหมายถึงว่าใครก็เข้ามาใช้ได้โดยไม่มีความผิด
หรืออย่างไฟล์ข้อมูลทั้งเวิร์ด และเอ็กซ์เซลที่บันทึกไว้ในเครื่อง
แต่ไม่ได้ใส่รหัสผ่านป้องกันการเปิดไฟล์ แล้วโดนมือดีแอบขโมยไป
ก็ถือว่าไม่มีความผิด
แล้วถ้าเอาโทรศัพท์มือถือไปซ่อมแต่กลับโดนแอบโหลดรูปถ่ายลับเฉพาะส่วนตัวออกไปจากเครื่องโทรศัพท์
ซึ่งไม่ได้ใส่มาตรการป้องกันอะไรเอาไว้ จะถือเป็นความผิดเพราะในที่นี้
ความหมายร่วมถึงข้อมูลทุกชนิดที่อยู่ในสภาพที่ระบบคอมพิวเตอร์อาจประมวลผลได้
ภาพถ่ายบนโทรศัพท์มือถือ บนกล้องดิจิตอล ไฟล์เพลงเอ็มพีสาม ฯลฯ
ล้วนเข้าข่ายเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ทั้งหมด
คำเตือนถึงพวกมือบอน
ชอบลองของสร้างไวรัส
ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา
เห็นไวรัสสายพันธุ์ไทย ๆ จำนวนมาก
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไวรัสประเภทติดต่อผ่านแฟลชไดรฟ์
สร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้จำนวนมากในประเทศไทย
เพราะโค้ตที่ใช้ก็เป็นวิชวลเบสิกธรรมดา เขียนง่าย เข้าใจง่าย
เลยทำให้หลายคนอยากลองของ คนที่ชอบลองของในทางที่ผิดพวกนี้
มาอ่านมาตราต่อไปนี้ให้ดีและทำความเข้าใจให้ดี
มาตรา
9 ระบุว่า “ผู้ใดทำให้เสียหาย
ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ”
มาตรา 10 ระบุว่า “ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบ
เพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง
หรือรบกวนจนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ”
การกระทำประเภทมือดีแอบลบไฟล์คนอื่น สร้างไวรัสที่ทำลายข้อมูล
หรือมีการแก้ไขข้อมูลบางส่วน
รวมไปถึงการกระทำที่มีผลให้การใช้งานคอมพิวเตอร์ไม่เป็นไปตามปกติด คือ
ถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวน
พวกนี้โดนเล่นงานหมด
ฉะนั้น
บรรดาผู้ที่ชอบสร้างไวรัสทั้งหลายที่มีการแก้ไขข้อมูลคอมพิวเตอร์
(มาตรา 9) และมีการฝังตัวเองและทำให้ระบบคอมพิวเตอร์ทำงานช้าลง (มาตรา
10) รับรองว่าหนีไม่พ้นแน่นอน ยังดีที่ใน พ.ร.บ.
ฉบับนี้มีการปรับปรุงเพิ่มใส่ข้อความว่า “โดยมิชอบ”
เข้าไป เพราะทีแรกบรรดาผู้พัฒนาซอฟต์แวร์หนาวกันเป็นแถว
เพราะถ้าเกิดซอฟต์แวร์มีบั๊กจนทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานไม่ได้
หรือร้านซ่อมคอมพิวเตอร์ที่ซ่อมแล้วผิดพลาด
จนไปขัดขวางการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ เพราะถ้าไม่มีคำว่า "โดยมิชอบ"
อาจมีโอกาสผิดในมาตรานี้ได้
มาตรา 9 และมาตรา 10 และลองอ่านมาตรา 12
ดูก่อน
มาตรา 12 ระบุว่า “ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา
9 หรือมาตรา 10
(1)
ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน
ไม่ว่าความเสียหายนั้นจะเกิดขึ้นในทันทีหรือในภายหลัง
และไม่ว่าจะเกิดขึ้นพร้อมกันหรือไม่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี
และปรับไม่เกินสองแสนบาท
(2)
เป็นการกระทำ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์
หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ
ความปลอดภัยสาธารณะ
ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ
หรือบริการสาธารณะ
หรือเป็นการกระทำต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่มีไว้
เพื่อประโยชน์สาธารณะ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี
และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสามแสนบาท”
เรียกว่าถ้าความเสียหายส่งผลกระทบในวงกว้าง เจอความผิดสองครั้งในมาตรา
12 แน่นอน
คำเตือนถึงชาวเน็ต
:
โพสต์กระทู้ ฟอร์เวิร์ดเมล์ แอบอ้างใส่ร้ายป้ายสีออนไลน์
ฯลฯ
มาตราเด็ดที่พวกใช้อินเทอร์เน็ตต้องพึงระลึกเอาไว้ห้ามลืม
คือ
มาตรา 14 ระบุว่า “ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
(1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ
โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
(2) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
(3) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ
อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
(4) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ
ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
(5)
เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม
(1) (2) (3) หรือ (4)
มาตรานี้อันตรายมากสำหรับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่มีพฤติกรรมดังต่อไปนี้:
Ø
ชอบโพสต์แสดงความคิดเห็นกันแบบสุดขั้ว
ยกเมฆข้อมูลโคมลอย
กล่าวอ้างแบบไม่มีหลักฐาน
Ø นักฟอร์เวิร์ดเมล์ทั้งหลาย
ที่เจออะไรก็ส่งต่อไปหาคนอื่นอีกเป็นสิบ
เป็นร้อย
Ø
พวกที่จัดทำหรือเผยแพร่เว็บไซต์ลามกอนาจาร
รวมไปถึงเพื่อน ๆ
ผู้หวังดีที่ฟอร์เวิร์ดอีเมล์ ซึ่งมีภาพลามกอนาจารให้แก่หนุ่ม ๆ
สาว ๆ
จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับอีกไม่เกิน 100,000 บาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ แถมให้อีกกระทงสำหรับพวกมือบอนชอบตัดต่อภาพถ่ายคนโน้นมาแปะกับบางส่วนของคนนี้
ระวังเจออาญาติดคุกไม่รู้ตัว
มาตรา 16 ระบุว่า “ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น
และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ แต่งเติม
หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด ทั้งนี้
โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น
ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี
หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่ง เป็นการนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยสุจริต
ผู้กระทำไม่มีความผิด
ความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้
ถ้าผู้เสียหายในความผิดตามวรรคหนึ่งตายเสียก่อนร้องทุกข์
ให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือบุตรของผู้เสียหายร้องทุกข์ได้
และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย”
ส่วนบรรดาเจ้าของเว็บไซต์ที่ให้คนโน้นคนนี้มีโพสต์ภาพ โพสต์ไฟล์วิดีโอ
หรือบรรดาเว็บทอเรนต์สัญชาติไทยทั้งหลาย
อย่าคิดว่าไม่ได้เป็นคนโพสต์เองแล้วจะไม่มีความผิดนะ
มาตรา 15
ระบุว่า “ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา
14 ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน
ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมาตรา
14” มาตรา
15 นี้คงทำเอาเว็บไซต์ชุมชนอย่าง pantip.com
ปวดหัวได้ไม่น้อยทีเดียว
เพราะเสี่ยงเหลือเกินกับการที่จะต้องหาทางพิสูจน์ให้ได้ว่า
ตัวเองไม่ได้สนับสนุน
และไม่ยินยอมให้มีการโพสต์ข้อความอันน่าจะเข้าข่ายตามมาตรา 14
อย่างอิสระ
แต่ที่แน่ๆ บรรดาเว็บโหลดภาพ
เว็บทอเรนต์ลามกอนาจารทั้งหลายผิดแน่นอน
อีเมล์ขยะ....อีเมล์ไวรัส
มาตราชวนปวดหัว
มาตรา 11 ระบุว่า “ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่น
โดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มาของการส่งข้อมูลดังกล่าว
อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยปกติสุข
ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท” ดูเหมือนมาตรานี้จ้องเล่นงานบรรดาสแปมเมล์หรืออีเมล์ขยะก่อกวนทั้งหลาย
แต่ลองดูสถานการณ์เหล่านี้ประกอบ
v
ถ้า
นาย ก. ส่งอีเมล์ขายสินค้าก่อกวนผู้ใช้ทุกวัน วันละเป็นร้อยฉบับ
แต่แจ้งชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ชัดเจน
และไม่มีการปลอมแปลงแหล่งที่มาของการส่งข้อมูล...
อย่างนี้ก็ไม่ต้องรับโทษ??
v
ถ้าบังเอิญเครื่องคอมพิวเตอร์ของ
นาย ข. ติดไวรัสหรือเวิร์ม
ซึ่งสามารถส่งอีเมล์พร้อมไวรัสออกไปรบกวนผู้ใช้คนอื่นๆ
ได้โดยอัตโนมัติและมีการปลอมแปลงสลับชื่อผู้ส่งไปมาเป็นว่าเล่น
(ซึ่งเป็นพฤติกรรมปกติของเวิร์ม) อย่างนี้จะเข้าข่ายมาตรา 11
หรือไม่ ?
อย่างนี้ในกรณีแรกอย่างมากก็คงแค่โทรไปต่อว่า แต่สำหรับกรณีที่ 2
นี่สิ ถ้าเกิดเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณโดนไวรัสขึ้นมาจริง ๆ
และดันมีคนที่ไม่เข้าใจในพฤติกรรมของไวรัส
แต่กลับมาฟ้องร้องทุกข์เอาผิดอาญากับคุณ ใครต้องเป็นคนพิสูจน์จะพิสูจน์ยังไงว่าโดนไวรัสจริงหรือไม่
ถ้าบังเอิญ นาย ข. รู้ตัว และจัดการกำจัดไวรัสหรือเวิร์มตัวนั้น ๆ
ไปแล้ว หรือไม่ก็จัดการฟอร์แมตฮาร์ดดิสก์เสียใหม่ แต่บังเอิญโชคดีสุดๆ
โดนฟ้องขึ้นมา จะเอาหลักฐานอะไรไปยืนยันว่า
ตัวเองไม่ได้ส่งอีเมล์ออกไปด้วยตัวเอง
แต่เป็นเพราะไวรัสคอมพิวเตอร์??
ฝากไว้คิดชวนปวดหัวเล่น.... ปิดท้าย
ความจริงเรื่องของ พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ยังไม่จบ คนที่ปวดหัวไม่ได้มีแต่ผู้ใช้เท่านั้น
แต่รวมไปถึงผู้ให้บริการด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรา 28
ที่ระบุให้ผู้ให้บริการต้องเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้ไม่น้อยกว่า
90 วัน โดนกันเป็นแถวตั้งแต่ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ไอเอสพี
ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ (เพราะมือถือเดี๋ยวนี้ก็เล่นเน็ตได้) ฯลฯ
แถมข้อมูลดังกล่าวก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องจัดเก็บอะไรบ้าง
ซึ่งก็คงต้องรอการออกกฎเกณฑ์ระบุเพิ่มเติมต่อไป
ต้องบอกว่า พ.ร.บ.
ฉบับนี้ถือเป็นการพลิกโฉมหน้าวงการคอมพิวเตอร์
และอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยครั้งใหญ่ทีเดียว....
ถ้าบังคับใช้กันได้จริง!!!
ในส่วนของผู้ใช้ ..
ต่อไปนี้อาจจะต้องระมัดระวังตัวเองให้มากขึ้นอีกสักนิด
โดยเฉพาะคนที่ชอบโพสต์ ชอบส่งต่อ
ของดีของโดนอะไรทั้งหลาย
อ้างอิง : หนังสือ Winmag Commart ฉบับที่ 168
Chalida B. แก้ไข รวบรวม เรียบเรียง
ขอบคุณมากครับ สำหรับข้อมูลดี ๆ อย่างนี้ คราวนี้พวกเราต้องคอยระวังด้วยนะครับ ในสำนักงานของเรา คอมพิวเตอร์ที่ต่อ Net อยู่ ต้องสามารถบอกได้ว่า "ใครใช้เครื่องใหน" เพราะหากเกิดปัญหาแล้วไม่สามารถหาได้ว่าใครเป็นผู้ใช้เครื่องที่ก่อปัญหา ความรับผิดชอบจะตกอยู่กับตัวหน่วยงานหรือผู้ดูแลระบบทันที........
เป็นข้อมูลที่ดีมากครับ เพราะผมก็ทำงานด้านเว็บไซต์อยู่
ขอบคุณนะคะ ถ้ามีสิ่งที่มีประโยชน์อย่างอื่นอีกจะนำมาเผยแพร่ต่อไปค่ะ ขอบคุณนะคะที่เป็นกำลังใจ
ขอบคุณมั๊กมากนะคะสำหรับข้อมูล
ดีมากค้าบเยี่ยมมากอ่านแล้วแจ่มจากเด็กป.6จริงๆ
ข้อมูลดีมากเลยครับ มีมาตราเสริมบอกรายละเอียดพร้อมความเข้าใจ ^^