เรื่องเครียดๆของคนมีงานทำกับคนตกงาน
โดย ninamama bloggang.com
เมื่อวานได้ลองเข้าห้องสีลมโดยบังเอิญ เพราะปิด payroll แล้ว ดังนั้นก็ว่างนิดๆ เข้าไปดูปรากฎว่ามีหลายอย่างในหลายกระทู้ที่เราคิดว่าเราในฐานะที่เคยทำ recruitment ในองค์กรที่ใหญ่พอดูน่าจะบอกกล่าวความรู้ที่ป็นประโยชน์ได้บ้างเนอะ บอกผ่านทางBlogของเราดีกว่า ไม่อยากตอบในกระทู้ (ไม่รู้ว่าจะมีใครมาอ่านมั้ยเนี่ย)
เอาหล่ะ..เริ่มที่เรื่องจะเรียนต่อโทดีมั้ย สาขาไหน ที่ไหนดี
คำถามนี้ยอดฮิตมากเพราะประเทศไทยให้ความสำคัญกับวุฒิปริญญามากกว่าความสามารถของตัวบุคคล เชื่อหรือไม่ว่าเคยสัมภาษณ์เด็กผู้หญิง 1 คนที่ไปเรียนจบจากออสเตรเลียสาขา Hospitality โดยใช้เวลาแค่ 10 เดือน(โห..ยอดมนุษย์) เมื่อถึงคิวสัมภาษณ์ ก่อนที่เราจะถามอะไรน้องผู้หญิงชิงถามก่อนว่า…
"พี่คะ สัมภาษณ์ภาษาไทยนะคะ ภาษาอังกฤษหนูไม่ถนัด" เราก็สงสัยเพราะอ่านตามประวัตินั้นจบจากออสเตรเลียนี่นา หลังจากคุยกันพอสมควรก็สรุปได้ดังนี้คือ เนื่องจากไปแค่ 10 เดือน เรียนอย่างเดียวเพื่อปริญญาใบนี้เลยไม่มีทักษะการฟัง+พูด ที่ทำได้คือการเขียนและแกรมม่าแน่นปึ๊กตามแบบฉบับเด็กไทย ที่ผ่านมาก็เรียนอย่างเดียวไม่คยทำงานมากก่อน ทีนี้มาทายกันว่าน้องคนนี้จะได้งานมั้ย อ้อ..ตอนนั้นเราทำหน้าที่ recruit ให้กับกลุ่มโรงพยาบาลมหาชนแห่งหนึ่ง (ไฮโซนะจ้ะ) หาคนมาทำงานตำแหน่งลูกค้าสัมพันธ์ที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษคล่องนิดนึงเพราะลูกค้าเราเป็นชาวต่างชาติที่มาทำงาน+พำนักที่นี่ที่เค้าเรียกว่า EXPAT ค่ะ
งานนี้น้องคนนี้ไม่ได้รับการพิจารณาค่ะ อ่ะ…บอกก็ได้ว่าตำแหน่งนี้จะเริ่มสตาร์ทที่ 12-15 K + 3K ค่าภาษาที่สามเช่น ฝรั่งเศส หรือ เยอรมัน ค่ะ ไม่รวมโอที+ยูนิฟอร์มนะคะ งานน่าสนใจนะ…ใช่มั้ยเอ่ย
ที่นี้มาดูกรณีต่อไปนะคะ สาวน้อยคนนึง(สวยมากด้วย) เรียนกำลังจะจบมาขอฝึกงาน เราก็ให้มาฝึกรับมาตามขั้นตอน เนื่องจากน้องทำงานดีแม้จะยังไม่จบก็ได้รับข้อเสนอให้ทำงานเลยไม่ต้องฝึกงานแล้วเพราะน้องเรียนรอบค่ำ น้องคนนี้ขวนขวายในชีวิตมาก เราก็คอยบอกน้องว่าอย่าลืมภาษาอังกฤษนะ น้องก็ไปพยายามเรียนจนได้ไปทำงานเลขาฯ แต่ไปเป็นที่อื่นนะ ก็อาจจะได้ offer salary packageที่ดีกว่า ก็ได้ดีไปทั้งๆที่จบมหาวิทยาลัยเอกชนในภาคค่ำ ย้ำว่าภาคค่ำค่ะ
จากสองกรณีที่กล่าวมาเป็นตัวอย่างนี้ มีกรณีที่คล้ายๆกันอีกค่ะแต่ขอไม่บอกมากก็ละกัน เดี๋ยวหาว่าเอาความลับมาเปิดเผย จากความคิด+ประสบการณ์ที่ผ่านมา กระดาษที่อุตส่าห์ไปไขว่ขว้าหามาเนี่ยมันเป็นแค่ตัววัดมาตราฐานทั่วไปที่ใครๆที่เรียนได้+ได้เรียนเพราะฐานะทางบ้านเอื้ออำนวย….แต่ไม่ใช่ตัวช่วยที่จะทำให้คุณได้งานดีๆ ประสบการณ์การทำงานในองค์กรดีๆซัก 2 ปี+ความรู้ภาษาอังกฤษดีๆเอาแค่ได้โทอิคซัก 550 ขึ้นไปหรือภาษาที่สามเช่น ญี่ปุ่นหรือเยอรมัน/ฝรั่งเศส ที่ไม่ใช่รู้แค่งูๆปลาๆนะคะ คุณสมบัติแค่นี้จะทำให้คุณก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับวุฒิปริญญาตรีที่ทุกๆคนที่ใฝ่ฝันเป็นลูกจ้างมืออาชีพได้เงินเดือนในอุดมคติทั้งนั้น
ดังนั้นก่อนเรียนต่อโท ถามตัวเองก่อนว่าเพื่ออะไร
หากแค่เพื่อเพราะ…ใครๆก็มีกัน งั้นขอถามว่าอยากเป็น someone or somebody?
หรือเรียนเพราะทำงานที่เดิมมานานตำแหน่งไม่เคลื่อนที่ คิดว่าได้วุฒิมาแล้วเค้าจะปรับเงินเดือนให้ ขอตอบตรงนี้ให้เลยนะคะว่าที่ผ่านมา 3 บริษัทฯนับที่ปัจจุบัน ไม่มีนโยบายนี้ค่ะ หาก performance ไม่ดีก็อย่าหวังค่ะ
แต่หากทำงานมาซักพัก อยากรู้มากขึ้น แนะนำว่าเก็บเงินไปเรียนประเทศไหนก็ได้ที่คิดว่าไม่เจอคนไทย เพราะนั้นจะเป็นโอกาสที่คุณจะได้ฝึกภาษาที่ประเทศนั้นๆพูดเช่น อังกฤษ หรือสวีดิช/ดัชช์ มีงบน้อยก็เรียนแค่ภาษา งบเยอะก็เรียนให้จบมาซักใบให้พ่อแม่ชื่นใจ แล้วก็ต้องมุ่งมั่นว่าจะทำงานทุกอย่างด้วยความอดทน
อย่ารอให้ใครมาเลือกเราเพียงฝ่ายเดียว เพราะหากคุณจำใจต้องทำงานที่ไม่ชอบหรือบริษัทฯที่ไม่มั่นคง ก็คงทำได้ไม่นาน และอย่าช่างเลือกว่าชั้นจบโทเมืองนอกหรือมหาวิทยาลัยรัฐฯชื่อดังอันดับต้นๆ ต้องสตาร์ทอย่างต่ำ 45K up….ลองมาดูโลกแห่งความเป็นจริงมั้ยว่าฐานเงินเดือนอยู่ที่เท่าไร
ป.โท อยู่ระหว่าง 15K(Automotive/Marketing Dep.) or 28K(Oil&GAS)
ป.ตรี 12K(Airline)/10-12K(Banking)/12-15K(Hospitality) or 24K(Oil&GAS)
ความแตกต่างมันไม่มากไปกว่ากัน ดังนั้นตั้งต้นดีๆและอย่าหยุดพัฒนาตนเอง ว่างๆก็เอาหนังเสียงในฟิลม์มาฟัง มีทุนที่ไหนก็ไปสอบชิงกับเค้าบ้าง ไปเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่อเมริกาซัก 2 ปีก็ดี อย่าคิดแค่ว่าชั้นจะไปเรียนโทและจะได้เงินมากกว่านี้..เวลาที่จบแล้วเค้วงมันจะเศร้าหนักค่ะ
คิดว่าบอกมาเยอะแล้วนะ ใครสงสัยอะไรก็ถามๆมานะคะ ไว้จะเข้ามา update อีกเวลาว่างๆนะคะ
Last Update : 17 สิงหาคม 2550 13:40:18 น.
ที่มา : http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=dankenundheidi&group=5<hr width="100%" size="2" />
ไม่มีความเห็น