หัวใจสำคัญหนึ่งของเว็บ 2.0 คือ ผู้ใช้เป็นผู้สร้างเนื้อหาและมีความเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งของเว็บไซต์ เราสามารถเห็นตัวอย่างการใช้งานจากเครื่องมืออย่าง blog, podcasts, videocasts, หรือแม้กระทั่ง wiki เนื่องจากผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเก่งคอมพิวเตอร์มากๆ แค่เปิดเครื่องเป็น ขยับเมาส์ และพิมพ์ดีดได้ ทุกคนก็สามารถสร้างเนื้อหาเหล่านั้นใส่ในอินเทอร์เน็ตได้แล้ว แต่... ทำไมความสำเร็จของเหตุการณ์นี้จึงไม่ค่อยได้เห็นได้โดยง่ายในประเทศไทย คำตอบอาจจะอ้างอิงจาก Michael Wesch ซึ่งได้เคยกล่าวไว้ว่า คนเรา "give show" มากกว่า "give information" ถ้าหากจะมองบริการของเว็บไซต์อย่าง Hi5 ก็จะเห็นคำอธิบายนี้ได้ชัดเจนขึ้น ผู้คนจำนวนมากเข้าใช้งานบริการนี้เพราะพวกเขารู้สึกว่าตัวเองสามารถควบคุมการแสดงออกของตัวตนให้ผู้อื่นได้รับรู้ในสิ่งที่เขาเป็น หรือสิ่งที่เขาอยากให้คนอื่นคิดว่าเขาเป็นได้
Hi5 สามารถสร้างปรากฎการณ์ผู้ใช้ชาวไทยจำนวนมาก ทั้งๆ ที่บริการหลักมีแค่เพียงการตบแต่ง profile ของตน และการ make friend เท่านั้นเอง แต่คุณค่าของการสร้างเครือข่าย social network และ friend of a friend (foaf) ทำให้ชุมชน Hi5 มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ข้อดีสำหรับบริการนี้ก็คือ ผู้ใช้งาน ได้มีโอกาสเปิดเผยตัวตนของตัวเอง ได้เพื่อนคนหนึ่งจากการคบหาเพื่อนอีกคนหนึ่ง แม้ความกล้าแสดงออกของชาวเอเชียอย่างคนไทยจะไม่ได้มากมายอย่างชาวตะวันตก แต่ netizen ชาวไทยได้เริ่มปลูกฝั่งตัวเองให้กล้าที่จะแสดงออกทางความคิดและเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น บริการนี้สร้างความแตกต่างโดยการให้ผู้ใช้ใส่รูปภาพ ใส่รายละเอียดของตัวเอง ลงไปเพื่อแชร์สิ่งที่ตนเองออกอยากจะบอกให้คนอื่นได้รู้ ผมเคยถามน้องที่ใช้ Hi5 ว่ามันสนุกตรงไหน เค้าตอบว่า สนุกตรงที่ได้โชว์นี่แหละ บางคนมีเพื่อนเป็นหมื่นใน Hi5 เลยนะ
บนกระจกด้านหนึ่งภาพที่ได้เห็นคือ การที่ผู้คนได้ปลดปล่อยความเป็นตัวของตัวเองบนอินเทอร์เน็ต คนที่ให้ข้อมูลกับเว็บไซต์มากคือคนที่มีตัวตนอยู่จริงบนโลกมนุษย์ ในขณะที่คนที่ไม่กล้าใส่รูปหรือไม่บอกอะไรกับเว็บไซต์คือคนที่กำลังพยายามจะซ่อนตัวให้คนอื่นไม่สามารถเชื่อมโยงได้ว่าตัวละครบนเน็ตตัวนี้คือใครในโลกแห่งความเป็นจริง สาเหตุอาจจะเกิดจากความเชื่อที่สะสมกันมาเนิ่นนานที่ว่า "การบอกข้อมูลของเราบนอินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งที่อันตราย เราไม่อาจปกป้องตัวเองจากภัยคุกคามที่มองไม่เห็นได้" หรืออีกสาเหตุหนึ่งผมเคยได้ยินมาว่า "ผู้ที่ปิดบังต้องการข้อมูลที่เป็นกลางจากผู้อื่น ไม่อยากให้ความเป็นตัวตนบนโลกมนุษย์ของตนเองส่งผลกระทบกับเสียงสะท้อนที่ได้รับบนอินเทอร์เน็ต" แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด เราก็ได้เห็นพฤติกรรมของคนมากมายที่ใช้นามปากกา ใช้นามแฝง ใส่รูป avartar เพื่อแทนตัวเองบนอินเทอร์เน็ต
หากจะพูดถึง bloger ที่เกิดขึ้นมากมาย หลายคนยังสนุกอยู่กับการเป็นบุคคลเร้นลับ ไม่ว่าจะเป็น คุณ conductor, และ peetai บางคนผมก็ไม่รู้จักและก็ไม่เห็นข้อมูลส่วนตัวใดๆ ใน blog ของเขา แต่พวกเขาเหล่านี้ก็มีผลงานเป็นที่ประทับใจให้ผู้คนในสังคมได้เห็นอย่างต่อเนื่องเสมอมา และก็มีอีกหลายคนที่สร้าง brand ของตัวเองจากนามปากกา อย่างเช่น คุณ iday, dominixz, redtor ที่สร้างสีสรรขยันอัพ blog ให้เราได้อ่านเป็นประจำ สุดท้ายก็มี blogger บางกลุ่มเหมือนกันที่ใช้ทั้งชื่อจริง นามสกุลจริง และรูปถ่ายจริงของตัวเองใน blog อย่างคุณ worawisut, nareemal และ pawoot เป็นต้น มีคนบอกผมว่าแบบสุดท้ายนี้น่าจะดูดีที่สุดเพราะมันคล้ายเป็น resume ส่วนตัวที่เราสามารถบ่งบอกผลงานของเราให้ผู้คนได้รับรู้ ที่แน่ๆ ไม่ว่าพวกเขาคือใครผมเชื่อว่า blogger เหล่านั้นได้ contribute สิ่งดีๆ ให้กับวงการอินเทอร์เน็ตไทยของเรา
โลกบนอินเทอร์เน็ตไม่ได้น่ากลัวลี้ลับจับตัวตนไม่ได้ หากต้องการจะทราบจริงๆ เราก็สามารถสืบได้ว่าใครคือผู้อยู่เหนือคีย์บอร์ดที่กำลังกดปุ่มสั่งการคอมพิวเตอร์อยู่ ล่าสุดกฎหมาย พรบ. ว่าด้วยการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์ก็ได้ออกมาบอกว่าผู้ให้บริการต้องเก็บการจราจรทางคอมพิวเตอร์หรือเก็บ log อย่างน้อย 90 วันเพื่อการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ หากเรามั่นใจว่าเรากำลังทำในสิ่งที่ดี เราก็ไม่ต้องกลัวอะไร การแสดงออกของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตไทยจะกลายเป็นแรงขับดันให้เกิด "การปฏิวัติดิจิทัล" ที่ทุกคนมีตัวตนอยู่จริง มีสิทธิ์ มีเสียง และสามารถ give show ได้อย่างเต็มที่ในขอบเขตของประชาธิปไตย สังคมออนไลน์ที่ใสสะอาด สามารถตรวจสอบได้ อยู่ที่ผู้ใช้ อยู่ที่ผู้ให้บริการ หรืออยู่ที่กฎหมายกำหนด เรามีตัวตนบนอินเทอร์เน็ตแล้วหรือยัง แล้วคุณหละคิดอย่างไร How do u think?
Hi หรือ social อื่นๆ เท่าที่สังเกตมาระยะใหญ่ๆ ผมมองว่าเป็นเพียงยอดเดิมของ "ได" เดิมที่มีมานานมากแล้ว พวกนี้เน้นนำเสนอว่า "คุณเป็นใคร" ไม่ใช่ "คุณจะให้อะไร" ก็ไม่น่าแปลกที่จะออกมาในรูปของการแสดงออก หรือแสร้งแสดงออกในตัวตน
ถ้าจะมองว่าเป็นแค่ไทยผมว่าอาจจะแคบไป ปรากฏการณ์แบบนี้เป็นทั่วโลก เป็นพฤติกรรมธรรมดาของ Homo sapiens sapiens แล้วมันก็เปลี่ยนไปตามเทคโนโลยี
เราพอจะนึกเรื่องสัดส่วนคนที่เขาบอกว่ามี 95-5 มั๊ยครับ ผู้ตาม-คนคิดต่าง
เราพอจะนึกเรื่องสัดส่วนคนที่เขาบอกว่ามี 95-5 มั๊ยครับ ผู้ตาม-คนคิดต่าง
กินลึกถึงใจ
ขอบคุณมากครับ พูดถึงผมด้วย :) แต่ผมเข้าข่ายอันหลังแล้วนะครับ
ใช้ชื่อ นามสกุลจริง แล้วก็มีรูปด้วย อิอิ
:) ไม่ได้มีอะไรมากหรอกครับ
จริงๆ ตรงจุดนั้นต้องการจะสื่อว่า มีคนที่ใช้ชื่อตัวเองเป็นชื่อโดเมนเลย ก็ชัดเจนดี
ส่วนในกลุ่มที่สองน่าจะประมาณว่าสร้างแบรนด์ใหม่ขึ้นมา อันนี้ก็น่าสนใจดีครับ
อย่าง Dominixz นี่ บอกจริงๆ ว่าไม่เคยจำชื่อจริงได้เลยนะ จำได้แต่แบรนด์ครับ
แต่ก็ไม่มีใครรู้ ตัวตนที่แท้จริงของคุณได้บโลกอินเทอร์เน็ต...
สวัสดีค่ะ
เป็นคนหนึ่งที่แสดงตัวตนทางเน็ต ด้วยความจริงใจ และมีหลายสิ่งหลายอย่าง เกิดขึ้นในบันทึก เป็นสิ่งดีๆ สนับสนุน การแสดงตัวตนค่ะ รู้สึกปลอดโปร่ง เมื่อได้อ่านของเขาค่ะ
คุณ pamai อย่างที่ผมเขียนในบทความครับ ถ้าหากจะหาตัวจริงๆ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ครับ
สวัสดีครับคุณ ตันติราพันธ์
ยินดีครับ ขอให้สนุกกับการใช้อินเทอร์เน็ต และได้มิตรที่มีตัวตนบนอินเทอร์เน็ตเยอะๆ นะครับ